ตอนที่ 360 เจ้าเชื่อข้า

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

“แน่นอน เป้าหมายของข้าคือการทำลายล้างสำนักอวิ๋นเยียน” สำหรับคำถามนี้ มู่เฉียนซีตอบได้อย่างตรงไปตรงมา

“เสี่ยวซีซี การลงมือทำลายล้างสำนักอวิ๋นเยียน ลำพังเจ้าเพียงคนเดียวนั้นเหนื่อยมาก เราสองคนมาร่วมมือกันดีหรือไม่ ?” เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวถาม

“เจ้าสืบข่าวที่อยู่ของหม้อเทพนิรันดร์ให้ข้าก่อนเถอะ นั่นเป็นเรื่องสำคัญมาก”

อย่างไรเสียหนี้เลือดก็ต้องชำระแน่นอนอยู่แล้ว แต่ความปลอดภัยของท่านอาเล็กนั้นสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด นางแยกแยะความสำคัญก่อนหลังไว้อย่างชัดเจน

เชียนอ้าวเซี่ย “เสี่ยวซีซีเจ้าวางใจเถอะ ข้าจะรีบสืบข่าวที่อยู่ของคนของหุบเขาหมอเทวดาให้เร็วที่สุด”

หุบเขาหมอเทวดานั้นไม่ได้อยู่ในเซี่ยโจว นอกเหนือจากอำนาจของหอเชียนอิน การจะสืบข่าวของพวกเขามาให้ได้นั้นไม่ง่ายเลย นอกเสียจากว่ารอให้พวกเขามาถึงเซี่ยโจวก่อน

คนของหุบเขาหมอเทวดาทั้งสามกลุ่มตายลงแล้วในเซี่ยโจว นางไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าพวกเขาจะนิ่งสงบและไม่ส่งคนมาเพิ่มอีก

เนื่องจากมีหอเชียนอินช่วยปกปิด สำนักอวิ๋นเยียนที่ต้องการตามหาเสี่ยวชีที่กำลังได้รับบาดเจ็บอยู่นั้น แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางหาเจอ

พวกเขาพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินตามหาทั่วทั้งเมืองเหยียนตูแล้วก็ยังไม่เจอจนแม้แต่ฮ่องเต้แห่งแคว้นอิ๋นเหยียนก็เกิดความร้อนรุ่มกลุ้มใจขึ้นมา

ในตอนนี้เอง อิ๋นซวงซวงเดินเข้ามากล่าวว่า “เสด็จพ่อ ข้าได้รับข่าวมาว่านักฆ่าเทพมรณะผู้นั้นมีอายุเพียงแค่สิบห้าสิบหกปีเท่านั้น”

“อืม”

“ข้าสงสัยสตรีผู้หนึ่ง ทันทีที่นางมาถึงเมืองเหยียนตู คนของสำนักอวิ๋นเยียนก็ตายทันที”

ฮ่องเต้แคว้นอิ๋นเหยียนกล่าวถามขึ้น “ซวงซวง คนผู้นั้นเป็นใครรึ ? แล้วตอนนี้นางอยู่ที่ใดกัน ?”

“นางอยู่ที่…”

กล่าวจบอิ๋นซวงซวงก็กล่าวต่ออีกว่า “เสด็จพ่อ สตรีผู้นั้นมีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งอย่างมาก อีกทั้งนางยังมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามเป็นสัตว์พันธสัญญา  เกรงว่าเราต้องแจ้งให้ผู้อาวุโสสำนักย่อยทราบ จะได้ร่วมมือกันจัดการกับนางได้”

“อืม” ฮ่องเต้ตอบรับบุตรสาว เขาไม่ยอมให้ยอดฝีมือของราชสำนักเป็นเป้ากระสุนปืนใหญ่อยู่แล้ว

มู่เฉียนซีที่กำลังพักผ่อนอยู่ในเวลานี้ลืมตาโพลงขึ้นมา นางรู้สึกได้ว่ามียอดฝีมือระดับจักรพรรดิกำลังใกล้เข้ามาซึ่งเป็นภัยอันใหญ่หลวงต่อนาง  หรือว่าจะมีคนรู้ข่าวของเสี่ยวชีแล้ว

เป็นไปไม่ได้! นอกเสียจากว่าเจ้าบ้าเชียนอ้าวเซี่ยผู้นั้นจะเปิดเผยความลับนี้ออกไป

เมื่อเชียนอ้าวเซี่ยได้ทราบข่าว เขาก็รีบวิ่งเข้าไปบอกมู่เฉียนซีอย่างตระหนกตกตื่น “เสี่ยวซีซีเจ้ารีบออกไปจากแคว้นอิ๋นเหยียนเร็วเข้า ไม่รู้ว่าสำนักอวิ๋นเยียนรู้ข่าวมาจากที่ใดจึงได้พายอดฝีมือมามากมายเช่นนี้”

มู่เฉียนซีขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะกล่าวถามขึ้น “พวกนั้นมาได้อย่างไรกัน ?! เจ้าเป็นคนปล่อยข่าวรึ ?”

เชียนอ้าวเซี่ยรีบปฏิเสธทันควัน “ข้าเปล่านะข้าเปล่า!”

“หากไม่ใช่เจ้า เช่นนี้เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำ”

ในใจเชียนอ้าวเซี่ยรู้สึกงุนงงเล็กน้อย “เสี่ยวซีซีเจ้าต้องเชื่อข้านะ”

ในเมื่อเขาบอกว่าไม่ใช่และไม่ได้อธิบายใด ๆ อีกทั้งเดิมทีมู่เฉียนซีก็ไม่คิดว่าเขาจะกล้าเอาความลับไปปูด นางจึงเชื่อในสิ่งที่เขากล่าว

มู่เฉียนซี “ถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือ แต่การหักหลังสหาย ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่ทำ”

เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวด้วยความตื่นเต้น “เสี่ยวซีซียอมเป็นสหายกับข้าแล้ว ข้าดีใจยิ่งนัก”

— ปัง! —

ทันใดนั้นประตูห้องของนางถูกเปิดออกอย่างรุนแรง คนกลุ่มหนึ่งวิ่งพรวดเข้ามาด้วยสีหน้าแววตาดุร้าย

อิ๋นซวงซวงชี้นิ้วไปที่มู่เฉียนซี “นั่น  คนผู้นั้น!”

ประกายแสงเย็นวาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี หรือว่าจะเป็นองค์หญิงรองที่เป็นผู้ชี้นำคนเหล่านี้มาเพื่อตั้งใจจะเล่นงานนาง ฮึ่ม… ใช่ ต้องใช่แน่นอน สงสัยว่าครานี้นางจะเจอเคราะห์ร้ายจริง ๆ เข้าแล้วสิ

องค์หญิงรองผู้นี้โชคดีไม่เลวเลย

มู่เฉียนซีเหลือบมองพวกเขาพลางกล่าวอย่างพยายามไม่ให้ดูมีพิรุธ “ไม่ทราบว่าทุกท่านมาที่นี่มีเรื่องอันใดรึ ?”

ผู้อาวุโสสำนักย่อยของสำนักอวิ๋นเยียนเห็นมู่เฉียนซีก็ผงะไป “เจ้าเป็นสตรีหรอกรึ ?” เขารู้สึกได้ว่านักฆ่าเทพมรณะผู้นั้นเป็นบุรุษ มิใช่สตรี

อิ๋นซวงซวง “บางทีตอนที่ลงมือฆ่า นางอาจจะปลอมตัวเป็นบุรุษเพื่อหลอกผู้อาวุโสทุกท่านก็เป็นได้ อย่างไรเสียเรื่องนี้ก็มีเงื่อนงำ ผู้อาวุโสจับตัวนางไปก่อนแล้วค่อยสอบปากคำกับนางเถอะ”

รอให้นางผู้นี้ถูกจับตัวคุมขังก่อนเถอะ นางจะทำให้ตายทั้งเป็นเลยคอยดู!

มู่เฉียนซีเอาป้ายคำสั่งของกลุ่มนักปรุงยาพันธมิตรออกมา “ข้าเป็นคนของกลุ่มนักปรุงยาพันธมิตร แน่ใจหรือไม่ว่าจะจับตัวข้า ?”

“นักปรุงยาระดับกลางรึ ? โอ้!” นักปรุงยานั้นไม่ว่าจะแคว้นใดเมืองใดก็จัดเป็นอาชีพที่มีความพิเศษ  โดยทั่วไปแล้วจะไม่มีใครกล้าล่วงเกินนักปรุงยา ต่อให้เป็นนักปรุงยาระดับกลางก็ตาม

“จะ… เจ้า… เจ้าเป็นนักปรุงยาระดับกลาง เป็นไปได้อย่างไรกัน ?” อิ๋นซวงซวงกล่าวอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“เช่นนั้นขอข้าดูความแข็งแกร่งของเจ้าหน่อย!”

ความแข็งแกร่งของมู่เฉียนซีนั้นคือปรมาจารย์ภูตระดับเก้า นี่เป็นเรื่องที่ไม่อาจปกปิดหรือลวงหลอกได้  แต่ทว่าพลังวิญญาณของนักฆ่าผู้นั้นเป็นเพียงแค่ราชาแห่งภูตระดับสาม เช่นนั้นแล้วคนละคนกันอย่างแน่นอน

มู่เฉียนซี “ข้ากับองค์หญิงรองผู้นี้เรามีความแค้นส่วนตัวกัน แต่ข้านั้นนึกไม่ถึงเลยว่าองค์หญิงรองจะมาใส่ร้ายข้าเช่นนี้  ข้าผิดหวังยิ่งนัก”

“ใช่แล้ว ช่างน่าผิดหวังยิ่งนัก!” เชียนอ้าวเซี่ยรีบกล่าวสำทับ

“แม่นางผู้นี้…” เชียนอ้าวเซี่ยได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในทุ่งน้ำแข็งออกมาให้ทุกคนฟัง องค์หญิงรองผู้นี้ไม่เพียงแต่ไม่รู้จักบุญคุณที่มู่เฉียนซีเคยช่วยชีวิตนางเอาไว้  ซ้ำร้ายยังคิดแค้นเกลียดชังและคิดแต่จะแก้แค้นมู่เฉียนซี

ใบหน้าผู้อาวุโสสำนักย่อยของสำนักอวิ๋นเยียนพลันหม่นคล้ำ เขาหันไปมองฮ่องเต้อิ๋น “พระองค์เลี้ยงบุตรสาวได้ดีจริง ๆ ข้านั้นนึกไม่ถึงเลยว่าบุตรสาวของพระองค์จะกล้าวางแผนยืมมือสำนักอวิ๋นเยียนฆ่าศัตรูส่วนตน”

“ผู้อาวุโสอู่ ข้าก็ไม่ทราบมาก่อนเช่นกัน” ฮ่องเต้อิ๋นกล่าวด้วยความลุกลี้ลุกลน

ทันใดนั้นเอง มีเสียงเสียงหนึ่งดังก้องขึ้นมา เขายิ้มพลางกล่าวถามว่า “พวกท่านมาหาฮูหยินของนายน้อยข้าด้วยท่าทางดุดันเช่นนี้ตั้งแต่เช้าตรู่ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอันใดรึ ?”

ฮ่องเต้อิ๋นกับผู้อาวุโสได้ยินพลันตกใจอ้าปากค้าง “ฮูหยินของนายน้อย!”

เขาคือผู้นำเหอ  ผู้นำแห่งสมาคมพันธมิตรย่อยของหอการค้าอันดับหนึ่ง  นายน้อยที่เขากล่าวถึงนั้นมีเพียงคนเดียวเท่านั้นนั่นก็คือนายน้อยน่าหลานอวี้  สตรีผู้นี้คือว่าที่ฮูหยินของนายน้อยน่าหลานอวี้เช่นนั้นรึ ?

เชียนอ้าวเซี่ยขมวดคิ้วไม่พอใจ “เจ้าพุงพลุ้ยเหอ เจ้าอย่ามากล่าววาจาซี้ซั้ว  ข้าไม่ยักจำได้ว่าน่าหลานอวี้มีคู่หมั้น  อีกอย่าง เสี่ยวซีซีไม่มีวันตบแต่งกับคนเจ้าเล่ห์เช่นนั้นแน่นอน”

ผู้นำเหอมองชายหนุ่มใบหน้างาม ผิวขาวราวหิมะผู้นี้ก็ตกใจเล็กน้อย… “ทะ… ท่าน…”

ผู้นำเหอ “แม่นางมู่มีป้ายคำสั่งของนายน้อยขอรับ  นอกจากฮูหยินของนายน้อยที่มีสิทธิ์ได้มา ดูเหมือนว่าคนอื่น ๆ จะไม่มีสิทธิ์นี้นะขอรับ”

ไม่ว่ามู่เฉียนซีจะใช่ว่าที่ฮูหยินของน่าหลานอวี้หรือไม่ แต่หอการค้าอันดับหนึ่งก็เป็นผู้หนุนหลังนาง  ครานี้ไม่เพียงแต่ได้ล่วงเกินนักปรุงยาระดับกลาง แต่ยังล่วงเกินน่าหลานอวี้อีกด้วย

“นังบุตรชั่ว!”

— เพี๊ยะ! —

ฮ่องเต้อิ๋นตบฝ่ามือเข้าที่ใบหน้าอิ๋นซวงซวงอย่างแรง

“ฝากพระองค์สั่งสอนบุตรสาวให้ดีด้วย” ผู้อาวุโสอู่กล่าวอย่างหงุดหงิดใจ จากนั้นพวกเขาก็พากันกลับไป แต่สิ่งที่คนกลุ่มนี้คิดไม่ถึงนั่นก็คือ นักฆ่าเทพมรณะที่พวกเขากำลังตามตัวอยู่ เวลานี้ได้นอนเอนกายอยู่ในห้องของมู่เฉียนซี  พวกเขาเดินเข้าไปอีกไม่กี่ก้าวก็จะเห็นนักฆ่าเทพมรณะผู้นั้น

ผู้นำเหอยิ้ม  กล่าวว่า “คุณชายเซี่ย ครั้งนี้ออกข้างนอกมานานสักระยะแล้วกระมัง  ควรกลับจวนได้แล้ว ป่านนี้เกรงว่าคนที่จวนคงจะเป็นกังวลจนคลั่งแล้ว”

“ไม่ได้ ข้าจะอยู่กับเสี่ยวซีซีของข้า”

“คุณชายเซี่ย มีคำคำหนึ่งได้กล่าวเอาไว้ว่า ฮูหยินของสหายมิอาจข่มเหงรังแกได้” เพื่อเป็นการป้องนายน้อยของตนเอง  ผู้นำเหอจึงกล้ากล่าวเช่นนี้ออกมา

มู่เฉียนซีใบหน้าหม่นคล้ำ คนทั้งหมดนี้ล้วนแต่กล่าววาจาอะไรไม่รู้ ซี้ซั้วกันทั้งนั้น

เชียนอ้าวเซี่ย “ผู้นำเหอไม่ต้องกังวลมากไป ข้ากับอวี้สนิทสนมกันปานนั้น แท้จริงแล้วข้ารู้ความลับของเขาว่าเขาชอบไม้ป่าเดียวกัน อ้อ แล้วเรื่องนี้เจ้าก็อย่าปากพล่อยไปพูดให้ใครฟังเชียว ไม่เช่นนั้นอวี้ต้องฆ่าข้าแน่ ๆ”

ผู้นำเหอกล่าวเสียงสั่นเครือ “เป็นไปไม่ได้! คุณชายเซี่ยอย่าได้เอาเรื่องเช่นนี้มาล้อเล่น ข้ายิ่งใจไม่ดีอยู่ด้วย”

มู่เฉียนซีตกใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของเจ้าบ้าเซี่ยผู้นี้กับน่าหลานอวี้นั้นคงจะไม่ธรรมดา ถึงได้รู้ความลับสุดยอดนี้ของน่าหลานอวี้ได้

มู่เฉียนซีพยักหน้า “ผู้นำเหอ ข้ายืนยันอีกเสียงว่าน่าหลานอวี้ชอบไม้ป่าเดียวกันจริง ๆ เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ท่านก็หยุดเข้าใจข้าผิดได้แล้ว อีกอย่าง คุณชายเซี่ยรู้เรื่องของน่าหลานอวี้ดีเช่นนี้ ไม่แน่ทั้งสองคนอาจจะเป็นเนื้อคู่กันก็ได้”

.

.

.