จี้เยียนหรันเข้าออกสถานที่ชั้นสูงเช่นนี้ตั้งแต่อายุสิบห้า เห็นเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
เธอกลับกลัวว่าเย่เทียนจะไม่ชิน
ยังไงซะต่อให้เย่เทียนจะแสดงความสามารถออกมาได้อย่างน่าสยองขวัญ แต่ที่นี่ก็ยังเป็นงานประมูลที่มีเพียงคนระดับสูงเท่านั้นจึงจะเข้าได้ คนที่ฐานะไม่ถึงเข้ามาไม่ได้หรอก
เธอเอียงคอเล็กน้อย ก็เห็นสีหน้าเย่เทียนเป็นปกติ ไม่ฉายแววแตกตื่นเลยสักนิด จี้เยียนหรันถึงได้สบายใจขึ้น
ทั้งคู่เพิ่งก้าวเข้ามาในห้องโถง พอดีกับที่จี้เจิ้งโก๋เดินออกมาจากข้างใน จึงรีบเข้ามาต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “สหายเย่ ในที่สุดคุณก็มา”
“นายท่าน”
เย่เทียนส่งยิ้มและพยักหน้าเป็นการทักทาย
“สหายเย่ ฉันมีเพื่อนเก่าคนหนึ่งกำลังมา ถ้าคุณไม่ว่าอะไรโปรดรอสักครู่ เดี๋ยวฉันแนะนำให้รู้จักกัน”
จี้เจิ้งโก๋เอ่ยต่อราวกับกลัวว่าเย่เทียนจะไม่พอใจ “แน่นอนว่าจะให้หลานสาวของฉันพาคุณเย่เข้าไปก่อนก็ได้”
“ไม่เป็นไรครับ ผมรอเป็นเพื่อนคุณดีกว่า”
เย่เทียนที่เพิ่งมาถึงไม่ได้รีบร้อนเข้าไป
ส่วนจี้เยียนหรันยิ่งไม่ว่าอะไรเลย
ทั้งสามคนจึงมาอยู่ที่หน้าประตู รอเพื่อนเก่าคนนั้นของจี้เจิ้งโก๋ไปพลาง คุยเล่นเรื่อยเปื่อยไปพลาง
ไม่นานนัก หางตาเย่เทียนก็เหลือบเห็นร่างอันคุ้นเคยสองร่าง สีหน้าประหลาดขึ้นมาทันที
ไม่มีเหตุผลอื่น คนที่มานั้นไม่ใช่ใครอื่น หลินอ้าวเสว่และเยี่ยนจื่อเฉินนั่นเอง
ในขณะที่เย่เทียนพบว่าเป็นทั้งสองคน ทั้งสองคนก็เห็นเย่เทียนเช่นกัน
หลินอ้าวเสว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มองจี้เจิ้งโก๋ที่พูดคุยอย่างออกรสกับเย่เทียนแล้วนึกในใจว่าเย่เทียนไปข้องแวะกับตระกูลจี้ได้ยังไง
แปลกใจส่วนแปลกใจ การแสดงออกของเย่เทียนที่งานรวมรุ่นคราวก่อนทำร้ายจิตใจเธอไปแล้ว เธอก็ขี้เกียจจะไปถามอะไรมาก
เยี่ยนจื่อเฉินนั้นตรงกันข้าม เขากระตุกยิ้มเย็นที่มุมปาก ก่อนหน้านี้เขาคิดจะเล่นงานเย่เทียนแต่ไม่สำเร็จ กลับทำให้เมี่ยวเสว๋ปินโดนเล่นงานจนพิการ
ส่งผลให้เขาไม่มีใครให้ใช้ทำงานในเจียงหนัน ได้แต่เสียเงินจ้างผู้ประเมินชั่วคราวมาด้วย ยังไงซะก็ต้องแค้นเคืองเย่เทียนอยู่ในใจกันบ้าง
ทว่า การอบรมสั่งสอนที่ได้รับมาตั้งแต่เด็กก็ทำให้เยี่ยนจื่อเฉินรู้จักซ่อนอารมณ์ ไม่ถึงขั้นแสดงออกมาโต้งๆ
“โอ๊ะ นี่คุณชายเยี่ยนนี่”
จี้เจิ้งโก๋รู้สึกได้ว่ามีคนเข้ามาใกล้จึงหันมามอง และต้อนรับด้วยรอยยิ้มกว้าง
“คนผู้นี้คงจะเป็นแฟนของคุณชายเยี่ยนใช่มั้ย?”
จี้เจิ้งโก๋หันไปมองหลินอ้าวเสว่ที่ยืนอยู่ด้านข้างเยี่ยนจื่อเฉินอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมทั้งกล่าวด้วยท่าทียิ้มแย้ม “’รูปงามเหมาะสมกันจริงๆเลยนะ”
เยี่ยนจื่อเฉินได้ยินอย่างนี้ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เขาชำเลืองมองเย่เทียนอย่างท้าทาย ราวกับกำลังบอกว่า ดูสิ ฉันกับอ้าวเสว่ต่างหากที่เป็นคู่สร้างคู่สม แกเป็นใครกันวะ!
แต่น่าเสียดายที่เย่เทียนไม่มีทีท่าว่าจะมองเขา เพียงแต่ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน
“นายท่านเข้าใจผิดแล้วค่ะ พวกเราเป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้น ฉันชื่อว่าหลินอ้าวเสว่ค่ะ”
หลินอ้าวเสว่ขมวดคิ้วและอธิบายเสียงเบา
เยี่ยนจื่อเฉินขมวดคิ้วเพราะคำปฏิเสธของหลินอ้าวเสว่เช่นกัน แต่ไม่นานนักก็คลายออก และไม่ลืมที่จะแนะนำให้หลินอ้าวเสว่รู้จัก “อ้าวเสว่ คนผู้นี้คือคุณอาจี้เจิ้งโก๋”
ระหว่างที่พูดกันอยู่ เขาชำเลืองมองเย่เทียนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความท้าทาย เห็นได้ชัดว่าพึงพอใจมากกับคำพูดตามมารยาทของจี้เจิ้งโก๋
แต่น่าเสียดายที่เย่เทียนเลือกที่จะเมินเฉยต่อการสื่อความหมายของเยี่ยนจื่อเฉิน เขาเบนสายตาไปยังรถหรูที่จอดอยู่ในลานจอดรถไกลๆ
เรื่องนี้ทำให้เยี่ยนจื่อเฉินโกรธอยู่ในใจ
“คุณชายเยี่ยนมาเจียงหนันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ไม่เห็นบอกผมเลย ผมจะได้ทำหน้าที่เจ้าถิ่นที่ดีเสียหน่อย!”
จี้เจิ้งโก๋มองเยี่ยนจื่อเฉินยิ้มๆ
ความจริงจี้เจิ้งโก๋ไม่ได้รู้แน่ชัดว่าฐานะของเยี่ยนจื่อเฉินเป็นยังไง รู้เพียงว่ามาจากตระกูลเยี่ยนแห่งเมืองจิน ส่วนฐานะที่แน่ชัดนั้นไม่ได้รู้มากเท่าไหร่
ทว่า ตระกูลเยี่ยนเป็นตระกูลระดับบนในเมืองจิน เพียงพอให้เขาให้ความสำคัญ!
ยิ่งเป็นคนที่อยู่ใกล้กับพีระมิด ก็มักจะพูดจาสุภาพตามมารยาท ไม่มีทางล่วงเกินคนอื่นโดยไร้สาเหตุ
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ในกรณีที่จี้เจิ้งโก๋พอจะรู้ภูมิหลังของเยี่ยนจื่อเฉินคร่าวๆ
ถ้าเป็นเด็กหนุ่มธรรมดาทั่วไป จี้เจิ้งโก๋ไม่มีทางเป็นฝ่ายทักทายก่อน
เยี่ยนจื่อเฉินอมยิ้มและกล่าวตอบ “ผมเพิ่งมาเมื่อสองวันก่อน ตอนแรกแค่อยากร่วมงานเลี้ยงรุ่นเป็นเพื่อนอ้าวเสว่แล้วก็กลับ หลังจากนั้นได้ยินว่าวันนี้มีงานประมูลก็เลยอยู่ต่ออีกสองวัน”
“คุณก็รู้ว่านายท่านบ้านผมชอบพวกงานศิลปะโบราณ ถ้าเขารู้ว่าผมไม่เข้าร่วมไม่รู้ว่ากลับไปแล้วจะโดนบ่นขนาดไหน”
“ฮ่าๆ คุณนี่กตัญญูจริงๆเลยนะคุณชายเยี่ยน”
จี้เจิ้งโก๋ยิ้มกว้าง
“นายท่านจี้ครับ ความจริงผมคาดหวังอยู่บ้างกับงานประมูลครั้งนี้…..”
หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างทักทายกันเสร็จสรรพแล้ว จู่ๆเยี่ยนจื่อเฉินก็พูดขึ้นด้วยท่าทีหมดอารมณ์ “แต่น่าเสียดายที่ที่นี่ปล่อยให้ใครเข้ามาก็ได้ เกรงว่าผมจะต้องผิดหวัง”
จี้เยียนหรันที่ยืนอยู่ข้างเย่เทียนตั้งแต่แรกขมวดคิ้วเป็นปมทันที เมื่อกี้เธอเองก็สังเกตเห็นสายตาของเยี่ยนจื่อเฉิน เขาหมายถึงเย่เทียนชัดๆ!
คิดมาถึงตรงนี้ จี้เยียนหรันอดถามเย่เทียนเสียงเบาไม่ได้ “เย่เทียน คุณมีความขัดแย้งกับเยี่ยนจื่อเฉินหรอ?”
เย่เทียนยักไหล่ ทว่าไม่ได้อธิบายอะไร
เยี่ยนจื่อเฉินที่สังเกตการเคลื่อนไหวของเย่เทียนอยู่ตลอดเห็นแบบนี้แล้วยิ่งโกรธมากขึ้น รู้สึกว่าตัวเองโจมตีเข้ากองฝ้าย หงุดหงิดในใจสุดๆ
คนฉลาดอย่างจี้เจิ้งโก๋จะไม่เข้าใจความนัยแฝงของเยี่ยนจื่อเฉินได้ยังไง แต่เขาแกล้งทำเป็นมึนงง และพูดอย่างสงสัย “คุณชายเยี่ยนหมายถึง?”
“เกรงว่าคนบางคนไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อของปลอม คนแบบนี้อยู่ที่นี่ต่อไปรังแต่จะเกะกะลูกตา รบกวนนายท่านช่วยเชิญเขาออกไปด้วยครับ!”
ขณะที่พูด เยี่ยนจื่อเฉินแค่นเสียงเย็น และเบ้ปากไปทางเย่เทียน
คิ้วเข้มของจี้เจิ้งโก๋ขมวดเข้าหากันกลายเป็นร่องใหญ่ อดลำบากใจไม่ได้
ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นคนเชิญเย่เทียนมา และยังเป็นยอดฝีมือขนานแท้ เขากำลังจะดึงมาเป็นพวกอยู่!
บวกกับช่วงก่อนเรื่องที่เย่เทียนขอให้หลานสาวของเขาช่วยเหลือ ทำให้เขารู้ว่าเย่เทียนนั้นไม่ธรรมดา
ที่วันนี้เชิญเย่เทียนมาร่วมสนุกก็ส่วนหนึ่ง อีกส่วนคืออยากหยั่งเชิงเย่เทียนว่าเป็นคนประเภทนั้นหรือเปล่า!
“จื่อเฉิน นี่ก็สายแล้ว พวกเราเข้าไปกันเถอะ”
หลินอ้าวเสว่คิดไม่ถึงว่าเยี่ยนจื่อเฉินจะหาเรื่องเย่เทียน และสัมผัสได้ถึงความลำบากใจของจี้เจิ้งโก๋ เธอกวาดสายตามองเย่เทียนที่ยืนอยู่ด้านหลังไม่ไกล สุดท้ายก็เอ่ยคลี่คลายสถานการณ์
“ก็ได้ พวกเราเข้าไปกันเถอะ”
เนื่องจากหลินอ้าวเสว่เอ่ยปาก เพื่อรักษาภาพพจน์ตัวเอง เยี่ยนจื่อเฉินได้แต่ยิ้มเย็นและเลิกหาเรื่อง “นายท่านครับ พวกเราเข้าไปก่อนนะครับ”
จี้เจิ้งโก๋โล่งใจ รีบพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “คุณชายเยี่ยน คุณหลิน พวกคุณเชิญก่อนเลย ฉันรอเพื่อนเก่าคนหนึ่งอยู่ ไว้ค่อยคุยกัน”
หลังจากร่างของเยี่ยนจื่อเฉินและหลินอ้าวเสว่หายไปแล้ว จี้เจิ้งโก๋ถึงได้สติ
เขาคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนจะมีความขัดแย้งกับเยี่ยนจื่อเฉิน ตอนแรกอยากจะถามสักหน่อย เผื่อจะช่วยคุยให้ดีกันได้
แต่เห็นท่าทางเย็นชาของเย่เทียนแล้ว ก็ไม่สะดวกจะผลีผลามเข้าไปถามอะไร ได้แต่ยิ้มเฝื่อนๆและส่ายหัว
หลังจากรออีกสักพัก เพื่อนสนิทคนนั้นของจี้เจิ้งโก๋ก็มาถึง ทักทายตามมารยาทกันได้สองสามประโยค ทั้งสี่คนก็เข้าไปในวิลล่า