“หยุดนะ!”
“เลิกตีกันได้แล้ว…..”
พวกตำรวจโกได้สติกลับมาและตะโกนเสียงดังทันที
แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ตอนที่พวกเขาเข้าไปหมายจะหยุดฉินเจิงหรง ฝ่ายหลังได้ตบหน้าไปหลายฉาดใหญ่แล้ว
ใบหน้าของจางฟู่ฉีบวมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีฟันหักหลายซี่ร่วงอยู่บนพื้น ปากเขามีลมเข้า ได้แต่ส่งเสียงขอร้องที่ฟังไม่ชัดนัก
“ไสหัวไปซะ!”
ฉินเจิงหรงไม่สนใจพวกเขาหรอก ตอนที่โดนพวกตำรวจโกสยบไว้ได้ยังถีบหน้าจางฟู่ฉีแรงๆอีกหลายที!
จางฟู่ฉีผู้น่าสงสารยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ใบหน้าหล่อเหลานั่นเสียโฉมไปหมด
“คุณตำรวจครับ พวกคุณเห็นหรือยังว่าเขาเป็นคนทำร้ายคนอื่น ยังไม่รีบพาตัวเขาไปอีกหรอครับ?”
เวลานั้น เย่เทียนเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมกล่าว
พวกตำรวจโกโกรธจนควันออกหู เห็นพวกเราเป็นคนตาบอดหูหนวกหรอ? อย่าคิดว่าพวกเราไม่รู้นะว่านายเป็นคนสั่งให้ฉินเจิงหรงไปอัดเขา
เพียงแต่ฐานะของฉินเจิงหรงนั้นพิเศษ พวกเขาจึงไม่กล้าวู่วามทำอะไร
และดูจากท่าทีของฉินเจิงหรงที่มีต่อเย่เทียนก่อนหน้านี้ที่อย่างกับหลานมาเจอปู่ ยิ่งทำให้พวกเขาหวั่นเกรงในใจ
จับกุมเรื่องเล็ก แต่ถ้าเป็นอัญเชิญเทพเจ้าพวกเขาได้ซวยแน่!
“ใช่แล้ว ฉันเป็นคนทำร้ายคนอื่นเอง พวกนายรีบมาจับฉันสิ”
ขณะนั้น เสียงที่ร้อนรนทนไม่ไหวของฉินเจิงหรงดังขึ้น
ในความคิดของเขา นี่ต้องเป็นบทลงโทษที่เย่เทียนมอบให้เขาแน่นอน
ขอเพียงเย่เทียนลงโทษเขา ก็หมายความว่าเย่เทียนยอมให้อภัยเขา เฉินเจิงหรงไม่กล้าพูดอะไรอย่างอื่นอีก และยื่นมือทั้งสองข้างออกมาอย่างให้ความร่วมมือ รอให้พวกตำรวจโกใส่กุญแจมือ
พวกตำรวจหน้าตาลำบากใจ หันไปมองตำรวจโกด้วยสัญชาตญาณ
ตำรวจโกกัดฟัน แม้ว่าไม่รู้ว่านี่มันเรื่องตลกอะไรกัน แต่เขาไม่กล้าไม่เชื่อฟังคำพูดของฉินเจิงหรง
“สวมกุญแจมือซะ!”
ตำรวจโกออกคำสั่ง มีคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยสีหน้าลำบากใจพลางบอก “คุณชายรองฉินครับ ขออภัยด้วยนะครับ”
“ไม่เป็นไร นายทำได้ดีมาก ขอบคุณนะ ขอบคุณนายมาก”
ตำรวจคนนั้นสงสัยในใจ เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินว่ามีคนขอบคุณเขาที่ถูกจับกุมด้วย
เรื่องแปลกๆมีทุกปี แต่วันนี้มีมากเป็นพิเศษจริงๆ!
ในไม่ช้าฉินเจิงหรงก็โดนใส่กุญแจมือ ส่วนจางฟู่ฉีที่โดนอัดจนไม่เหลือเค้าความเป็นคนก็โดนพาขึ้นรถด้วย เตรียมส่งตัวไปรักษาในโรงพยาบาล
ส่วนฉินเจิงหรงหันมาพูดใส่เย่เทียนเสียงดัง “คุณเย่ ผมทำตามคำสั่งของคุณเย่แล้วนะ คุณต้องไปบอกพ่อของผมว่าคุณยกโทษให้ผมแล้ว!”
เย่เทียนไม่รู้จะรู้สึกยังไงดี เขาส่ายหัว มองรถตำรวจสามสี่คันขับออกไปต่อหน้าตัวเอง
เหอเชิ่งอีกด้านมองเย่เทียนด้วยสายตาประหลาดใจ
เขามาไกลได้ถึงขนาดนี้ไม่ใช่คนโง่แน่นอน ดูจากเรื่องเมื่อกี้เขาได้รู้แล้วว่าเย่เทียนไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน จึงระวังท่าทีที่มีต่อเย่เทียนมากขึ้น
กว่าจะไล่ฉินเจิงหรงออกไปได้นั้นไม่ง่าย เย่เทียนไม่ได้คิดอะไรมาก หลังจากกินข้าวเที่ยงกับเหอเชิ่งแล้วก็กลับไปที่บริษัท
เฉินหวั่นชิงยุ่งมาก ต้องจัดการเรื่องในบริษัท แล้วยังต้องจัดการงานวิจัยในมืออีก แทบจะไม่ได้เจอเลยตลอดทั้งวัน
เย่เทียนก็สบายใจสบายตัว ไม่ไปรบกวนเธอ
ทันใดนั้นเสียงเรียกเข้ามือถือก็ดังขึ้น จี้เยียนหรันนั่นเอง
“เย่เทียน ไม่ทราบว่าคุณว่างมั้ยคะ? ฉันอยากชวนคุณไปเข้าร่วมงานประมูลแห่งหนึ่ง”
รับสายปุ๊บ เสียงเจื้อยแจ้วของจี้เยียนหรันก็ดังมาจากปลายสายทันที
“นี่เป็นงานประมูลใต้ดิน ของส่วนใหญ่ที่ประมูลเป็นพวกงานศิลปะจีนโบราณ มีพวกสมุนไพรเลอค่าบ้างเป็นครั้งคราว ฉันคิดว่าคุณน่าจะสนใจ”
“สมุนไพรเลอค่าหรอ?” เย่เทียนผงะ
จี้เยียนหรันพยักหน้านิดหน่อยและอธิบาย “การประมูลนี้มักจะปรากฏสิ่งที่หายากตามท้องตลาดทั่วไป ครั้งก่อนก็มีเห็ดหลินจือร้อยปี”
“ฟังจากที่คุณพูดแล้วผมสนใจจริงๆ”
เย่เทียนเผยรอยยิ้มมุมปาก หากมีสมบัติล้ำค่าอะไรจริงๆไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้องช่วยให้การฝึกฝนรวดเร็วขึ้นอีกแน่
พอได้ยินว่าเย่เทียนตกลง จี้เยียนหรันนึกดีใจและถาม “ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปรับคุณเดี๋ยวนี้เลยดีมั้ยคะ?”
“งั้นคุณก็มาเลย”
เย่เทียนไม่ได้ปฏิเสธ
หลังจากวางสายไปได้สิบกว่านาที รถเฟอร์รารีสีแดงขนาดใหญ่ที่มีเส้นโค้งอันสวยงามก็ดริฟมาจอดอยู่ตรงหน้าเย่เทียนอย่างสวยงาม หน้าต่างเลื่อนลง จะเป็นใครไปได้นอกจากจี้เยียนหรัน?
“เย่เทียน ขึ้นมาสิคะ”
เย่เทียนพยักหน้าเล็กน้อย เข้าไปนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
จนถึงตอนนี้เย่เทียนถึงมีเวลาตั้งใจมองจี้เยียนหรัน
เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวตั้งใจแต่งหน้าแต่งตัวมา ใบหน้านุ่มนิ่มแต่งหน้าอ่อนๆ เธอสวมชุดกระโปรงยาวสีครีม ในความพราวเสน่ห์นั้นเจือไว้ด้วยความซุกซนเล็กน้อย
ดีนะที่เย่เทียนเป็นคนที่อยู่มาสองชาติภพ มีความแน่วแน่สูงกว่าคนอื่น มิฉะนั้นได้มองจนตาค้างแน่!
“นี่ก็สายแล้ว เราไปเลยมั้ยคะ”
รอจนเย่เทียนคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จดีแล้ว จี้เยียนหรันถึงเปิดปากถาม
“อืม”
เย่เทียนพยักหน้านิดหน่อยก่อนจะถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “งานประมูลจัดขึ้นที่ไหนหรอ”
“วิลล่าพันหลง”
จี้เยียนหรันสตาร์ทรถสปอร์ตอย่างคล่องแคล่ว อมยิ้มและอธิบาย “อยู่บนยอดเขาพันหลงค่ะ จากที่นี่น่าจะใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง”
เย่เทียนพยักหน้าเล็กน้อย พูดคุยกับจี้เยียนหรันไปพลาง ขับรถสปอร์ตมุ่งตรงไปที่วิลล่าพันหลง
วิลล่าพันหลงเป็นวิลล่าหรูหราที่อยู่ห่างจากตัวเมืองอันวุ่นวาย สภาพแวดล้อมสวยงาม เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับช่วงเวลาพักผ่อนของเหล่าผู้มีอำนาจเงินทอง
ใช้เวลาขับรถไปครึ่งชั่วโมง หลังจากรถหยุดแล้ว เย่เทียนก็ลืมตาขึ้นอย่างถูกเวลา สิ่งก่อสร้างเลียนแบบวังโบราณปรากฏสู่สายตา
การตกแต่งของวิลล่าพันหลงนั้นหรูหราสุดๆ ทุกจุดแสดงถึงความประณีต
โทนสีหลักที่ใช้คือสีเหลืองทอง แทงตาเป็นพิเศษเมื่อแสงแดดสาดส่อง เป็นการดำรงอยู่ระดับบนสุดในเจียงหนันอย่างแน่นอน
เย่เทียนลงจากรถและกวาดตามองพิจารณาไปรอบๆ พลันพบว่าลานกว้างด้านข้างมีรถหรูมากมายจอดอยู่เต็มไปหมด
ออดี้บีเอ็มเป็นเพียงระดับล่างสุด ส่วนใหญ่แล้วเป็นรถสปอร์ตหรูอย่างพอร์เชอ เฟอร์รารีมากกว่า
เย่เทียนเห็นแม้กระทั่งรถโรลส์-รอยซ์ ป้ายทะเบียนเป็นเลขแปดห้าตัวอย่างโอหัง เห็นได้ชัดว่าเป็นรถของคนระดับบนสุดของห่วงโซ่สังคม
“ดูท่าคนที่มานี่มีแต่ฐานะไม่ธรรมดานะ”
เย่เทียนพึมพำกับตัวเอง วินาทีต่อมาก็รู้สึกถึงสัมผัสที่แขน จึงหันมองไป
จี้เยียนหรันที่ลงรถมาแล้วคล้องแขนของเย่เทียนไว้อย่างเป็นธรรมชาติ พอเห็นว่าเย่เทียนมองมาก็เผยรอยยิ้มหวาน “คุณคงไม่ถือใช่มั้ยคะ?”
“ไม่ถือ”
เย่เทียนยักไหล่ ผู้หญิงเขาพูดขนาดนี้แล้ว ถ้าบอกว่าถือออกจะเสแสร้งไปหน่อย
เมื่อได้รับคำตอบยืนยันแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของจี้เยียนหรันกว้างขึ้นเรื่อยๆ
เธอโยนกุญแจรถให้เด็กรับรถที่ยืนรออยู่ด้านข้าง คล้องแขนของเย่เทียนและเดินเข้าไปทางห้องโถงด้วยท่าทีสนิทสนม หากคนไม่รู้มาเห็นต้องเห็นพวกเขาเป็นคู่รักกันอย่างแน่นอน