ตอนที่ 288 โดนปล้น
ตอนที่ 288 โดนปล้น

บนกระดาษมีรอยแดงปรากฏอยู่ก็จริง!

แต่ว่าในรอยจุดสีแดงนั่นไม่มีลายนิ้วมืออยู่!

แต่ว่าซูหวานหว่าน…เห็นได้ชัดว่านางได้กดนิ้วลงไปบนสัญญาแล้ว

“เอ่อ…” ไป๋เหอชิวมองใบสัญญาอย่างไม่เชื่อ

“เจ้าลองมองให้ดี หากมองดูแล้วยังไม่ชัดเจน ข้าสามารถตามหมอมารักษาเจ้าได้นะ” ซูหวานหว่านเอ่ยด้วยรอยยิ้มมุมปาก นางเป็นคนระมัดระวังเรื่องนี้อยู่แล้ว ในทุกวันนางจะใช้น้ำยาที่ทำขึ้นมาพิเศษทาไปที่นิ้วมือของตนเองเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้ลายนิ้วของตัวเองถูกขโมย

“เจ้า!” ไป๋เหอชิวตกใจและรู้สึกหวาดกลัวมาก ชายหนุ่มขยำสัญญาที่อยู่ในมือของตัวเองเป็นก้อนแล้วโยนทิ้งอย่างแรง “เป็นไปไม่ได้! เรื่องนี้มันเป็นไปไม่ได้!”

ในเมื่อใต้เท้านายอำเภอยังไม่เชื่อ และทุกคนก็ไม่เชื่อเช่นเดียวกัน สีหน้าของไป๋เหอชิวเปลี่ยนไปทันที

ซูหวานหว่านที่ได้ยินแบบนี้ก็ถอนหายใจออกมาอย่างอึดอัดใจพร้อมกับกล่าวออกมาว่า “ข้าไม่รู้ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกหรือเปล่า ข้าอยู่ที่บ้านของข้าดี ๆ แต่กลับมามีเรื่องมาหาถึงบ้าน ข้าเป็นเพียงหญิงอ่อนแอคนหนึ่ง หากข้าก็ต้องมาที่นี่เพื่อแก้ต่างให้ตน และข้าก็ไม่รู้ว่าชื่อเสียงของข้าจะเสียหายไปถึงไหนต่อไหนแล้วหรือเปล่า”

“คุณหนูจ้าวชื่อเสียงของท่านจะไม่เสียหายอย่างแน่นอน! พวกเราทุกคนเข้าใจเจ้าผิดไป! ท่านนั้นไร้เดียงสา อีกทั้งฉลาดมากเหตุใดจะต้องกังวลด้วย?”

“ใช่แล้ว!”

“…”

หลังจากได้ยินคำปลอบโยนจากทุกคนซูหวานหว่านก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก นางก็เหลือบไปมองใต้เท้านายอำเภอและเอ่ยอย่างนอบน้อมว่า “ใต้เท้านายอำเภอ วันพรุ่งนี้จะมีการแข่งขันในรอบต่อไป คุณชายไป๋คนนี้ได้ป่วยหนัก และมีอาการคิดไปเอง ข้ากลัวว่าเขาจะมาสร้างความวุ่นวายในงานของข้า ข้าหวังว่าท่านจะช่วยข้าในเรื่องความปลอดภัยในการการแข่งขันในวันพรุ่งนี้ด้วยเจ้าค่ะ”

“การดูแลความปลอดภัยย่อมเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว” ใต้เท้านายอำเภอเห็นด้วยแล้วทุบค้อนพร้อมกับตะโกนออกมาว่า “เอาล่ะ สรุปคือไป๋เหอชิวมีความผิดข้อหาสร้างความวุ่นวายให้กับเมืองหลวง อีกทั้งยังสร้างข่าวลือโดยไร้หลักฐาน ลากตัวเขาไปเฆี่ยนจากนั้นเอาไปขังเอาไว้!”

“ขอรับ!”

ซูหวานหว่านรู้สึกพอใจเมื่อได้ยินสิ่งที่ใต้เท้านายอำเภอสั่ง จากนั้นนางก็หนุมตัวเดินจากไปทันที

ในเวลานี้ ฉีเฉิงเฟิงยังคงยุ่งอยู่กับกระถางกล้วยไม้ในบ้านของตระกูลจ้าว ทันใดนั้นก็มีชายชุดปรากฏตัวขึ้นที่ข้างกายของเขา “ฝ่าบาท ท่านไม่กังวลใจเรื่องคุณหนูซูเลยอย่างงั้นหรือ ท่านต้องการให้ข้าน้อยคนนี้…”

“ไม่ต้องสนใจนางหรอก” ฉีเฉิงเฟิงพูดพร้อมกับมองออกไปทางนอกหน้าต่าง ชายหนุ่มลูบแจกันสีขาวที่อยู่ข้างหน้าของเขาอย่างช้า ๆ แล้วพูดว่า “ตระกูลจ้าวมีคนตรวจตราอย่างแน่นหนา แล้วเจ้าคิดดูนะว่าทำไมคนอย่างไป๋เหอชิวถึงเข้ามาภายในบ้านได้อย่างง่าย ๆ ในวันนี้?”

ชายชุดดำตกตะลึงและกล่าวออกมาทันทีว่า “ซูหวานหว่านต้องการให้เขาเข้ามา!”

“เจ้าไม่ได้โง่เกินไปนี่” ฉีเฉิงเฟิงกล่าว และมองไปที่ชายชุดดำอย่างเย็นชา “วันนี้เจ้าทำผิดอีกแล้วนะ และคืนนี้เจ้าจะต้องไปวิ่งรอบเมืองหลวงหนึ่งคืน!”

“ขอรับ…?” ชายชุดดำขมวดคิ้วแน่น ไม่แน่ใจว่าตนทำสิ่งใดผิดไป

“เจ้าความจำสั้นหรือลืมไปแล้วว่าครั้งที่แล้วเจ้าทำอะไรลงไป? หากยังไม่รู้ก็วิ่งเพิ่มเป็นสองรอบ!” ฉีเฉิงเฟิงเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาโดยไม่มองหน้าคู่สนทนา

ชายชุดดำจากไปทันทีโดยพูดออกมาว่า “ข้าจำได้แล้ว!”

อันที่จริงชายชุดดำยังคงนึกไม่ออก!

ฉีเฉิงเฟิงไม่พอใจมากกับคำพูดของชายชุดดำ ในมุมมองของเขาผู้คนไม่สามารถเรียกนางว่านางว่าแม่นางซูได้แล้ว จะต้องเรียกว่าพระชายาขององค์ชาย หรือฮูหยินเท่านั้น!

ชายชุดดำไม่รู้ว่าเพราะตัวเองเอ่ยคำว่า “แม่นางซู” ออกมาจะทำให้ตนเองถูกลงโทษ ดังนั้นเขาจึงต้องรับบทลงโทษไปโดยปริยาย

หลังจากที่ชายชุดดำจากไป ฉีเฉิงเฟิงก็กลับมานั่งบนใกล้โถนถ่านอีกครั้งเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น เขาไม่รู้ว่าซูหวานหว่านจะกลับมาเมื่อใด ฉีเฉิงเฟิงยังคงอยู่ที่นั่น ซูหวานหว่านกำลังหาของ เมื่อเห็นฉีเฉิงเฟิงนิ่งไปนางก็คิดอะไรสนุก ๆ ออก จึงเข้าไปยังมิติฟาร์ม และหยิบดอกหญ้าออกมา และลูบไล้ไปที่คอของฉีเฉิงเฟิง ชา่ยหนุ่มขมวดคิ้วแน่นหากแต่ยังไม่ลืมตาขึ้นมา ซูหวานหว่านจึงกระซิบที่ข้างหูของเขาว่า “เจ้าตื่นแล้วหรือยัง?”

พลันใดนั้นฉีเฉิงเฟิงก็ลืมตาขึ้นมา และเหลือบมองดอกหญ้าในมือของอีกคน และพูดออกมาเบา ๆ ว่า “อีกสักพักข้าจะต้องไปแล้ว”

เหตุใดถึงกะทันหันแบบนี้ ซูหวานหว่านตกตะลึง จิตใจของนางห่อเหี่ยวเหมือนกับคนอดอาลัยตายอยาก

ซูหวานหว่านครุ่นคิดไปอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามขึ้นมาว่า “เจ้าจะไปที่ไหน?”

“ฉีเป่ย” ฉีเฉิงเฟิงตอบด้วยสายตาขุ่นมัว หากแต่ภายในใจของเขากลับรอคอยบางอย่างจากซูหวานหว่าน เขาต้องการได้ยินหญิงสาวเอ่ยรั้งให้เขาอยู่ต่อ หรือตามเขาไปที่ฉีเป่ยด้วย และสิ่งสำคัญที่สุดคือ ยกเลิกการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศในวันพรุ่งนี้

หากแต่ฉีเฉิงเฟิงจะต้องผิดหวังเมื่อได้ยินสิ่งที่ซูหวานหว่านพูดออกมา “ถ้าอย่างนั้น…ข้าจะเตรียมอาหารแห้งให้เจ้า รถม้า พร้อมกับผ้าห่มสองชั้น การเดินทางคือคงใช้เวลานานมันอาจจะทำให้เจ้าหนาว จนเจ้าไม่หายใจไม่ออก”

นางยังคงต้องการให้เขาไปอย่างนั้นเหรอ ฉีเฉิงเฟิงก็หลุบสายตาลง แล้วหันศีรษะไปมอง พร้อมกับพยักหน้าตอบรับกลับไป “ได้”

หลังจากพูดจบทั้งสองคนก็เงียบไป หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ฉีเฉิงเฟิงก็ลุกขึ้นเดินไปที่หน้าประตู และเดินออกไปในทันที ก่อนจากไปเขาได้หันได้กลับมาทำลายบรรยากาศอันเงียบสงบ “เจ้าดูแลตัวเองด้วยนะ”

“อืม” ซูหวานหว่านพยักหน้าตอบรับ จากนั้นก็ก้มลงไปเล่นกับสิ่งของที่อยู่ในมือของตัวเอง ฉีเฉิงเฟิงถอนหายใจและเดินจากไปทันที

ซูหวานหว่านรู้สึกหัวใจของนางวูบโหวงอย่างบอกไม่ถูก เพราะคิดว่าฉีเฉิงเฟิงจะไม่ปรากฏตัวขึ้นในการแข่งขันวันพรุ่งนี้ นางต้องการให้การแข่งขันดำเนินการต่อเพราะต้องการขาย แต่ใครจะไปคาดคิดว่าฉีเฉิงเฟิงจะต้องไปที่อื่น นางจะต้องตัดสิทธิ์ฉีเฉิงเฟิงออกจากการแข่งขันใช่หรือไม่

สุดท้ายแล้วนางจะยอมรับผู้ชนะรอบชิงชนะเลิศได้หรือไม่? ซูหวานหว่านขมวดคิ้ว และรู้สึกเบื่อทุกอย่างขึ้นมาในทันที

ซูหวานหว่านเข้าไปในมิติฟาร์ม เพื่อออกแบบทำสิ่งของที่เหลือต่อในชั่วเวลาข้ามคืน เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นในวันถัดมา หญิงสาวก็ออกมาจากมิติฟาร์ม ภายในห้องก็เต็มไปด้วยของใหม่ ๆ แปลกตาเต็มไปหมด

นางได้สั่งให้พ่อบ้านย้ายของเหล่านี้ไปไว้ในสวน ซูหวานหว่านก็รีบตามไปที่นั่นทันที

บริเวณสวนยังไม่ถูกเปิด เมื่อซูหวานหว่านเดินไปถึงนางก็เห็นคนกลุ่มใหญ่กำลังยืนรออยู่ที่หน้าประตู เมื่อเห็นซูหวานหว่านกลุ่มคนเหล่าก็รู้สึกประหลาดใจและอุทานว่า “คุณหนูจ้าวมาแล้ว!”

ซูหวานหว่านมองสำรวจไปรอบ ๆ ตอนนี้มีชายน้อยกว่าหญิง! ซูหวานหว่านรู้ดีว่าจุดประสงค์ของหญิงเหล่านี้ไม่ใช่มาเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันของนาง หญิงสาวยกยิ้มและพยักหน้าให้กับทุกคน และให้คนใช้แจกจ่ายกล่องขนมให้แก่ทุกคนแล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “ทุกคนคงจะรอกันมานานแล้ว อันนี้ถือว่าเป็นน้ำใจเล็ก ๆ จากตระกูลจ้าวแล้วกัน”

ทุกคนยิ้มออกมาและรับมันมาจู่ ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งได้กลิ่นจาง ๆ จากบนตัวของซูหวานหว่าน นางตกใจแล้วพูดออกมาว่า “คุณหนูจ้าว! เหตุใดตัวเจ้าถึงได้หอมมากขนาดนี้!”

แน่นอนหญิงสาวทุกคนต่างมีความรักใคร่ในความสวยความงาม และเมื่อทุกคนได้ยินก็เข้าไปล้อมรอบซูหวานหว่านทันที “คุณหนูจ้าวช่างตัวหอมจริง ๆ! เจ้าใช้อะไร?”

แน่นอนว่าคำถามนี้เป็นไปตามเป้าหมายของซูหวานหว่านที่ได้คาดการณ์เอาไว้ และซูหวานหว่านก็ค่อย ๆ หยิบขวดกระเบื้องเล็ก ๆ ออกมา หญิงสาวเปิดจุกขวดลายคราม ทุกคนที่เห็นต่างรอค่อยและไม่นานก็ได้ยินกลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกไม้ลอยมา

หลายคนถามนางด้วยความใคร่รู้ว่าซื้อมากจากที่ใด หากแต่ซูหวานหว่านทำเพียงแค่ยิ้มออกมาเพื่อให้ทุกคนนั้นตั้งหน้าตั้งตารอ เมื่อประตูเปิดนางก็เดินเข้าไปในสวนทันที พ่อบ้านวิ่งออกมาพร้อมเอ่ยว่า “คุณหนู! แย่แล้ว! วันนี้ของที่ท่านสั่งให้ข้านำมาถูกปล้นระหว่างทาง!”

“อะไรนะ!” ซูหวานหว่านร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ!

ในตอนนั้นเองชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไกล ๆ ก็เอ่ยเยาะเย้ยออกมาว่า “ซูหวานหว่านของทุุกอย่างได้ถูกขโมยไปหมดแล้ว ข้าอยากจะเห็นเหลือเกินว่าเจ้าจะสามารถขายอะไรได้!”