ตอนที่ 287 หาเรื่อง
ตอนที่ 287 หาเรื่อง

หากประทับนิ้วมือของตัวเองลงไป นางก็จะได้กำไรเพียงแค่หนึ่งส่วนเท่านั้น ถ้าเป็นแบบนี้สู้ขายสูตรออกไปไม่ดีกว่าเหรอ

ซูหวานหว่านรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับพฤติกรรมของไป๋เหอชิวที่กล้ากระทำเช่นนี้ หากแต่นางก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร และปล่อยให้ไป๋เหอชิวกดมือของนางลงเพื่อประทับ

จุดสีแดงหยดลงบนกระดาษสัญญา ทำให้ไป๋เหอชิวถึงกับอดไม่ได้ที่เผยรอยยิ้มมุมปากออกมา และพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ “ดูเหมือนว่าคุณหนูจ้าวจะไม่ฉลาดเฉียบแหลมตามที่ข่าวลือได้กล่าวเอาไว้”

ซูหวานหว่านก็ไม่ได้แสดงท่าทีโกรธอะไร นางทำเพียงแค่เหลือบมอง และบีบน้ำยาล้างจานที่อยู่ในมือเล็กน้อย และเรียกให้คนใช้ยกอ่างน้ำอุ่นเข้ามาให้นางล้างมือ และเอ่ยกับไป๋เหอชิวไปเบา ๆ ว่า “ใช่แล้ว ข่าวลือมันก็คือข่าวลือ จะเป็นเรื่องจริงไปได้อย่างไร คุณชายไป๋คงจะประเมินข้าสูงเกินไปแล้ว”

“…”

คาดไม่ถึงซูหวานหว่านไม่ได้เถียงเขาสักประโยค อีกทั้งยังน้อมรับอย่างง่ายดาย

ไป๋เหอชิวก็รู้สึกแปลก ๆ ใจเล็กน้อย และคิดว่าอีกฝ่ายได้ประทับลายนิ้วมือลงไปแล้ว ในใจของเขามีความสุขมากเกินกว่าจะสงสัยอะไรในตอนนี้ และก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “คุณหนูจ้าว เจ้ารีบนำสูตรออกมาได้แล้ว! พรุ่งนี้ข้าจะเริ่มให้คนของข้าเริ่มทำสิ่งของ และขายมันออกไป”

“จำเป็นต้องรีบร้อนขนาดนั้นเลยหรือ?” ซูหวานหว่านพูดออกมาพร้อมยิ้ม แล้วค่อย ๆ ยกมือขึ้นเช็ดนิ้วของตนด้วยผ้าขนหนูแห้ง นางหันไปทางหน้าต่างที่มีแสงแดดสาดส่องเข้ามา แล้วนางก็ค่อย ๆ ทาเครื่องประทินผิวลงบนมืออีกครั้ง

เมื่อมองท่าทางของซูหวานหว่าน รอยยิ้มที่เคยปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขาก็พลันหายไป ชายหนุ่มหยิบสัญญาออกมาอีกครั้งแล้วสะบัดมันไปมาเล็กน้อย พร้อมเอ่ยเตือนว่า “คุณหนูจ้าว ในสัญญาระบุเอาไว้อย่างชัดเจน เจ้าอย่าคิดว่าจะมายกเลิกสัญญาได้! ไม่เช่นนั้นเจ้าจะต้องจ่ายเงินชดเชยมาหมื่นตำลึง!”

มีการจ่ายชดเชยด้วยหรือ? ซูหวานหว่านรู้สึกงุนงงไปครู่หนึ่ง ไม่คิดเลยว่าไป๋เหอชิวจะมองการณ์ไกลขนาดนี้ แต่ก็น่าเสียดายที่เขาดันเป็นคนแบบนี้เสียได้

ซูหวานหว่านส่ายหัวไปมา ก่อนจะหยุดและจ้องมองไปยังไป๋เหอชิว นางกำลังคิดที่จะทำสบู่ล้างมือต่อ หากแต่ก็รู้สึกว่าไป๋เหอชิวเป็นคนน่ารำคาญ นางจึงตะโกนเรียกคนใช้ “ข้างนอกมีคนอยู่หรือไม่! มาเชิญตัวคุณชายไป๋ออกไปที! หากเขายังไม่ยอมออกไปก็สามารถทุบตีเขาได้เลย!”

“ขอรับ!”

ทันทีที่ซูหวานหว่านพูดจบ ก็มีเหล่าคนคุ้มกันมาเดินล้อมตัวไป๋เหอชิวเอาไว้ ชายหนุ่มถึงกับตกตะลึง ในตอนนี้มันควรเป็นซูหวานหว่านไม่ใช่หรือที่ต้องขอร้องอ้อนวอนเขา?

“คุณหนูจ้าว! เจ้า…” ยังไม่ทันทีไป๋เหอชิวจะเอ่ยจบประโยค ก็มีดาบมายื่นมาจ่อใต้คอของเขาทันใด และคนคุ้มก็พูดออกมาว่า “คุณชายไป๋ ได้โปรดอย่าทำให้พวกเราลำบากใจ”

ซูหวานหว่านกล้ามาก! เขาก็ถือว่าเป็นคนทำกิจการร่วมกัน! ไป๋เหอชิวกัดฟันกรอดและไม่สนใจเรื่องการทำกิจการร่วมกันกับซูหวานหว่านอีก แต่ก่อนจากไปเขาก็เอ่ยขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า “ซูหวานหว่าน! เจ้าไม่ทำตามสัญญา ข้าจะนำเรื่องนี้ไปเรียกร้องขอความเป็นธรรมที่ศาลาว่าการ!”

“ถ้าเช่นนั้นก็รีบไปสิ” ซูหวานหว่านเอ่ยอย่างไม่แยแส และสั่งให้คนคุ้มกันของตัวเองไล่คุณชายไป๋ออกไป

ไป๋เหอชิวเป็นคนแผนสูงและไม่ยอมคน เมื่อออกมาจากบ้านตระกูลจ้าว เขาก็นำเรื่องนี้ไปป่าวประกาศ ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม พวกชาวบ้านที่อยู่ในเมืองหลวงที่ได้ยินเรื่องราวนี่ก็รู้สึกขบขัน และเริ่มคุยกันถึงเรื่องนี้อย่างสนุกสนาน

“คุณหนูจ้าวไม่รักษาสัญญาอย่างงั้นหรือ? นางได้ตกลงที่จะทำกิจการกับสกุลไป๋ แต่นางกลับไปยอมให้สูตร?”

“ยิ่งไปกว่านั้น! คุณหนูจ้าวยังไม่ได้จ่ายค่าชดเชยหมื่นตำลึงให้กับสกุลไป๋อีก!”

“…”

เมื่อข่าวลือได้แพร่กระจ่ายไป แน่นอนว่าพวกเขาเชื่อในคำพูดของสกุลไป๋ และไม่ต้องการซื้อของจากนางอีก แต่ด้วยความนิยมและเป็นที่ต้องการทำให้ผู้คนหลายคนยังต้องการซื้อมันอยู่

ในเวลาต่อมา ซูหวานหว่านกำลังปรุงแต่งกลิ่นน้ำหอมอยู่ ก็มีคนจากศาลาว่าการเดินเข้ามา และหัวหน้าของพวกเขาก็คือหลี่ถังหรือ ‘ท่านหลี่ผู้ชาญฉลาด’ หลี่ถังเสียความรู้สึกและเสียความเคารพในตัวของซูหวานหว่านมากเมื่อได้ยินข่าวลือ และกล่าวออกมาว่า “คุณหนูจ้าว โปรดไปยังศาลาว่าการด้วย”

ซูหวานหว่านเอ่ยถามและนางก็รับรู้ว่าไป๋เหอชิวไปร้องขอความเป็นธรรมที่ศาลาว่าการจริง ๆ!

ดูเหมือนว่าไป๋เหอชิวจะยังไม่ได้อ่านในสัญญา! เหตุใดถึงการแสดงท่าทีหยิ่งยโสอีก ซูหวานหว่านเกรงว่าเรื่องนี้จะกระทบต่อการขายของของนางในวันพรุ่งนี้ นางจึงตอบตกลง

ในการเดินทาง แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องผ่านถนนในตลาด เมื่อเหล่าชาวบ้านเห็นซูหวานหว่าน ทุกสายตาก็จับจ้องไปที่หญิงสาว พร้อมกับปลุกระดมชาวบ้านที่เหลือพากันหอบผักเน่าและไข่เน่าออกมา!

พวกเขาขว้างปาผักและไข่เน่าตลอดเวลาที่รถมาวิ่งผ่าน

ในตอนนี้รถม้าเต็มไปด้วยกลิ่นของไข่เน่าและผักเน่า ใช้เวลาเดินทางไปได้สักพักหญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะเปิดม่านรถม้าออกเพื่อมองดู แต่เมื่อเปิดออกกลับมีไข่เน่าลอยมาหานาง

ซูหวานหว่านคว้าไข่ใบนั้นเขาไว้ได้แล้วปากลับไปทันที และโดนหญิงสาวคนหนึ่ง

ผู้หญิงคนนั้นตกตะลึงมองไปที่ซูหวานหว่านด้วยความตกใจ ในอึดใจต่อมานางก็วิ่งไปตามรถม้าไปอย่างรวดเร็ว และตะโกนสาปแช่งออกมาว่า “คุณหนูจ้าวเจ้ามันเป็นคนไม่ซื่อสัตย์! เรากำลังสั่งสอนเจ้าให้รู้สำนึก แต่เจ้ากลับโยนไข่ใส่ข้าอย่างงั้นเหรอ!”

“เจ้าเป็นคนเริ่มก่อน!” ซูหวานหว่านเหลือบไปมองหญิงคนนั้นด้วยแววตาเย็นชา ทำให้หญิงคนนั้นรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างไรสาเหตุ และนางก็หยุดพูดและไม่กล้าที่จะขยับตัวทำอะไรต่อ

“ทุกคน” ซูหวานหว่านได้ยกม่านของรถม้าแล้วเดินลงไป เหล่าชาวบ้านหยุดปาข้าวของใส่เขา ทุกคนต่างจดจ้องไปที่ซูหวานหว่าน พร้อมกับมองไปที่ริมฝีปากสีแดงของนางเอ่ยพูดออกมา “ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเจ้าทุกคนได้ยินหรือไม่เห็นมา อาจจะเป็นเรื่องที่โกหกก็ได้ ตอนนี้ไป๋เหอชิวได้ร้องเรียนข้า เหตุใดพวกเจ้าถึงไม่ตามไปที่ศาลาว่าการ เพื่อที่ไปดูว่าเรื่องที่เกิดมันเป็นยังไงกันแน่?

“เอ่อ…”

หลังจากได้ยินเรื่องนี้ ทุกคนก็คิดว่าสิ่งที่ซูหวานหว่านพูดออกมาล้วนมีเหตุผล กระทั่งได้ยินแบบนี้ ใบหน้าของพวกเขาก็พลันเปลี่ยนสี และซูหวานหว่านก็พูดขึ้นมาว่า “ทุกคน! อย่าปล่อยให้คนไม่ดี ทำราวกับพวกเราเป็นคนโง่สิ หลอกให้พวกเจ้าทำในสิ่งที่พวกเขาต้องการ และพวกเจ้าก็หลงเชื่อและยอมทำตาม”

หลังจากซูหวานหว่านพูดจบ นางกวาดสายตาไล่มองทุกคน จากนั้นก็เดินกลับขึ้นรถม้าทันที

หลังจากได้ยินคำพูดแบบนั้น ทุกคนก็เดินตามรถม้าไป เพื่อไปฟังเรื่องราวที่เกินขึ้นที่ศาลาว่าการต่อ

เมื่อไป๋เหอชิวได้ยินก็หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา และแอบด่าว่าซูหวานหว่านเป็นคนโง่อยู่ภายในใจ หากนางต้องการให้มันเป็นแบบนี้ เช่นนั้นแล้วเขาจะทำให้ซูหวานหว่านอับอายขายหน้ามากขึ้น และนางจะต้องจ่ายเงินชดเชยเป็นสองเท่า!

เมื่อคิดได้แบบนี้ เขาก็รู้สึกว่าซูหวานหว่านมีประโยชน์กับเขามาก ไป๋เหอชิวจึงมุ่งตรงไปยังที่ศาลาว่าการทันที

ทันทีที่เขามาถึงศาลาว่าการ เขาทำตามทุกขั้นตอนตามปกติ เมื่อทั้งสองเผชิญหน้ากัน ไป๋เหอชิวก็หยิบสัญญาออกมาและกล่าวว่า “ใต้เท่านายอำเภอ โปรดตรวจสอบสัญญาให้ชัดเจนอย่างถี่ถ้วน นี้เป็นสัญญาของข้ากับคุณหนูจ้าวที่ได้ทำข้อตกลงกัน”

แน่นอนว่านางเคยเจอกับบุคคลคนนี้มาแล้วในครั้งหนึ่ง เพราะรอบการแข่งขันรอบแรกที่ผ่านมานางก็ได้มาขอให้ใต้เท่านายอำเภอ ช่วยจัดพลลาดตระเวนไปดูแลความปลอดภัย ซูหวานหว่านก็ได้กล่าวออกมาว่า “ใต้เท่านายอำเภอ ข้าอยากจะขอพูดอะไรสักอย่าง วันนี้ไป๋เหอชิวบุกรุกเข้ามาในบ้านตระกูลจ้าวโดยพลการ โดยที่ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นบ้าอะไรขึ้นมาถึงบุกเข้ามาที่บ้านของข้าในขณะที่ข้ากำลังทำเครื่องหอมอยู่ โดยเขาสั่งให้ข้าลงชื่อในสัญญาของเขาซะ แต่ว่าข้ายังไม่ได้ลงชื่อแต่อย่างใด”

“เฮอะ! หลักฐานอยู่ที่นี่แล้ว ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะตอบว่าอย่างไร!” ไป๋เหอชิวก็กล่าวออกมาอย่างประชดประชัน

ใต้เท่านายอำเภอก้มลงมองสัญญา ก่อนจะต้องตกตะลึง “เจ้าแน่ใจอย่างงั้นหรือว่าที่สิ่งที่เจ้าพูดมานั้นถูกต้อง?”

“ใช่” ไป๋เหอชิวกล่าวตอบรับด้วยความมั่นใจอย่างยิ่ง

ใต้เท่านายอำเภอถอนหายใจออกมาและพูดอย่างเย็นชา “คุณหนูจ้าวพูดถูก ดูเหมือนว่าคุณชายไป๋จะป่วยจริง ๆ! เจ้าควรต้องไปหาหมอถึงจะถูก!”

“…”

งั้นแสดงว่าสิ่งที่ไป๋เหอชิวพูดมามันคือเรื่องที่โกหกหรือไม่ เมื่อทุกคนได้ยินแบบนี้พวกเขาก็หัวเราะเยาะไป๋เหอชิวทันที

ใบหน้าของไป๋เหอชิวก็เปลี่ยนสีไปในทันใด และเขาก็เดินไปหยิบกระดาษที่ใต้เท่านายอำเภอขว้างลงมา และเมื่อมองดูในสัญญา ใบหน้าของเขาก็ยิ่งแย่ลงกว่าเดิม!