หมีแพนด้ากลายพันธุ์ตัวหนึ่งก้าวเดินออกมาจากตรอกสายเล็กช้าๆ จากนั้นก็มองไปยังทิศทางที่คนกลุ่มนั้นหนีกระเจิดกระเจิงไป…ด้านหลังของมัน มีขวดแก้วที่ถูกเหยียบจนแตกอยู่บนพื้น ท่ามกลางเศษแก้วที่แหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กๆ ยังมองเห็นซากศพของแมงมุมสองตัวที่ถูกเหยียบทับจนแบน…ของเหลวสีดำไหลลามไปตามพื้น กัดกร่อนจนเกิดเป็นเสียง
ในโรงงาน ฝูงแมงมุมแตกตื่นกระเจิงไปคนละทิศ…
หลังจาก “ลูกบอล” ลูกแรกที่แตกกระเจิงราวกับเศษกระเบื้องกระจาย แมงมุมเหล่านั้นก็กระโดดไปทั่วอย่างบ้าคลั่ง ทว่าพฤติกรรมอย่างนี้ของพวกมัน กลับไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้พวกหลิงม่อนัก ตรงกันข้าม พวกมันดันพุ่งกระแทกจน “ลูกบอล” ที่อยู่ใกล้ๆ แตกกระเจิง และท่ามกลางความโกลาหล กระสุนก็พุ่งเข้ามาไม่ขาดสาย…
เหล่าแมงมุมตัวใหญ่ที่อยู่ในฝูงก็ราวกับสูญเสียความสามารถในการตอบสนอง พวกมันเอาแต่วิ่งวนไปวนมาอยู่ที่เดิม เดิมทีการจะตามหาพวกมันในสภาพแวดล้อมอย่างนี้ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ในเวลานี้ ท่ามกลางฝูงแมงมุมจำนวนมหาศาลกลับมีเด็กสาวตัวเล็กปะปนอยู่ด้วย…เฮยซือเดินฝ่าฝูงแมงมุมพลางหัวเราะคิกคัก ทุกครั้งที่เจอแมงมุมตัวใหญ่ มันจะรีบกระโดดเข้าไปฆ่าให้ตาย กระทั่งใช้เส้นไหมสีเงินเกี่ยวศพขึ้นมาตรงหน้า และจ้องมองอย่างพอใจ…
“ตามคาด สิ่งมีชีวิตที่อยู่กันเป็นฝูงแบบนี้ มีจุดอ่อนที่ชัดเจนมาก…”
เวลานี้พวกมู่เฉินยิ่งทึ่งในตัวหลิงม่อจนแทบอยากจะคุกเข่าให้…เขาบอกว่าจะไปจัดการกับผู้อยู่เบื้องหลัง ปรากฏว่าเขาทำได้จริงๆ! ส่วนเขาจะใช้วิธีไหนนั้น…แน่นอนว่าย่อมต้องใช้พลังจิตอยู่แล้ว!
คิดว่าคงใช่…
ทว่าอย่างไรก็ตาม ตอนนี้พวกเขาสู้จนสาแก่ใจแล้ว ความโกรธแค้นที่ถูกบีบให้ต้องป้องกันอย่างเดียวเมื่อกี้ ตอนนี้พวกเขาได้ปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่แล้ว
เดิมที่แมงมุมพวกนี้ทำให้พวกเขารู้สึกว่า ฆ่าอย่างไรก็ฆ่าไม่หมด…แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่า มองไปทางไหนก็เต็มไปด้วยศพแมงมุม!
หลังจากที่แมงมุมพวกนั้นสูญเสียข้อได้เปรียบอย่างการ “พรั่งพรูเข้ามาพร้อมกัน”…พวกหลิงม่อก็ได้แสดงฝีมือออกมาอย่างสุดความสามารถ…ทว่าการที่พวกเขาตามติดหลิงม่อไม่ยอมห่าง ความจริงยังมีอีกหนึ่งเหตุผลซ่อนอยู่…
กลัวโดนลูกหลงกระสุนปืนจากหัวหน้าหลิงน่ะสิ!
เมื่อเป็นอย่างนี้ ทุกคนกลับพยายามประคองสติให้ดีกว่าเดิม…
“ลูกบอล” บางลูกในกลุ่มกลับยืนหยัดมาได้ หลังจากที่พวกมันหลบการพุ่งชนจากพวกเดียวกันพ้น พวกมันก็เริ่มกลิ้งมาทางพวกหลิงม่อ แมงมุมพวกนี้อาจดูเหมือนซ้อนทับกันอยู่หลายชั้น แต่ความจริงทุกตัวกำลังเคลื่อนไหวไม่เคยหยุดนิ่ง ทันทีที่พวกมันขยับ ความเร็วก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าตอนเคลื่อนไหวลำพัง กระทั่งเร็วกว่าด้วยซ้ำ…
และเมื่อใดที่ “ลูกบอล” ขนาดมหึมาขนาดนี้กลิ้งมาถึงตรงหน้า อาวุธปืนก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก แต่ขณะที่อวี่เหวินซวนกำลังเตรียมจุดไฟ พวกมันกลับระเบิดออก และพุ่งเข้าใส่พวกหลิงม่อจากทั่วสารทิศราวกับห่าฝน
แต่หลิงม่อเตรียมตัวรับมือเรื่องนี้นานแล้ว เขาเตรียมตาข่ายพลังจิตไว้แต่แรก…ถึงแม้สามารถยืนหยัดได้เพียงเสี้ยววินาที แต่สำหรับพวกเขาถือว่าเพียงพอแล้ว หลังการยิงโจมตีอย่างบ้าคลั่งและการโจมตีด้วยพลังพิเศษหลากหลายรูปแบบผ่านไป แมงมุมเหล่านี้ค่อยๆ ร่วงกราวลงพื้น
“ไม่คิดเลยว่าจะเป็นระเบิดแมงมุมแบบนี้…ดีที่มีหัวหน้าอยู่” มู่เฉินถอนหายใจ และพูดจากใจจริง
หลิงม่อกลับส่ายหน้า สายตากวาดมองรอบข้างอย่างตื่นตัว “ไม่หรอก ต้องบอกว่าโชคดีที่พวกมันเข้ามาทีละลูกมากกว่า…ถ้าเมื่อกี้พวกมันเข้ามาพร้อมกันทั้งหมดสามสิบกว่าลูก ตอนนี้พวกเราคงถูกบีบให้ถอยเข้าไปในอาคารโรงงานแล้ว หรือไม่ก็อาจถูกกินจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกในพริบตา ความจริงถึงจะไม่เข้ามาพร้อมกันสามสิบกว่าลูก แต่แค่เข้ามาพร้อมกันสามลูก พวกเราก็อาจต้องถอย”
ทุกคนได้ยินก็ตกใจ…ที่แท้ จุดแข็งของพวกมันก็แข็งแกร่งถึงขนาดนี้…
เพียงแต่เพราะพวกเขามีประสบการณ์การต่อสู้ที่ช่ำชองกว่า จึงอาศัยการสร้างสถานการณ์ข่มขวัญ ยืนหยัดผ่านการโจมตีระลอกแรกมาได้ ความจริงแล้วหากพวกเขาสู้ต่อไปโดยไม่หยุดพัก ป่านนี้พวกเขาคงถูกล้อมขังไว้ในโรงงานแล้ว…
ครั้งนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง…หลิงม่อลั่นไกปืนหนึ่งครั้ง พวกนั้นก็หนีเตลิดเปิดเปิงทันที…
ต่อมา พวกหลิงม่อก็เริ่มหลบหลีก “ลูกบอล” พวกนั้นอย่างระมัดระวัง ทว่าไม่นานพวกเขาก็พบว่า “ลูกบอล” พวกนี้เหมือนกำลังถ่วงเวลาพวกเขามากกว่า เพราะความจริงแล้ว “ลูกบอล” อีกหลายลูก กำลังกระจายตัวกันอย่างเงียบๆ…
ผ่านไปครู่หนึ่ง ในโรงงานก็เหลือเพียงพวกหลิงม่อ รวมถึงศพแมงมุมที่ถูกทับแบนเต็มพื้น
“แฮ่ก…แฮ่ก…”
ทุกคนยืนหอบหายใจหนักหน่วงอยู่ที่เดิม มู่เฉินปล่อยให้ปากกระบอกปืนชี้ลงพื้น แขนที่ถูกแรงสะท้อนกลับของปืนดีดอย่างต่อเนื่องกำลังกระตุกสั่นอย่างอ่อนแรง…เย่ไคเองก็ดูเหมือนใกล้ถึงขีดจำกัดแล้วเหมือนกัน พอเขาปล่อยแขนทั้งสองข้างลง ก็ไม่สามารถยกขึ้นมาได้อีก…อวี่เหวินซวนสภาพดูดีกว่าเพื่อน ทว่าสีหน้ากลับย่ำแย่สุดขีด
ตอนที่กำลังสู้พวกเขากลับไม่รู้สึกอะไร แต่ตอนนี้พอหยุด พวกเขาก็พลันรู้สึกได้ถึงความเจ็บแปลบทันที…ไม่ใช่เพราะได้รับบาดเจ็บ แต่เป็นอาการที่เกิดจากการระเบิดพลังสูงสุดออกมาอย่างต่อเนื่องในเวลาสั้นๆ…
“ฉันว่า แมงมุมพวกนี้น่าจะหนีรอดไปได้ประมาณครึ่งหนึ่ง แล้วยังมีบางส่วนที่ไม่รู้วิ่งหนีหายไปไหน ดังนั้นยังไงก็ต้องระวังให้มาก…” เฮยซือกวาดมองซ้ายขวา แล้วบอก
อีกทั้งศพแมงมุมที่อยู่ที่นี่ ส่วนมากเป็นของเจ้าสองคนนั้นที่ตายไปแล้ว…
ซึ่งก็หมายความว่า ร่างปรสิตแมงมุมตัวผู้พวกนั้น ความจริงยังไม่ได้ถูกกำจัดจนหมด แต่เดาว่าตอนนี้สมองของพวกเขาคงถูกทำให้ตกใจจนขาวโพลนไปหมดแล้วล่ะ…
“ถ้ายังมีแรงเหลืออยู่อีกหน่อย ฉันจะตามไปฟันพวกนั้นให้ตาย…” เย่ไคพูดอย่างเจ็บใจ
หลิงม่อกลับบิดข้อมือไปมา พูดอย่างเคร่งเครียด “ไม่…พวกเรารีบกลับเข้าไปในอาคารโรงงาน เดี๋ยวนี้!”
“นั่นมัน…ตอนนี้พวกมันน่าจะยัง…” ถึงแม้ว่าร่างกายของมู่เฉินจะขยับตัวเตรียมถอยตามคำสั่งเขาโดยสัญชาตญาณ แต่ปากก็ยังอดถามขึ้นไม่ได้
หลิงม่อเดินไปพลาง อธิบายไปพลาง “ที่พวกเราทำทั้งหมดนี้ จุดประสงค์หลักไม่ได้ทำเพื่อฆ่าแมงมุม…แมงมุมพวกนี้มีอยู่ทุกที่ และตอนนี้ก็เป็นกลางคืน ฆ่ายังไงก็ไม่มีวันฆ่าหมด และทันทีที่พวกเราหมดแรง แค่แมงมุมตัวเดียวก็ทำให้ถึงตายได้ เรื่องแบบนี้พวกเราไม่จำเป็นต้องไปเสี่ยง”
“ถ้าอย่างนั้นหัวหน้าหมายความว่า…” เย่ไคถาม
“แน่นอนว่า…บีบให้ลูกพี่ของพวกมันออกมา!” หลิงม่อบอก
ตอนนี้ พวกหลิงม่อเป็นฝ่ายได้เปรียบ ถ้าหากบลัดมาเธอร์ตัวนั้นต้องการฆ่าพวกเขา ก็ไม่สามารถอยู่เฉยเอาแต่ดูละครฉากสนุกได้อีกแล้ว…และการกระทำของพวกหลิงม่อ ก็เท่ากับกำลังบอกพวกเขาว่า การที่พยายามใช้แมงมุมตัวเล็กฆ่าพวกเขา เป็นการดูถูกกันเกินไป…
“ขอเพียงพวกมันโผล่หน้ามายืนต่อหน้าเรา พวกเราถึงจะมีโอกาสจริงๆ…ไม่อย่างนั้นถึงจะฆ่าไปอีกมากแค่ไหน ก็ไม่ต่างจากกำจัดเขี้ยวเล็บจำนวนหนึ่งของพวกมันเท่านั้น ในขณะที่เจ้าบลัดมาเธอร์ กลับยังคงไม่ยอมขยับเขยื้อน…ถ้าหากพวกเราเพียงอยากต่อต้าน ทำมาถึงขั้นนี้ก็ถือว่าสำเร็จ และสามารถจากไปอย่างพอใจ แต่สิ่งที่พวกเราอยากทำ คือกำจัดพวกมันให้สิ้นซากไม่ใช่หรอ?” หลิงม่อบอก
เย่ไคพยักหน้าแรงๆ ทันที “ถูกต้องแล้ว! หากใครหาเรื่องฉัน ฉันจะฆ่ามันให้หมด!”
“นายฆ่าใครไปแล้วหรอไง?” มู่เฉินพูดตอกหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ ทว่าดูจากสีหน้าเขา เขาเองก็รู้สึกฮึกเหิมไม่แพ้กัน…
บนถนน เงาร่างของหมีแพนด้ากลายพันธุ์หายไปจากตรงนั้นแล้ว…
ทว่าไม่นาน เงาดำขนาดใหญ่เงาหนึ่งพลางทาบทับลงมาจากท้องฟ้า และหยุดอยู่ข้างศพแมงมุมตัวผู้สองตัวนั้น
ชายผมขาววิ่งตามมาอย่างรวดเร็ว ข้างหลังเขา ยังมีชายกลุ่มนั้นที่วิ่งตามมาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก…
ความจริงแล้วระหว่างที่พวกเขากำลังหนี พวกเขาบังเอิญเจอบลัดมาเธอร์กับชายคนนั้นกลางทาง…ตอนแรกพวกเขายังงุนงงแตกตื่น ทว่าตอนนี้พอเห็นศพที่อยู่ตรงนี้ พวกเขาพลันฉุกคิดได้…
สาเหตุที่อยู่ๆ “ลูกบอล” พวกนั้นแตกกระเจิงเป็นเพราะอย่างนี้เอง และพลังสัมผัสรู้ของบลัดมาเธอร์ ก็เริ่มตื่นตัวนับตั้งแต่วินาทีนั้น เพียงแต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้ข้อมูลนี้อยู่แล้ว ดังนั้นก่อนที่บลัดมาเธอร์จะมุ่งหน้ามาที่นี่ด้วยความเร็วสูง อีกฝ่ายจึงรีบหายตัวไปก่อน
“ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่ส่งเสียงร้องประหลาดนั้นออกมาก็…”
ชายคนหนึ่งหมายจะพูด แต่ดันสบตากับชายผมขาวก่อน เขาใจกระตุกวูบ รีบหุบปากอย่างลนลาน เมื่อกี้หนึ่งในคนที่วิ่งหนีเร็วที่สุด มีเขารวมอยู่ด้วย…
ชายผมขาวจ้องมองศพอยู่ครู่หนึ่ง บอกว่า “ฉันคิดว่า มันเหมือนเป็นการส่งสารท้าทายมากกว่า…ในเมื่ออีกฝ่ายรู้ว่าต้องหนี แสดงว่าต้องรู้เกี่ยวกับพลังสัมผัสรู้ระหว่างแม่แมงมุมกับแมงมุมตัวผู้แน่นอน ที่เขาทิ้งศพไว้ที่นี่ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าต้องการสื่ออะไร”
เงาดำไม่เปล่งเสียงใด ผ่านไปสองวินาที อยู่ๆ มันก็ขยับเขยื้อน…
เมื่อเสียง “ซ่าๆ” ดังขึ้น ศพสองศพนั้นก็หายไปทันที
ไม่นาน เงาดำนั้นหมุนกายมาเผชิญหน้ากับร่างปรสิตแมงมุมตัวผู้พวกนั้น…
“ลูกพี่!”
ท่ามกลางความเงียบงัน หนึ่งในกลุ่มพลันร้องขึ้นมา “ไม่เกี่ยวกับพวกเรานะ! หลี่เฉิงกวงต่างหาก! แล้วยังมี…”
“เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังที” ชายผมขาวตัดบทด้วยเสียงเย็นชา
ชายคนเดิมยังคงมีสีหน้าลนลานจนแทบขาดสติ เฮ่อเจิ้นมองเขาแวบหนึ่ง จากนั้นจึงตัดสินใจเล่าแทนอย่างใจกล้า “เรื่องมีอยู่ว่า…”
หลังจากที่เขาเล่าจบด้วยสภาพเหงื่อท่วมหัว ชายผมขาวกลับไม่พูดอะไร ได้แต่พยักหน้าเงียบๆ
เขาไม่เปิดปากพูด คนที่เหลือก็ได้แต่ยืนนิ่ง หัวใจเต้นเร็วจนใกล้บ้าเต็มที…
“อีกฝ่าย…เคลื่อนไหวคล่องแคล่ว จุดประสงค์ชัดเจน วิธี…ก็โหดพอตัว” ชายผมขาวครุ่นคิด ในที่สุดก็เปิดปากพูด
คนที่เหลือต่างงงเป็นไก่ตาแตก บอกตามตรง เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วมาก จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่อยากจะเชื่อด้วยซ้ำ
เงาดำพึมพำสองสามคำ ชายผมขาวฟังจบ ก็บอกว่า “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ เสียเวลากับพวกมันต่อไปก็คงไม่มีประโยชน์ ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจพากำลังเสริมกลุ่มใหม่มาอีกก็ได้…” พวกหลิงม่อมีเฮลิคอปเตอร์ การที่พวกเขาจะคาดเดาอย่างนี้ก็ถือเป็นเรื่องสมเหตุสมผล…เขาพูดต่อว่า “ดังนั้นการต่อสู้ จะต้องจบลงภายในคืนนี้ให้ได้ พวกมันอยากสู้ซึ่งหน้า เราก็จะสู้ซึ่งหน้า!”
พอได้ยินว่าบลัดมาเธอร์กับชายผมขาวจะออกหน้าด้วยตัวเอง ทุกคนต่างอึ้งค้าง ทว่าพอคิดอีกที ผู้รอดชีวิตพวกนั้นมีฝีมือที่น่ากลัว…หากบลัดมาเธอร์ไม่ลงมือเอง เกรงว่าคงยากจะจัดการจริงๆ
ทว่าพอคำพูดนี้หลุดออกจากปาก พวกเขาพลันลิงโลดขึ้นมา สมองที่ขาวโพลนเพราะความช็อก ตอนนี้เริ่มสงบลงมากแล้ว
“พวกนายตามอยู่ข้างหลังแล้วกัน” ชายผมขาวมองพวกเขาแวบหนึ่ง ท่าทีเหมือนไม่คิดจะซักไซ้เอาผิด
พวกเขาพลันลอบถอนหายใจทันที…
“คืนนี้…” ชายผมขาวหันไปมองโรงงานแห่งนั้น…
——————————