กลางคืน ราวกับทุกอย่างรอบกายกลับสู่ความเงียบสงัดอีกครั้ง…
โครม!
หลังจากปิดประตูอาคารโรงงาน พวกเย่ไคที่ใกล้หมดแรงเต็มทีทิ้งตัวนั่งบนพื้นอย่างหมดสภาพ ส่วนสวี่ซูหานที่กลับเข้ามาพร้อมกันและเฮยซือที่ยังคงกระโดดโลดเต้นอย่างเริงร่า กำลังขนกระสอบทรายเปียกที่เตรียมไว้ตั้งแต่แรกมาอุดช่องว่างเล็กๆ ด้านล่างประตู ถึงแม้วิธีนี้ไม่สามารถขวางพวกตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังไว้ได้ แต่หากใช้ป้องกันเหล่าแมงมุมตัวเล็กที่วิ่งกระเจิงไปทั่วทิศ ก็ยังถือว่าฝืนด้านทานไว้ได้อยู่
“ทุกคนรีบฉวยโอกาสพักเอาแรงซะ สิ่งที่พวกเราทำได้ตอนนี้ ก็คือรออยู่ที่นี่อย่างอดทน ไม่ว่าอย่างไร อีกฝ่ายจะต้องเคลื่อนไหวก่อนฟ้าสางแน่นอน และมั่นใจได้ว่าจะไม่มีการหยั่งเชิงแบบนี้เกิดขึ้นอีก ดังนั้นครั้งหน้าที่ศัตรูปรากฏตัว พวกมันสู้สุดตัวแน่นอน” หลังจากเดินเข้ามา หลิงม่อรีบหยิบกระเป๋าเป้ที่วางไว้ตรงมุมห้องขึ้น และหยิบธัญพืชอัดแท่งจำนวนหนึ่งออกมาทันที
จางซินเฉิงหยิบกระเป๋าเก็บกระสุนออกมาเงียบๆ จากนั้นก็เทลงบนพื้น บอกว่า “พวกนี้ คือกระสุนทั้งหมดที่เรามีตอนนี้ ดูจากจำนวน น่าจะพอใช้สำหรับคืนนี้ ในเมื่อศัตรูตัวจริงคือมนุษย์ ถ้าอย่างนั้นเราก็สามรถใช้ปืนสร้างความกดดันด้านจิตวิทยาให้พวกมันได้ พวกมันมีแมงมุม ส่วนเรามีปืน”
“อื่ม…ฉันว่าก่อนหน้านี้ที่พวกมันไม่กล้าเผชิญหน้ากับเราตรงๆ อาจเป็นเพราะเหตุผลนี้ก็ได้” อวี่เหวินซวนนอนกางแขนแผ่หลาอยู่บนพื้น แต่ก็ยังอดพูดแทรกขึ้นไม่ได้
“ใช่ แต่ตอนนี้แผนฆ่าโดยไม่บาดเจ็บของพวกมันก็ล้มเหลวไปแล้ว” เย่ไคแค่นเสียงไม่พอใจ และพูดขึ้น
เวลานี้ กู่ซวงซวงเดินเข้ามาหยิบอาหารจำนวนหนึ่ง บอกว่า “ฉันจะเอาไปให้พวกซย่าน่าหน่อยแล้วกัน…”
“ไม่ต้องหรอก” หลิงม่อกลับเงยหน้า ท่ามกลางสายตางุนงงนของกู่ซวงซวง เขาหันไปหยิบน้ำหนึ่งขวด และลุกขึ้นถามอย่างเป็นธรรมชาติ “เจ้าลิงผอมเป็นยังไงบ้าง?”
“เหมือนจะดีขึ้นหน่อยแล้ว…” กู่ซวงซวงก้มหน้าตอบ จากนั้นก็พูดต่อว่า “พวกเธอไม่ได้กินอะไรมานานแล้ว…ตอนนี้พวกคุณพักผ่อนอยู่ ฉันว่างพอดีเลยจะ…”
“ถ้างั้นก็ดี ฉันจะไปดูอาการเขาพร้อมกับเธอหน่อยแล้วกัน” หลิงม่อกลับตัดบทเธอ แล้วพูดขึ้น
กู่ซวงซวงนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตอบเสียงเบา “ได้…”
พอเห็นหลิงม่อกับกู่ซวงซวงเดินลึกเข้าไปในอาคารโรงงาน สวี่ซูหานที่กำลังแจกจ่ายอาหารก็อดเหลือบมองไม่ได้
“ตานั่น…เพื่อไม่ให้ใครสงสัย กลับเย็นชาได้ถึงขนาดนี้…น่าสงสาร ความจริงสาวน้อยแค่อยากจะตีสนิทด้วยก็เท่านั้น…แต่ว่าแม้แต่พวกเธอยังต้องระวังตัวขนาดนี้ แล้วอย่างเรา…” สวี่ซูหานลอบคิดในใจ แต่อยู่ๆ เธอกลับสัมผัสได้ถึงดวงตาคู่หนึ่งที่กำลังจ้องแผ่นหลังตัวเอง สวี่ซูหานหนังศีรษะชา รีบหันไปมอง เห็นเฮยซือกำลังมองมาที่เธอด้วยสายตาแฝงความนัยพอดี…ชั่ววูบหนึ่ง เธอรู้สึกเหมือนดวงตาคู่นั้นไม่ใช่มนุษย์จริงๆ…
“ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น…” ศูนย์จุดหนึ่งวินาทีต่อมา สวี่ซูหานก็รีบหันหน้ากลับมา พลางพึมพำกับตัวเองเสียงเบา
…หลังจากที่เจ้าลิงผอมถูกย้ายเข้ามาในอาคารโรงงาน เขาก็ถูกพาไปซ่อนในห้องควบคุมที่ค่อนข้างลับตาคน ซึ่งเมื่อการต่อสู้เริ่ม กู่ซวงซวงก็จะรีบกลับมาที่นี่ทันที
ตอนที่หลิงม่อกับกู่ซวงซวงเดินเข้าไป ข้างในยังคงมืดมิด ได้ยินเพียงเสียงหายใจเบาๆ ของใครคนหนึ่ง กู่ซวงซวงเปิดไฟฉาย ปากก็พูดว่า “เจ้าลิงผอม หัวหน้ามาเยี่ยมนายแล้ว”
เดิมทีเจ้าลิงผอมนอนอยู่บนเตียง แต่พอเห็นแสงไฟก็รีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นนั่ง
“ฉันมีอะไรจะคุยกับเจ้าลิงผอมหน่อย” หลิงม่อหันไปพูดกับกู่ซวงซวง
กู่ซวงซวงพลันเข้าใจความหมาย หลังจากวางอาหารและไฟฉายไว้ เธอก็หันไปหยิบไฟฉายอีกกระบอกหนึ่งและเดินออกไป
ภายใต้แสงสว่างขาวซีด หลิงม่อเดินเข้าไปช้าๆ แล้วนั่งยองๆ ลงข้างกายเจ้าลิงผอม ทั้งสองสบตากัน ไม่นานเจ้าลิงผอมก็ยิ้มฝืดเฝื่อน “หัวหน้า ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ…”
“ดื่มน้ำเถอะ” หลิงม่อกลับยื่นน้ำแร่ในมือให้เขา เห็นชัดว่า เขาไม่อยากได้ยินเจ้าลิงผอมกล่าวขอโทษ “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย นายทำเต็มที่แล้ว ฉันมาถามเรื่องอื่นต่างหาก…” พูดถึงตรงนี้ สีหน้าเขาพลันแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง เสียงก็เบาลง “นายจำเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้มากน้อยแค่ไหน?”
สายตาของเจ้าลิงผอมมีประกายพาดผ่าน เขาอึกอักไม่พูดไม่จา แต่ก็ได้ยินหลิงม่อพูดขึ้นก่อน “ตอนที่นายเพิ่งฟื้น ความจริงฉันสังเกตเห็นแล้ว สายตาของนาย เหมือนมีบางอย่างผิดปกติไป ใช่ไหม? การที่นายมีปฏิกิริยาอย่างนี้ เกี่ยวกับสิ่งที่ร่างแม่ใต้ดินตัวนั้นพูดไว้หรือเปล่า? ตอนนั้นฉันไม่มีโอกาสถามนาย อีกอย่าง ฉันอยากให้เวลานายได้คิดหน่อย เพราะฉะนั้นตอนนี้ ฉันคิดว่านายน่าจะจัดการความคิดของตัวเองเรียบร้อยแล้ว วางใจเถอะ ศัตรูใกล้จะมาแล้ว ฉันไม่บังคับนายหรอก”
“คือ……” พอสังเกตเห็นสายตาเหน็ดเหนื่อยของหลิงม่อ เจ้าลิงผอมก็อยากร้องไห้ขึ้นมาทันที…แบบนี้มันยิ่งกว่าบังคับซะอีกนะ! มาถามเรื่องนี้ในเวลาแบบนี้ ขี้โกงกันชัดๆ เลยนี่! พอได้ฟังคำพูดที่ “มีเหตุมีผล” อย่างนี้ จะให้เขาปฏิเสธอีกงั้นหรอ? ซ้ำอีกฝ่ายจะออกไปสู้กับศัตรูเมื่อไหร่ก็ไม่รู้! ถ้าหากพูดออกไปทำนองว่า “ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงดี” เขาจะยังเป็นคนอยู่อีกหรอ…
“หัวหน้า…คือ…” เจ้าลิงผอมทำได้เพียงเปิดปากพูดอย่างลำบากใจ เพียงแต่ประโยคแรกที่เขาพูด กลับเป็น “หัวหน้ารู้ดี ว่าผมเชื่อใจหัวหน้ามาก…ตอนนี้ก็เหมือนกัน! ถ้าไม่ใช่เพราะหัวหน้า คนอื่นคงมองว่าผมเป็นเศษสวะไร้ประโยชน์ เศษสวะท่ามกลางผู้มีความสามารถพิเศษ มันเป็นสิ่งที่โดนดูถูกยิ่งกว่าเศษสวะท่ามกลางคนธรรมดาซะอีก” เขาเกริ่นสองสามประโยค ขณะที่สายตากลับลอบสังเกตสีหน้าของหลิงม่อเงียบๆ พอเห็นหลิงม่อเพียงพยักหน้า อยู่ๆ เขาก็ถอนหายใจ บอกว่า “หัวหน้า…ตรงนี้…ตรงนี้ของหัวหน้ามีใครอีกคนอยู่ด้วย”
หลิงม่อก้มมองตามนิ้วของเขา พลางขมวดคิ้ว
เจ้าลิงผอมกำลังชี้มาที่หัวใจของเขา…
ร่างแม่ใต้ดินบอกว่า ในร่างกายเขามีเมล็ดพันธุ์อยู่หนึ่งเม็ด และตอนที่เขาเพิ่งฟื้น กู่ซวงซวงก็เคยร้องตกใจครั้งหนึ่ง บอกว่าในดวงตาเขามีดวงตาอีกคู่ทับซ้อนอยู่…
“ใคร? นายมองเห็นได้ยังไง?” หลิงม่อถามเสียงขรึม
เจ้าลิงผอมเรียบเรียงคำพูด พลางพูดช้าๆ ว่า “หากพูดให้ถูก ความจริงผมไม่ได้เป็นคนเห็นเอง แต่เป็นร่างแม่ตัวนั้นที่เห็น ตอนนั้นผมไม่ต่างจากกำลังอยู่ในความฝันอันยาวนาน มีหลายครั้งที่ไม่อาจควบคุมตัวเองได้ พอเห็นคนที่อยู่ในร่างหัวหน้า ผมก็รู้สึกอย่างนี้ขึ้นมาทันที มันเหมือนกับผมเห็นด้วยตาตัวเอง แต่ในใจกลับรู้ดีว่าไม่ใช่ตัวเองที่เห็น…เฮ้อ ผมก็สับสนเหมือนกัน…”
“นายบอกมาให้ชัดเจน คนที่อยู่ในตัวฉันเป็นใคร? นายเห็นรูปร่างหน้าตาหรือเปล่า?” หลิงม่อจี้ถาม
“เรื่องนี้…อธิบายยาก…” เจ้าลิงผอมบอก “ความจริงไม่ใช่ว่าจะมองเห็นได้ในทันที แต่ตอนที่ร่างแม่ใต้ดินคุกคามหัวหน้า อยู่ๆ มันก็ปรากฏตัว ตอนนั้นสิ่งที่ผมเห็น มีเพียงดวงตาสีแดงคู่หนึ่ง เหมือนกับตาของซอมบี้ หลังจากที่ตาคู่นั้นปรากฏตัว มันเหมือนกำลังเตือนร่างแม่ใต้ดิน…” ไม่น่าล่ะ เมื่อกี้ตอนที่เพิ่งเข้ามาเขาถึงได้มองหลิงม่อด้วยสายตาอย่างนั้น เขาไม่ได้กลัวหลิงม่อ แต่กำลังกลัวสายตาลึกลับคู่นั้นต่างหาก…
ดวงตา…หลังจากวิวัฒนาการเขาสามารถมองเห็นปลายประสาทในร่างกายของคนได้ เป็นเพราะดวงตาคู่นี้หรือเปล่านะ? พอคิดอย่างนี้ หลิงม่อก็ใจลอยไปชั่วขณะ
“ร่างแม่ใต้ดินก็ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร ทว่ากลับมั่นใจว่ามันเป็นสิ่งที่จะเติบโตขึ้นช้าๆ อย่างแน่นอน แต่ไม่ได้เติบโตตามกาลเวลา หากแต่เติบโตตามวิวัฒนาการของหัวหน้า…” หลังจากเล่าเรื่องทั้งหมดที่ตัวเองรู้ เจ้าลิงผอมเหลือบมองหลิงม่อแวบหนึ่ง แล้วอดถามขึ้นอย่างเป็นห่วงไม่ได้ “หัวหน้า…มันคืออะไรกันแน่? ตาคู่นั้นเป็นสีแดง ซ้ำยังทำให้ร่างแม่ใต้ดินกลัวได้ด้วย คงไม่ใช่ว่า…”
“น่าจะเป็นพลังที่เกิดขึ้นตอนฉันกลายพันธุ์ ตอนนั้นอาจจะยังไม่เสถียร แต่ในเมื่อมันเป็นจิตใต้สำนึกของฉัน ถ้าอย่างนั้นไม่ว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน รวมถึงปกป้องฉันยังไง มันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรอ?” หลิงม่อกลับตอบกลับมาโดยเร็ว
เจ้าลิงผอมชะงักงัน อ้าปากทำเหมือนจะพูดอะไร แต่สุดท้ายกลับพบว่า เหมือนหัวหน้าจะพูดได้…มีเหตุผลเหมือนกันนะ! ถึงแม้มักรู้สึกว่ายังมีปัญหา แต่ภายใต้สถานการณ์ที่ยังหาช่องโหว่ไม่เจอ เขาก็ทำได้เพียงพยักหน้า จากนั้นก็พูดกำชับอีกประโยค “เอาเป็นว่า หัวหน้าก็ระวังหน่อยแล้วกัน…ถึงแม้ว่าดวงตาคู่นั้นกำลังปกป้องหัวหน้า แต่ร่างแม่ใต้ดินกลับบอกว่ามันมีจุดประสงค์ร้าย ผมเองก็รู้ว่าคำพูดของร่างแม่ใต้ดินเชื่อไม่ได้ แต่ว่าระวังไว้ก่อนน่าจะดีกว่า…ในหนังบางเรื่องมักจะมีฉากที่ตัวละครบุคลิกแตกแยกฆ่าตัวตายไม่ใช่หรอ…”
“โครม!”
ในตอนนั้นเอง เสียงสนั่นดังขึ้นทันใด…
—————————————————