เสียงนั้นดังขึ้นอย่างกะทันหัน แถมยังดังมาจากบนหัวพวกเขา…หลิงม่อกับเจ้าลิงผอมชะงักงัน หลังสบตากัน ก็รีบเงยหน้ามองข้างบน
โครม!
เสียงสนั่นเลื่อนลั่นดังขึ้นอีกครั้ง เจ้าลิงผอมตกใจจนตัวสั่น “เกิดอะไรขึ้น?”
“พวกมันมาแล้ว” หลิงม่อขมวดคิ้ว รีบยืนขึ้น แล้วบอกว่า “ระวังตัวด้วย ฉันไปก่อนล่ะ”
“ดะ…ได้…” เจ้าลิงผอมพยักหน้าโดยอัตโนมัติ ทว่าหลังจากมองส่งหลิงม่อเดินออกจากห้องไป เขาจึงเพิ่งกระจ่างทีหลัง เมื่อกี้ถึงแม้ว่าหลิงม่อกำลังคุยกับเขา แต่พลังสัมผัสรู้ของเขาต้องแผ่ปกคลุมอยู่นอกอาคารโรงงานแน่นอน ไม่ใช่แค่หลิงม่อ แต่ยังมีพวกซย่าน่า รวมถึงกู่ซวงซวงซึ่งอยู่นอกห้องด้วยที่กำลังเฝ้าระวังสถานการณ์อยู่…แต่ภายใต้การเฝ้าระวังของคนมากมายขนาดนี้ ทำไมอยู่ๆ เสียงนี้ถึงได้ดังขึ้นบนหลังคาล่ะ…
“หัวหน้า!” พอเห็นหลิงม่อเดินออกมาจากห้องควบคุม กู่ซวงซวงที่กำลังตื่นตะลึงรีบเดินเข้ามาหา “เมื่อกี้ฉันสัมผัสอะไรไม่ได้เลย…”
หลิงม่อพยักหน้า พูดรัวเร็วว่า “ฉันก็เหมือนกัน และคิดว่าคนอื่นก็คงไม่ต่างกัน เธอไปพาตัวนักบินคนนั้นมา จากนั้นก็ปิดประตูห้องซะ ซ่อนตัวอยู่ที่นี่ให้ดี ขอเพียงพวกเรายังมีชีวิตอยู่ พวกเธอจะไม่มีทางเป็นอะไรแน่นอน”
ถึงแม้รู้ดีว่าหลิงม่อเพียงต้องการพูดปกป้องผู้บาดเจ็บกับแนวหลัง แต่กู่ซวงซวงก็ยังรู้สึกซาบซึ้ง จากนั้นก็พูดอย่างเป็นห่วง “พวกคุณก็ต้องระวังตัวด้วยนะ!”
ทว่าเสียงของเธอถูกทิ้งห่างไว้เบื้องหลัง หลิงม่อวิ่งพุ่งไปทางประตูอย่างรวดเร็ว พลางติดต่อกับพวกซย่าน่าผ่านสายสัมพันธ์ทางจิต “เด็กโง่ พวกเธอเตรียมพร้อมหรือยัง? อีกเดี๋ยวต้องทำตามแผนที่พวกเราตกลงกันไว้นะ ไม่ว่ายังไง จะต้องห่วงความปลอดภัยของตัวเองเป็นหลัก ศัตรูในครั้งนี้ประหลาดมาก ทุกคนห้ามประมาทเด็ดขาด อีกอย่าง…พวกมันเป็นอาหารเน่าเสียที่กินไม่ได้ ดังนั้นเลิกคิดเรื่องนั้นไปได้เลย!”
ไม่รอให้พวกเธอตอบกลับ หลิงม่อติดต่อเฮยซือทันที “ฝั่งประตูเป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่มีใครพยายามบุกเข้ามา แต่ว่า…”
หลังจากเฮยซือพูดจบไม่กี่วินาที หลิงม่อก็วิ่งไปถึงประตูแล้ว ตอนนี้ธัญพืชที่เคยวางบนพื้นถูกจัดการจนเกลี้ยง กระสุนปืนก็ถูกแบ่งไปตามความต้องการของแต่ละคนเรียบร้อยแล้ว คนกลุ่มนี้เพิ่งพักผ่อนไม่ได้ถึงสิบนาที ก็ถูกบังคับให้ต้องลุกขึ้นอีกครั้ง
“ดูเหมือนอีกฝ่ายไม่คิดจะเปิดโอกาสให้เราได้พัก พวกมันเคลื่อนไหวทันทีอย่างนี้ ถือว่าเด็ดขาดไม่เบาเหมือนกันนะ” จางซินเฉิงยกปืนขึ้นเล็งอยู่หลังประตู พลางพูดเสียงเครียด
หลิงม่อมองซ้ายมองขวา จากนั้นก็ถามเฮยซือ “เมื่อกี้แกบอกว่าแต่ แต่อะไร?”
“ในรัศมีห้าสิบเมตรไม่มีร่องรอยของการเข้าออก แต่หลังจากเสียงเมื่อกี้ดัง ก็เหมือนมีบางอย่างตกลงบนพื้นข้างนอกนั่น” เฮยซือตอบ
อวี่เหวินซวนเงยหน้ามองหลังคา บอกว่า “จะว่าไป ตอนนี้มันเงียบไปแล้ว…”
ทุกคนต่างมองไปที่ประตูด้วยสีหน้าตึงเครียด สิ่งที่เฮยซือบอกว่าตกอยู่บนพื้นข้างนอก จะเป็นอะไรกันแน่?
เวลานี้ สวี่ซูหานพลันสูดจมูก จากนั้นก็ชี้ไปที่กระสอบทรายอย่างตาไว บอกว่า “ดูนั่น! นั่นอะไรน่ะ!”
พวกหลิงม่อได้ยินก็รีบหันไปมองตาม เห็นคราบน้ำที่ซึมเข้ามาใต้กระสอบทราย ซึ่งดูแปลกๆ…
“นี่มัน…” หลิงม่อก้าวออกไป จากนั้นก็มองไปที่กระสอบทราย พอเห็นเขาเดินเข้าใกล้ประตูใหญ่อย่างนั้น ทุกคนต่างพากันใจหายใจคว่ำ
ทว่าหลิงม่อเองก็ดูเหมือนจะระมัดระวังตัวมาก เขาจ้องคราบน้ำนั้นอยู่นานสองนาน แล้วพูดว่า “มันคือเลือด”
“เลือด?” จางซินเฉิงถามอย่างประหลาดใจ
ถ้าหากว่าในน้ำมีพิษอยู่ ยังถือเป็นเรื่องปกติ แต่นี่อยู่ๆ ก็มีเลือด…
ในเสี้ยววินาที ทุกคนล้วนนึกถึงความเป็นไปได้หนึ่งขึ้นมา พวกเขาหันขวับไปมองประตูเหล็กบานนั้นเป็นตาเดียว ราวกับมองเห็น “สิ่งของ” ที่อยู่นอกประตูเหล็ก…
“ฉันรู้แล้วว่ามันคืออะไร” หลิงม่อครุ่นคิด แล้วอยู่ๆ ก็พูดว่า “ไม่น่าล่ะพวกเราถึงไม่รู้ตัวล่วงหน้าก่อน…พวกมันไม่โง่ รู้ว่าพวกเราไม่มีทางอยู่เฉยๆ รอพวกมันมาหา ดังนั้น ตอนนี้พวกมันกำลังแสดงพลังข่มขวัญ และก็กำลังท้าทาย ขณะเดียวกันก็ถือเป็นการจู่โจมพวกเราอย่างหนึ่งด้วย…”
สิ่งที่อยู่นอกประตู จะต้องเป็นศพสองศพที่ถูกหมีแพนด้ากลายพันธุ์ฆ่าอย่างแน่นอน…หลิงม่อทิ้งศพแมงมุมตัวผู้สองตัวนั้นไว้ให้บลัดมาเธอร์ และบีบให้พวกนั้นมาสู้กับพวกเขาซึ่งหน้า ดังนั้นบลัดมาเธอร์จึงเลียนแบบการกระทำของเขา ด้วยการขว้างระเบิดมนุษย์สองลูกกลับมาเป็นการตอบแทน ขณะเดียวกันก็เป็นการแสดงท่าทีของฝ่ายตนเองให้พวกเขารู้ด้วย…
มีปัญญาก็เข้ามาเลย!
…………
แน่นอนว่าหลิงม่อไม่มีทางออกไปเพราะคำท้าประเภทนั้น…การต่อสู้กับแมงมุมยักษ์ตัวหนึ่งท่ามกลางฝูงแมงมุมตัวเล็กที่มีอยู่ทั่วทุกซอกมุม ซ้ำด้านข้างยังมีมนุษย์คอยช่วยเหลืออยู่อีกหลายคน วิธีการสู้แบบนี้ เป็นวิธีที่หลิงม่ออยากหลีกเลี่ยงที่สุด และบลัดมาเธอร์เองก็ดูเหมือนจะรู้แล้วว่าในโรงงานแห่งนี้ จะต้องมีกับดักอยู่อย่างแน่นอน…
ดังนั้นในความจริงแล้ว ตอนนี้พวกเขาต่างฝ่ายต่างกำลังหยั่งเชิงกันนั่นเอง…
“ไม่คิดเลยว่าพวกมันจะใช้ศพของพวกเดียวกันมาทำแบบนี้…”
หลิงม่อเพิ่งจะพูดจบ ก็ได้ยินเสียง “แจ๊บๆๆ” ดังมาจากนอกประตูทันใด ขณะเดียวกัน เลือดที่ไหลซึมเข้ามาก็เริ่มเข้มขึ้นในพริบตา
สีหน้าของทุกคนตึงเครียด ตอนนี้ไม่ต้องเดาพวกเขาก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นนอกประตูนั่น…
อีกฝ่ายใช้ศพพวกเดียวกันขว้างเข้ามาเหมือนระเบิด อย่างมากพวกเขาก็เพียงคิดดูถูก เพราะว่าคนพวกนี้ยังไงก็เป็นพวกเดียวกัน ถือว่าคนชั่วกัดกันเอง…แต่การทำเรื่องแบบนี้ต่อหน้าพวกเขา ถือเป็นการท้าทายที่ชั่วร้ายที่สุด เพราะนี่เป็นการบ่งบอกพวกเขาว่า นักบินจางเส่อก็ตายอย่างนี้เหมือนกัน และพวกเขาเอง ก็จะถูกกินจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกอย่างนี้เหมือนกัน…
“เชี่ยเอ้ย!” เย่ไคดวงตาแดงก่ำ กำด้ามมีดแน่น เส้นเลือดบนหน้าผากพลันปูดโปน
“อย่าหลงกล!” มู่เฉินคำรามเสียงต่ำ “พวกมันกำลังบีบให้พวกเราออกไป แต่จางเส่อตายที่นี่ พวกเราก็จะให้พวกมันตายเป็นเพื่อนเขาที่นี่เหมือนกัน” พูดไป เขาก็กำหมัดแน่นจนดัง “กร๊อบ”
ชั่วขณะหนึ่ง ในใจทุกคนโหมไปด้วยเพลิงแค้น แต่เมื่อมองไปที่ประตูเหล็ก ก็จำต้องข่มอารมณ์ตัวเองไว้…เวลาอย่างนี้หากมีหนึ่งในพวกเขาห้ามใจตัวเองไม่ได้ อาจส่งผลเสียต่อทุกคนได้…ดังนั้นแม้จะโกรธแค้นอีกซักแค่ไหน พวกเขาก็ทำได้แค่ทน
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาคิดไม่ถึงคือ หลิงม่อที่ยืนตัวตรงอยู่ในเวลานี้ กลับไม่เพียงไม่ถอยหลัง ตรงกันข้าม เขาเดินหน้าไปหนึ่งก้าว และขยับนิ้วมือไปมา
“หัวหน้า…” ทุกคนต่างตะลึงงัน ที่ผ่านมาหลิงม่อเป็นคนที่ใจเย็นที่สุดเสมอนี่นา!
กลับเป็นมู่เฉินที่ฉุกคิดได้ก่อนใคร…เขารู้ว่าปกติหลิงม่อมักมีเหตุผลเสมอ แต่เมื่อไหร่ที่มีคนล้ำเส้น ผู้ชายคนนี้ก็ทำได้ทุกอย่าง…
“หัวหน้า!”
หลิงม่อเคลื่อนไหวเร็วมาก แทบจะในขณะเดียวกับที่พวกมู่เฉินส่งเสียงเรียก เสียง “โครม” พลันดังมาจากนอกประตู จากนั้นก็มีเสียงเหมือนบางอย่างหล่นลงบนพื้นไกลๆ
หลังจากทำเรื่องทั้งหมดเสร็จ หลิงม่อจึงค่อยหันกลับมาเงียบๆ ดวงตามีประกายเย็นชาพาดผ่าน ขณะเดียวกันก็พูดอย่างใจเย็นว่า “ทุกคนไม่ต้องตกใจ ฉันก็แค่คืนซากศพกลับไปให้พวกมันเท่านั้นเอง”
“ที่แท้ก็อย่างนี้เอง…ตกใจหมด”
“หัวหน้าทำดีมาก!”
“แม่เอ็ง! ให้มันรู้ว่าใครเป็นใครซะบ้าง! พวกมันคงคิดว่าเราอยู่ในนี้แล้วจะทำอะไรพวกมันไม่ได้!”
ขณะฟังทุกคนพูดระบายความแค้น หลิงม่อกลับมองหาจุดเหมาะแล้วยืนพิง ดวงตาของเขา เหมือนจ้องทะลุออกไปข้างนอกตรงๆ…
ขณะเดียวกัน ณ ประตูใหญ่โรงงาน
ชายผมขาวยืนอยู่ตรงนี้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ สายตาจับจ้องไปยังประตูเหล็กที่ปิดสนิทบานนั้น
แมงมุมที่อยู่นอกประตูบานนั้นถูกโจมตีจนกระเด็นกระดอน และถูกตบร่วงลงบนพื้นอย่างแรง…ซึ่งทั้งหมดนี้ อีกฝ่ายกลับสามารถทำได้ทั้งที่มีประตูบานนั้นกั้นขวางอยู่
พวกเฮ่อเจิ้นยืนอยู่ข้างหลังชายผมขาว เวลานี้พวกเขากลับหน้าซีดเผือด…หนึ่งในกลุ่มกลับจ้องหยดเลือดบนใบหน้าชายผมขาวพลันรู้สึกมือเท้าเย็นเฉียบ เปิดปากอย่างหวาดกลัว “คือ…พวกมัน…”
ชายผมขาวไม่หันกลับมามองเขาด้วยซ้ำ เพียงแต่ค่อยๆ ละสายตาออกจากประตูเหล็ก จากนั้นก็ก้มมองใต้เท้า…
“อุแหวะ!”
ด้านหลังมีบางคนทนไม่ไหว พลันอ้วกลมออกมาทันที
ไม่มีใครคิด ว่าอยู่ๆ ศพสองศพที่ถูกแทะจนแทบจะเหลือแค่ก้อนเนื้อเละๆ ไม่กี่ก้อนนั้นจะลอยขึ้น และหมุนขว้างกลางอากาศหนึ่งรอบ แถมยังฉวยโอกาสตอนที่พวกเขาไม่ทันตั้งตัว พุ่งเข้ามาตรงหน้าพวกเขาอย่างแม่นยำ! ปรากฏว่าทั้งที่พวกเขาตั้งใจจะขยับหนี กลับกลายเป็นว่าขยับเข้าไปรับศพแทน…
เดิมทีเพื่อท้าทายอีกฝ่าย พวกเขายังจงใจควบคุมให้แมงมุมพวกนั้นกินศพช้าลงกว่าปกติ กลับกลายเป็นว่าพวกเขาหาเหาใส่หัวซะเอง…ตอนนี้ศพไม่เหลือเค้าโครงของมนุษย์แล้ว แต่ในก้อนเนื้อเละๆ พวกนั้นยังมีแมงมุมไต่ยั้ยเยี้ยเต็มไปหมด…
“อ้วกก!”
มีคนวิ่งออกไปอ้วกด้านข้าง…อยู่ๆ เห็นคนรู้จักกลายสภาพไปเป็นอย่างนี้ต่อหน้าต่อตา ถือเป็นการโจมตีทางจิตใจที่ไม่ธรรมดา…
ชายผมขาวกลับเหมือนไม่ได้ยินเสียงเหล่านี้ เขาเพียงยกมือปาดหยดเลือดบนหน้าออก จากนั้นก็จ้องมองอาคารโรงงานหลังนั้น เผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา “เด็ดขาดโหดเหี้ยมตามคาด…ไม่มีความลังเลซักนิด…”
บลัดมาเธอร์กลับไม่ได้อยู่ที่ รอบข้างของคนกลุ่มนี้ มีแต่แมงมุมตัวเล็กไต่ยั้วเยี้ยเต็มไปหมด…
หลังจากมีบทเรียนจากการที่หลี่เฉิงกวงกับพี่หลี่ถูกลอบโจมตี พวกเขาก็ไม่คิดว่าอำเภอแห่งนี้ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงเตรียมรับมือกับการลอบโจมตีในทันใด ทว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขาผิดคาดก็คือ ผู้ลอบโจมตีราวกับหายเข้ากลีบเมฆไปเลย อย่าว่าแต่โจมตีพวกเขาเลย แม้แต่รอบๆ ก็ไร้ซึ่งร่องรอยของพวกนั้น…
เมื่อเป็นอย่างนี้ ความคิดที่พวกเขาจะลากตัวผู้ลอบโจมตีออกมา จึงล้มเหลว
“ไม่เป็นไร ขอแค่ฆ่าพวกมันให้หมด ผู้ลอบโจมตีนั่นก็มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว…” เจิ้นเฮ่อเลื่อนสายตาไปอีกด้าน แล้วพูดขึ้นด้วยสีหน้าซีดขาว เขารู้สึกว่าตัวเองต้องพูดอะไรบางอย่าง เพราะบรรยากาศในตอนนี้ กดดันเกินไปแล้ว…
ท้าทายไม่สำเร็จ ซ้ำยังถูกอีกฝ่ายฉีกหน้าอย่างแรง แม้แต่ชายผมขาวที่เป็นผู้นำยังถูกเลือดกระเด็นใส่หน้า…
อยู่ๆ ชายผมขาวก็พูดอย่างแช่มช้าขึ้นว่า “ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมออกมา ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็คิดหาทางแล้วกัน…”
“หา?” ชายคนหนึ่งพลันหยุดอ้วก…เขาเงยหน้าขึ้นอย่างหวาดกลัว พูดอย่างลนลานขลาดกลัว “ฉะ…ฉันไม่ไหว…”
“เมื่อกี้ตอนหนี แกวิ่งเร็วที่สุดไม่ใช่หรอ?” ชายผมขาวหรี่ตา พลันพูดขึ้น
———————————–