เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1189 ระดับการบ่มเพาะที่พุ่งสูงขึ้น

แปลโดย iPAT

หัวใจของฟางหยวนแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก เขาตระหนักว่าตนเองทำมากเกินไปแล้ว

แต่นี่เป็นเพียงความผิดพลาดเล็กๆ มันไม่ใช่ปัญหา

“ไปต่อกันเถอะ พวกเราจะสร้างข้อตกลงพันธมิตร ไม่จำเป็นต้องพูดมาก” ปู้อู๋หมิงกล่าว รอยยิ้มของเขาดูอบอุ่นยิ่งกว่าก่อนหน้า

ความสามารถที่ฟางหยวนแสดงออกมาทำให้ปู้อู๋หมิงต้องประเมินเขาสูงขึ้นอีกหลายระดับ

ทั้งสามเดินทางต่อไปด้วยความยากลำบาก

หลังจากสิบห้านาทีพวกเขาก็พบหินก้อนหนึ่ง

“คนใหม่งั้นหรือ?” เสียงดังขึ้นมาจากหินก้อนนี้ก่อนที่มันจะกลายเป็นผู้อมตะร่างผอมเตี้ยผู้หนึ่ง

เขาไว้เคราแพะยาวลงไปถึงหัวเข่า ดวงตาที่เรียวเล็กของเขาส่องประกายระยิบระยับ

“นี่คือหนึ่งในสามปีศาจคลั่ง บัณฑิตลึกลับ เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปัญญา” ชูตู๋แนะนำในช่วงเวลาที่เหมาะสม

ฟางหยวนอ้าปากค้างอยู่ภายใน ‘เขาคือบัณฑิตลึกลับจริงๆ!’

ฟางหยวนกล่าวทักทายโดยปกปิดความรู้สึกของตนเองเอาไว้ “คารวะผู้อาวุโส ข้าคือหลิวกวนซื่อ ข้าบ่มเพาะอยู่บนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง”

หนึ่งวันต่อมา

“น้องหลิว น้องชู เหตุใดต้องรีบจากไป พวกเจ้าควรจะอยู่ต่ออีกสักสองสามวัน” ที่ปากถ้ำปีศาจคลั่ง ปู้อู๋หมิงพยายามเชิญให้แขกทั้งสองอยู่ต่อ

“ไม่” ชูตู๋ปฏิเสธด้วยรอยยิ้มขมขื่น “เจ้ารู้สถานการณ์ของภาคเหนือ ข้าพึ่งสร้างนิกายชูและเป็นพันธมิตรกับเผ่าไป่ซู ตอนนี้ฝ่ายธรรมะกำลังมุ่งเป้ามาที่นิกายของพวกเรา”

ปู้อู๋หมิงถอนหายใจ “สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของโลกภายนอก ชื่อเสียงมีสิ่งใดสำคัญ เทพอมตะตะวันเดือดตายไปแล้ว ดวงวิญญาณของเขายังต้องเข้าสู่ประตูแห่งชีวิตและความตาย มีเพียงชีวิตนิรันดร์ที่เป็นเป้าหมายที่คู่ควรกับพวกเราผู้อมตะ”

ชูตู๋กล่าวด้วยใบหน้าจริงจัง “ข้าจะทำให้เส้นทางความแข็งแกร่งเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง นี่เป็นสัญญาที่ข้าทำไว้กับบางคน หากข้าไม่บรรลุเป้าหมายนี้ ข้าจะไม่สามารถมีชีวิตอย่างสงบสุข!”

ฟางหยวนต้องมองไปที่ชูตู๋อย่างช่วยไม่ได้

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินชูตู๋กล่าวถึงปณิธานของตนเอง

ความตั้งใจของชูตู๋ดูเหมือนจะไม่ใช่ของปลอม

‘ดูเหมือนจะมีเรื่องราวซ่อนอยู่เบื้องหลังชูตู๋’ ฟางหยวนคิด

“น้องหลิว เจ้ามีศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ เหตุใดเจ้าไม่อยู่ที่นี่ต่อ?” ปู้อู๋หมิงหันมาถามฟางหยวน

ฟางหยวนยิ้ม “ข้ามาที่นี่ครั้งนี้เพื่อทำข้อตกลงปีศาจคลั่ง หลังจากนี้ข้ายังมีเรื่องอื่นที่ต้องจัดการ”

จากการแสดงความสามารถก่อนหน้า ปู้อู๋หมิงประเมินฟางหยวนไว้สูงมาก

‘ข้ายังไม่เห็นสองชั้นที่ลึกที่สุด ข้าไม่สามารถประเมินพวกมัน แต่ชั้นที่เจ็ดไม่ใช่ปัญหา วิญญาณต้นกำเนิดอยู่ชั้นในสุดแต่มีสามปีศาจคลั่งดูแลอยู่ ข้าไม่สามารถเคลื่อนไหวเพียงลำพัง’ ฟางหยวนคิดถึงเรื่องนี้และรู้สึกเสียดายเล็กน้อย

วันหนึ่งเขาจะกลับมายังถ้ำปีศาจคลั่งและใช้ความได้เปรียบของเขาตรวจสอบมัน

แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา

สิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลานี้คือยกระดับการบ่มเพาะอย่างรวดเร็วที่สุด

สำหรับวิญญาณต้นกำเนิด กระทั่งฟางหยวนจะได้รับมัน แล้วเขาจะสามารถใช้มันงั้นหรือ? มันเป็นวิญญาณอมตะระดับเก้า ฟางหยวนคิดถึงวิญญาณสติปัญญาที่เขาไม่สามารถใช้งานและยังเป็นภาระอีกด้วย

“นอกเหนือจากชีวิตนิรันดร์ ทุกสิ่งเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว น้องหลิว เจ้าต้องการเวลาอีกนานเท่าใด?” ปู้อู๋หมิงถาม เขาไม่ต้องการให้คนที่มีประโยชน์เช่นฟางหยวนจากไป

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขามองไปที่ชูตู๋ “แท้จริงแล้วข้าเป็นสมาชิกนิกายชู ตอนนี้ตระกูลฮวงจินกำลังบุกโจมตีนิกายชู ข้าต้องช่วยพวกเขา”

ชูตู๋รู้ว่าฟางหยวนกำลังใช้เขาเป็นข้ออ้าง แต่เมื่อได้ยินเช่นนี้เขาก็ยังรู้สึกอบอุ่นอยู่ภายใน

“เห้อ…พวกเจ้า…ไม่เป็นไร…” ปู้อู๋หมิงไม่สามารถโต้เถียง

ฟางหยวนและชูตู๋กล่าวลาก่อนจะบินขึ้นสู่ท้องฟ้า

ระหว่างทางกลับ ฟางหยวนถามชูตู๋เกี่ยวกับสถานการณ์ในภาคเหนือรวมถึงปัญหาที่นิกายชูกำลังเผชิญอยู่

หลังจากสร้างข้อตกลงปีศาจคลั่ง ความสัมพันธ์ระหว่างฟางหยวนกับชูตู๋ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้น

ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่นและไม่ได้ปกปิดมันจากเขา “ตอนนี้ข้ารู้สึกกดดันมากเช่นกัน แม้นิกายชูจะเป็นพันธมิตรกับเผ่าไป่ซู แต่ศัตรูของพวกเราแข็งแกร่งกว่ามาก”

“พวกเขาจะมาเมื่อใด?”

ชูตู๋หัวเราะเบาๆ “แม้พวกเขาจะแพร่กระจายข่าวและถ้อยคำที่รุนแรงออกไป แต่พวกเขายังห่างไกลจากการเริ่มต้น กองกำลังตระกูลฮวงจินมีความขัดแย้งภายในที่ไม่สามารถแก้ไข พวกเขาต้องพิจารณาหลายสิ่งหลายอย่าง มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเขาจะตัดสินใจทำบางสิ่ง พวกเขาไม่เหมือนสมาชิกบนเส้นทางสายปีศาจ”

ฟางหยวนพยักหน้า

คำกล่าวของชูตู๋ทำให้เขาได้รับข้อมูลเชิงลึกและสามารถวิเคราะห์สถานการณ์ของภาคเหนือได้ชัดเจนมากขึ้น

ชูตู๋มองฟางหยวน “นี่อาจฟังดูไม่สุภาพ แต่น้องหลิว ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของเจ้าถึงระดับปรมาจารย์เอกแล้วใช่หรือไม่?”

“อันใด? ไม่อย่างแน่นอน!” ฟางหยวตอบ

“แม้เจ้าจะไม่ใช่ปรมาจารย์เอก อย่างน้อยก็ต้องเป็นกึ่งปรมาจารย์เอก” ชูตู๋กล่าวด้วยความมั่นใจ

ฟางหยวนหัวเราะแทนคำตอบ “ท่านรู้ได้อย่างไร?”

ชูตู๋หัวเราะเบาๆ “ข้าอนุมานจากการแสดงออกของเจ้าเมื่อเจ้าเดินเข้าไปในถ้ำปีศาจคลั่ง ยิ่งความสำเร็จของเจ้าสูงเท่าใด เจ้าก็จะเดินเข้าไปได้ง่ายเท่านั้น ปู้อู๋หมิงตกใจกับพัฒนาการของข้าเพราะข้าพึ่งยกระดับความสำเร็จบนเส้นทางความแข็งแกร่งเมื่อเร็วๆนี้”

ชูตู๋มองฟางหยวนด้วยสายตาที่มีความหมาย

ฟางหยวนรู้ว่าเขาพยายามถามเกี่ยวกับท่าไม้ตายอมตะมิติภัยพิบัติ

ท้ายที่สุดชูตู๋ก็ต้องการผลประโยชน์บางอย่างจากฟางหยวน

ฟางหยวนเก็บท่าไม้ตายอมตะมิติภัยพิบัติเอาไว้โดยไม่เปิดเผย

ฟางหยวนรู้ว่าชูตู๋ต้องการถามสิ่งใดแต่เขาแสร้งทำเหมือนไม่รู้ “โอ้ ข้าเข้าใจแล้ว”

หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้พูดคุยกันอีก

ความผิดหวังปรากฏอยู่ในดวงตาของชูตู๋

เขารู้ว่ามันเป็นวิธีปฏิเสธของฟางหยวน

คำว่า โอ้ ข้าเข้าใจแล้ว หมายความว่าฟางหยวนไม่ต้องการขายท่าไม้ตายอมตะมิติภัยพิบัติให้กับชูตู๋

‘ข้าจะลืมมันไปก่อน’ ชูตู๋รู้สึกเสียดายแต่เขาไม่สามารถทำสิ่งใด ในสถานการณ์นี้เขาต้องการความร่วมมือจากฟางหยวน เขาไม่สามารถทำลายความสัมพันธ์นี้

ฟางหยวนไม่ได้ไปที่ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานกับชูตู๋

หลังจากแยกทางกับชูตู๋ ฟางหยวนบินไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ไม่กี่วันต่อมาเขาบินลงไปบนเนินเขาที่ดูธรรมดาแห่งหนึ่ง

‘ตามความทรงจำของเซี่ยซ่งซื่อ มันคือที่นี่’ ฟางหยวนมองไปรอบๆและยืนยันสถานที่

เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะและค้นพบแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ซ่อนอยู่

‘พบแล้ว!’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขาเรียกอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดออกมาทันที

อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดนำเขาทะลวงห้วงมิติเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าว

เจ้าของแดนศักดิ์สิทธิ์นี้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปฐพี ดังนั้นแดนศักดิ์สิทธิ์ของเขาจึงเต็มไปด้วยโคลนสีดำที่เน่าเปื่อย

อสูรโคลนตัวเล็กตัวน้อยกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น

บางครั้งอสูรโคลนเดียวดายก็จะกระโดดขึ้นจากบ่อโคลนและสร้างคลื่นน้ำสีดำขนาดใหญ่ขึ้น

มนุษย์โคลนตัวน้อยที่มีหญ้าสีเขียวอยู่บนศีรษะลอยเข้ามาหาฟางหยวน

“บา บา บา…” มันพูด

ฟางหยวนเข้าใจความหมายของมัน

เขามองไปที่บ่อโคลนด้านล่าง “เพื่อเป็นเจ้าของคนใหม่ ข้าต้องกำจัดอสูรโคลนเดียวดายห้าตัวในครั้งเดียวงั้นหรือ? ง่ายเกินไปหรือไม่?”

เงื่อนไขนี้เป็นเรื่องยากสำหรับผู้อมตะระดับหก

แต่สำหรับฟางหยวน มันง่ายมาก!

หลังจากกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ทะเลทรายตะวันตกน้อยของเขาก็ปรากฏหนองน้ำขนาดใหญ่ขึ้น

ภายในหนึ่งเดือน ฟางหยวนเดินทางไปทั่วเพื่อค้นหาและกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์

อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดแสดงคุณค่าของมันออกมาในครั้งนี้

สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ ฟางหยวนได้รับมาจากการค้นวิญญาณของเชลยศึกอมตะ

ตงฟางชางฟาน ไห่เจิ้ง เซี่ยซ่งซื่อ และผู้อมตะจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกคุมขังอยู่ในมิติช่องว่างของเขา แน่นอนว่าไห่เจิ้งยังมีชีวิตอยู่

ด้วยวิธีนี้ระดับการบ่มเพาะของฟางหยวนจึงพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติไปได้หลายครั้ง ทรัพยากรในมิติช่องว่างจักรพรรดิเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เมื่อเขากลับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เขาก็ก้าวข้ามภัยพิบัติสวรรค์ไปแล้วสองครั้ง เขากลายเป็นผู้อมตะระดับหกที่ต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติพิภพอีกสามครั้งและภัยพิบัติสวรรค์อีกเพียงครั้งเดียวก่อนจะบรรลุระดับเจ็ด!