เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1190 งานประลองทุ่งโลหิต

แปลโดย iPAT

ภาคเหนือ ถ้ำสวรรค์ฟงเซี่ยน

ผู้อมตะระดับแปดองค์ชายฟงเซี่ยนนั่งปิดเปลือกตาอยู่อย่างเงียบๆ

เปลวไฟลุกโชนขึ้นรอบตัวเขาราวกับอาภรณ์ที่สะบัดตัวขึ้นสู่อากาศ

เป็นเพียงเวลานี้ที่องค์ชายฟงเซี่ยนอ้าปากและพ่นไข่มุกเม็ดเล็กๆออกมา

ไข่มุกเพลิงขยายใหญ่ขึ้นเท่าศีรษะของทารก

มันบินไปรอบตัวองค์ชายฟงเซี่ยนก่อนที่องค์ชายฟงเซี่ยนจะพ่นไข่มุกเพลิงออกมาอีกครั้ง

เมื่อเวลาผ่านไป มีไข่มุกเพลิงแปดลูกบินอยู่รอบๆ

องค์ชายฟงเซี่ยนเปิดเปลือกตาขึ้นในที่สุด

ดวงตาของเขาส่องประกายขึ้นขณะที่ไข่มุกเพลิงระเบิดตัวเองและกลายเป็นเปลวไฟแตกกระจายออกไป

“ข้าล้มเหลวอีกครั้ง ข้าไม่สามารถอนุมานร่องรอยของฟางหยวน” ดวงตาขององค์ชายฟงเซี่ยนมองไปยังเปลวเพลิงที่เลือนหายไป

องค์ชายฟงเซี่ยนล้มเหลวมาหลายครั้งแล้ว เขาไม่ได้เรียนรู้สิ่งใดเลย

“ข้าไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา การเลียนแบบวิธีการบนเส้นทางแห่งปัญญาของข้าไม่สามารถอนุมานตำแหน่งที่อยู่ของฟางหยวน” องค์ชายฟงเซี่ยนถอนหายใจ

เขาได้รับมอบหมายให้จับกุมตัวฟางหยวน แต่ปัญหาคือฟางหยวนซ่อนตัวเองได้ดีเกินไป ตราบเท่าที่ฟางหยวนอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ำสวรรค์ กระทั่งเทพธิดาจื่อเว่ยก็ยังไม่สามารถอนุมานสิ่งใด

องค์ชายฟงเซี่ยนบ่มเพาะอยู่บนเส้นทางแห่งไฟ แน่นอนว่าเขาย่อมไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้เป็นธรรมดา

ฟางหยวนออกมาข้างนอกเป็นครั้งคราวแต่เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยและวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดปกปิดร่องรอยของตนเองทุกครั้ง

“นายท่าน เผ่ากงมาที่นี่ พวกเขาขอพบท่าน” เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้อมตะหญิงชุดเหลืองเดินเข้ามารายงาน

นางเป็นหนึ่งในสองผู้อมตะหญิงคนสนิทขององค์ชายฟงเซี่ยนชื่อเล่อเหยา

“เผ่ากงมาที่นี่งั้นหรือ? ฮืม!” องค์ชายฟงเซี่ยนขมวดคิ้ว “ข้าไม่อยากพบพวกเขา”

“แต่ผู้อมตะเผ่ากงนำป้ายคำสั่งของถ้ำสวรรค์นิรันดรมาด้วย” เล่อเหยาลังเล

องค์ชายฟงเซี่ยนเผยรอยยิ้มบาง “ป้ายคำสั่งของถ้ำสวรรค์นิรันดรสามารถควบคุมสมาชิกตระกูลฮวงจิน แต่ข้าไม่ใช่”

เล่อเหยากังวล “แต่นายท่านลืมไปหรือไม่ตอนนี้พวกเราเป็นสายลับอยู่ในภาคเหนือ ท่านยังเป็นบุตรเขยของเผ่ากง ท่านเป็นผู้อาวุโสสูงสุดนอกของเผ่า หากท่านต่อต้านคำสั่งของถ้ำสวรรค์นิรันดรอย่างเปิดเผย มันจะเกิดปัญหาหรือไม่?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า” องค์ชายฟงเซี่ยนหัวเราะเสียงดัง “เล่อเหยา เจ้ากล่าวถูกเพียงครึ่งเดียว เราไม่สามารถดูแคลนถ้ำสวรรค์นิรันดร มันเป็นถ้ำสวรรค์ระดับเก้าของเทพอมตะตะวันเดือด มันเหมือนกับวังสวรรค์ของภาคกลาง แต่ครั้งนี้ถ้ำสวรรค์นิรันดรสั่งให้ตระกูลฮวงจินทั้งหมดโจมตีเผ่าไป่ซู นี่คือการต่อสู้ระหว่างตระกูลฮวงจินกับกองกำลังภายนอก การล่มสลายของวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงสร้างเผ่าไป่ซูและนิกายชูขึ้นมา เพื่อหยุดความตกต่ำของถ้ำสวรค์นิรันดร พวกเขาจะไม่ขอความช่วยเหลือจากข้า แต่เหยากวงคือตัวเลือกเดียวของพวกเขา!”

องค์ชายฟงเซี่ยนเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน แต่เล่อเหยายังไม่เข้าใจ “แล้วเหตุใดเผ่ากงถึงนำป้ายคำสั่งของถ้ำสวรรค์นิรันดรมาที่นี่?”

ดวงตาขององค์ชายฟงเซี่ยกลายเป็นเย็นชา “คนเผ่ากงพยายามใช้ชื่อเสียงของถ้ำสวรรค์นิรันดรเพื่อใช้งานข้า เจ้าก็รู้ว่าเผ่ากงมีความทะเยอทะยานที่จะเป็นกองกำลังอันดับหนึ่งของฝ่ายธรรมะ”

“เช่นนั้นพวกเราจะไม่พบพวกเขา!” เล่อเหยาเผยรอยยิ้มงดงาม

ทุกสิ่งเป็นไปตามการวิเคราะห์ขององค์ชายฟงเซี่ยน หลายวันต่อมาป้ายคำสั่งของถ้ำสวรรค์นิรันดรก็ถูกส่งไปยังกองกำลังตระกูลฮวงจินทั้งหมด

เหยากวงรับป้ายคำสั่งจากถ้ำสวรรค์นิรันดรและถอนหายใจ

“ถ้ำสวรรค์นิรันดรยังคงเลือกข้า” เหยากวงพึมพำราวกับเขารู้อยู่ตลอดเวลา

แท้จริงแล้วสถานการณ์ชัดเจนมาก

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเป็นผู้อมตะระดับแปด หากกองกำลังตระกูลฮวงจินต้องการกำจัดเผ่าไป่ซู พวกเขาต้องมีผู้อมตะระดับแปดเช่นกัน

นอกจากจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู ปีศาจอมตะเซี่ยหู และปรมาจารย์ห้าธาตุ ผู้อมตะระดับแปดของภาคเหนือก็เหลือเพียงองค์ชายฟงเซี่ยนและเหยากวงเท่านั้น

ตัวตนขององค์ชายฟงเซี่ยนมีปัญหา

เขาไม่มีสายเลือดตระกูลฮวงจิน เขาเป็นเพียงบุตรเขยของเผ่ากง!

หากถ้ำสวรรค์นิรันดรต้องพึ่งพาองค์ชายฟงเซี่ยน นั่นจะไม่ใช่การพิสูจน์คำกล่าวของปรมาจารย์ห้าธาตุงั้นหรือ? สายเลือดตระกูลฮวงจินที่ยิ่งใหญ่ไม่สามารถพึ่งพาตนเองเพื่อเอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่ง

ดังนั้นถ้ำสวรรค์นิรันดรจึงเหลือตัวเลือกเดียว นั่นคือเหยากวง!

ในความเป็นจริงเหยากวงไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้

ตอนนี้เขายุ่งมากกับการหลอมรวมวิญญาณอมตะฟื้นคืนจากความตายระดับแปด

เมื่อถูกขัดจังหวะ เหยากวงจึงอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ดีนัก

เหยากวงโยนป้ายคำสั่งของถ้ำสวรรค์นิรันดรลงบนพื้นอย่างไม่แยแส

“ข้าควรไปคุยกับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูก่อน” เหยากวงถอนหายใจและบินเข้าสู่สวรรค์สีขาว

ครู่ต่อมาจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูก็ได้รับคำเชิญจากเหยากวง เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจไปพบและพูดคุยกับเหยากวง

ผู้อมตะระดับแปดทั้งสองพูดคุยกันอย่างลับๆอยู่ในสวรรค์สีขาว

แท้จริงแล้วพวกเขาเป็นสหายกัน

หลังจากต่อสู้กับปีศาจอมตะเซี่ยหู ทั้งสองยิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้น

ดังนั้นพวกเขาจึงพบกันโดยปราศจากความโกรธหรือเกลียดชัง

“สหาย เป็นอย่างไรบ้าง?” เหยากวงถามด้วยรอยยิ้ม

“เห้อ…ข้าจะบอกความจริงกับเจ้า ข้าไม่เคยคิดว่ามันจะกลายเป็นเช่นนี้” จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูถอนหายใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

เดิมทีเขาเพียงต้องการยึดครองถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน

แต่ชูตู๋แข็งแกร่งกว่าความคาดหมายของเขา นั่นทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ

ชูตู๋และผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูรวมถึงภัยคุกคามจากเขา

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูรู้เรื่องนี้แต่เขาก็ไม่สามารถทำสิ่งใด

เหยากวงเข้าใจความรู้สึกของฝ่ายตรงข้าม เขายิ้ม “สหาย ตอนนี้เจ้าเข้าใจหรือยังว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเป็นผู้นำกองกำลังฝ่ายธรรมะ กระทั่งผู้อมตะระดับแปดเช่นพวกเราก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ”

“ข้าเคยอิจฉาสถานะผู้บ่มเพาะสันโดษของเจ้า ข้ายังเคยแนะนำให้เจ้าอย่าเข้าสู่ฝ่ายธรรมะ ตอนนี้เจ้าเข้าใจหรือยัง?”

“ข้าเข้าใจ แต่ข้าทำงานหนักมานานแล้ว มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย กระทั่งตอนนี้ข้าก็ยังไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้” จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกล่าวอย่างเปิดเผย

เหยากวงเงียบก่อนจะกล่าวต่อ “ข้าไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ป้ายคำสั่งของถ้ำสวรรค์นิรันดรมาถึงมือข้าแล้ว”

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูถอนหายใจ เขาทั้งดีใจและเศร้าใจในเวลาเดียวกัน

พวกเขาเป็นสหายที่ดี แต่สิ่งที่น่าเศร้าก็คือพวกเขาต้องต่อสู้กัน กระทั่งพวกเขาจะเป็นผู้อมตะระดับแปด แต่พวกเขาก็ไม่สามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเอง

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูถอนหายใจยาว “เช่นนั้นเราก็มาสู้กัน”

เหยากวงโบกมือ “นั่นจะเป็นสิ่งสุดท้าย แม้ข้าจะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ แต่เผ่าเหยาไม่ใช่กองกำลังเดียวของตระกูลฮวงจิน ในความคิดเห็นของข้าเราควรปล่อยให้เด็กๆต่อสู้กันก่อน”

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูคิดและพยักหน้า “เช่นนั้นเรามากำหนดวันประลองกันเถอะ”

“ได้” เหยากวงคิดก่อนกล่าว “เราควรใช้ทุ่งโลหิตเป็นสถานที่ประลอง”

“ที่นั่นเหมาะสมแล้ว” จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเห็นด้วย

ทั้งสองตัดสินใจจัดงานประลองการต่อสู้ที่ทุ่งโลหิต หลังจากพูดคุยกันสักพัก พวกเขาก็ออกจากสวรรค์สีขาวและกลับเผ่าของตน

งานประลองทุ่งโลหิตสร้างความปั่นป่วนขึ้นในโลกของผู้อมตะภาคเหนือทันที

ผู้อมตะตระกูลฮวงจินเต็มไปด้วยความมั่นใจ

ในแง่ของรากฐาน นิกายชูกับเผ่าไป่ซูไม่สามารถแข่งขันกับกองกำลังพันธมิตรตระกูลฮวงจิน

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูมาจากผู้บ่มเพาะสันโดษขณะที่ชูตู๋เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงบนเส้นทางสายปีศาจ

ยังมีเวลาอีกเล็กน้อยก่อนที่การประลองจะเกิดขึ้น ข่าวนี้แพร่กระจายไปถึงภาคกลางและภาคอื่นๆเช่นกัน

ทั้งสองฝ่ายกำลังรวบรวมความแข็งแกร่ง กองกำลังตระกูลฮวงจินคัดสรรตัวแทนอย่างระมัดระวังโดยเลือกเฉพาะชนชั้นสูงของตระกูล ขณะที่เผ่าไป่ซูและนิกายชูเริ่มสรรหาผู้เชี่ยวชาญและเตรียมการอย่างเต็มความสามารถ