เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1191 อ้อนวอน

แปลโดย iPAT

ภาคกลาง ถ้ำนรกใต้พิภพ

สุราและอาหารเลิศรสตั้งอยู่กลางสวนสวย

“พี่ซื่อ ข้าได้ยินว่าท่านชอบสุราเลิศรส ข้าเตรียมสุราเหล่านี้ไว้ให้ท่านโดยเฉพาะ” ผู้อมตะหยางฟงกล่าวกับแขกคนสำคัญของเขา

แขกผู้นี้มีดวงตาสีทอง ผมสั้นสีขาว เขาอยู่ในชุดต่อสู้รัดรูปกับเข็ดขัดสีฟ้าและเกราะเข่า

หยางฟงเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญจากนิกายจิตวิญญาณบรรพกาล แต่เปรียบเทียบกับแขกของเขา ชื่อเสียงของหยางฟงยังด้อยกว่า

เนื่องจากแขกผู้นี้ก็คือซื่อเล่ย เขาบ่มเพาะอยู่บนเส้นทางแห่งปฐพีเป็นหลักและเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงเป็นเส้นทางสายรอง เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนจุดสูงสุดและเป็นที่รู้จักกันในนามของราชาวานรอมตะ!

“เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว” ซื่อเล่ยหัวเราะเและยกถังสุราขึ้นดื่ม

กระทั่งกลิ่นของสุรายังให้ความรู้สึกราวกับเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ ไอสุราสีแดงราวกับเปลวไฟที่สว่างไสว

ซื่อเล่ยยกย่อง “สุราที่ดี! นี่คือสุราจักรพรรดิเพลิงในตำนาน น้องฟง เจ้าเตรียมตัวมาดีจริงๆ”

ผู้อมตะหยางฟงหัวเราะ “ข้าจะไม่ซ่อนมันจากพี่ซื่อ ข้าต้องจ่ายด้วยราคามหาศาลเพื่อนำมันออกมาจากคลังสมบัติของนิกายจิตวิญญาณบรรพกาล นี่ต้องขอบคุณบรรพชนของเรา เมื่อสามแสนปีก่อนผู้อมตะจากนิกายจิตวิญญาณบรรพกาลเป็นสหายกับผู้อมตะของทะเลตะวันออก จักรพรรดิสุรา ระหว่างการแข่งขันบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม สุราจักรพรรดิเพลิงถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิสุรา เขาสูญเสียมันให้กับบรรพชนของเราหลังจากพ่ายแพ้ในการแข่งขัน”

นิกายจิตวิญญาณบรรพกาลเป็นนิกายที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานที่สุดท่ามกลางสิบนิกายโบราณของภาคกลาง

“โอ้” ซื่อเล่ยรู้สึกประทับใจ “จักรพรรดิสุรา ข้ารู้จักคนผู้นี้ เขาเป็นผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งอาหารที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ ความพยายามตลอดชีวิตของเขาคือการสร้างห้าราชันและสามจักรพรรดิสุรา ตำนานกล่าวว่าเมื่อคนผู้หนึ่งรวมแปดสุดยอดสุราเข้าด้วยกัน พวกเขาจะได้รับวิญญาณสุราระดับแปด ด้วยการใช้วิญญาณดวงนี้ คนผู้นั้นจะสามารถเปลี่ยนพลังงานอมตะระดับแปดให้เป็นพลังงานอมตะระดับเก้า หลังจากจักรพรรดิสุราเสียชีวิต เขาทิ้งมรดกไว้เบื้องหลัง ปัจจุบันผู้อมตะซุ้ยเซียนเว่ยของทะเลตะวันออกเป็นผู้สืบทอดคนที่หนึ่งร้อยสามสิบเจ็ดของเขา”

“พี่ซื่อช่างรอบรู้นัก ข้าประทับใจจริงๆ” หยางฟงยกถ้วยสุราขึ้น

ซื่อเล่ยโบกมือ “การดื่มด้วยถ้วยสุราไม่เพียงพอ เรามาดื่มจากถังสุราโดยตรงดีกว่า”

“ได้! พี่ซื่อ ท่านเป็นคนตรงไปตรงมา ข้าก็จะทำเช่นเดียวกัน” หยางฟงตบโต๊ะตอบ

แต่ในจังหวะนี้การแสดงออกของซื่อเล่ยกลับเปลี่ยนแปลงไป เขามองออกไปด้านนอก

วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูลปรากฏขึ้นกลางอากาศและไม่ได้ลงมา

ดวงตาสีทองของซื่อเล่ยส่องประกายขึ้น “นี่คือวิญญาณอมตะจากนิกายของข้า น้องฟง โปรดอนุญาตให้มันเข้ามา”

สวนแห่งนี้ไม่ใช่สวนธรรมดาเพราะมันคือคฤหาสน์วิญญาณอมตะของนิกายจิตวิญญาณบรรพกาล

หยางฟงเปิดทางให้วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูลบินเข้ามาหาซื่อเล่ย

หลังจากตรวจสอบ ซื่อเล่ยเริ่มเปิดประเด็น “ผู้อมตะภาคเหนือล้วนเป็นคนบ้า เผ่าไห่พึ่งถูกทำลายและตอนนี้พวกเขากำลังเข้าสู่การต่อสู้ครั้งใหม่ กองกำลังตระกูลฮวงจินทั้งหมดรวมตัวกันเพื่อจัดการกองกำลังพันธมิตรระหว่างนิกายชูและเผ่าไป่ซูที่พึ่งก่อตั้งขึ้น”

“นิกายชู?” หยางฟงรู้สึกสับสน

“มันเป็นนิกายที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ เจ้ารู้จักชูตู๋ของภาคเหนือหรือไม่?”

“ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงของเขา ชูตู๋เป็นผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งที่ถูกเรียกว่าจักรพรรดิอมตะ”

“ถูกต้อง เขาสร้างนิกายชูขึ้นมา คนผู้นี้ไม่สามารถมองข้าม เขาใช้ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานต่อต้านการรุกรานของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู นอกจากเขาจะแข็งแกร่ง เขายังเลี้ยงดูผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งเอาไว้มากมาย”

หยางฟงขมวดคิ้วกล่าว “เส้นทางความแข็งแกร่งเหมือนดวงอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน มันไม่มีสิ่งใดพิเศษ แต่พวกเขากลับสามารถสร้างนิกายชูขึ้นที่ภาคเหนือ ชูตู๋ผู้นี้ช่างกล้าหาญนัก!”

“เป็นเช่นนั้น” ซื่อเล่ยกล่าว “นี่เป็นการแสดงที่น่าดูชม ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะจัดงานประลองการต่อสู้ ฮ่าฮ่าฮ่า ภาคเหนือเป็นสถานที่ที่น่าตื่นเต้นจริงๆ พวกเขาต่อสู้กันตลอดเวลา เหตุใดข้าไม่เกิดที่ภาคเหนือ!?”

“โอ้” ซื่อเล่ยตบศีรษะของตัวเองและกล่าวต่อ “ข้าเกือบลืมไปแล้ว วังสวรรค์สั่งให้พวกเราโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวเดี๋ยวนี้”

“เพราะเหตุใด? วังสวรรค์แน่ใจแล้วงั้นหรือว่าฟางหยวนจะไม่มาที่นี่?” หยางฟงถามด้วยความประหลาดใจ

ตั้งแต่อิงอู๋เซี่ยหลบหนีไป เทพธิดาจื่อเว่ยของวังสวรรค์ก็ไม่เคยยอมแพ้ที่จะค้นหาร่องรอยของฟางหยวน

แม้นางจะไม่สามารถอนุมานสิ่งใดเช่นเดียวกับองค์ชายฟงเซี่ยน แต่นางยังสามารถสรุปเกี่ยวกับแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว

แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวอยู่ในถ้ำนรกใต้พิภพในอาณาเขตของนิกายจิตวิญญาณบรรพกาล

เทพธิดาจื่อเว่ยขอให้ราชาวานรอมตะซื่อเล่ยทำงานนี้

ซื่อเล่ยเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายเทพยุทธ์อมตะขณะที่นิกายจิตวิญญาณบรรพกาลส่งหยางฟงมาร่วมมือกับซื่อเล่ย

ซื่อเล่ยทำตามคำสั่งของเทพธิดาจื่อเว่ยและกำลังรอให้ฟางหยวนปรากฏตัว

แต่หลังจากรอคอยมาเป็นเวลานานฟางหยวนก็ยังไม่ปรากฏตัว

ไม่นานมานี้แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ แต่ฟางหยวนตัดสินใจเพิกเฉยต่อมัน

เทพธิดาจื่อเว่ยสังเกตเห็นความมุ่งมั่นของฟางหยวนและอนุมานได้ว่าหากแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวยังอยู่ มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อฟางหยวนในอนาคต

ดังนั้นนางจึงตัดสินใจทำลายแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว

…..

นิกายคฤหาสน์วิญญาณ

ภูเขาหัวใจทะเลสาบ

ที่พักของฟงจินฮวง

“ศิษย์พี่ช่างยอดเยี่ยมนัก ท่านสามารถหลอมรวมได้กระทั่งวิญญาณประเภทนี้!” ฉินซวนถือวิญญาณไว้ในมือและกรีดร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น

ฟงจินฮวงเผยรอยยิ้มบาง “นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่”

นางมีวิญญาณอมตะปีกแห่งความฝัน การเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันทำให้ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของนางบรรลุถึงระดับปรมาจารย์ การหลอมรวมวิญญาณระดับสามไม่ถือเป็นสิ่งใดสำหรับนางในเวลานี้

“ศิษย์พี่!” ทันใดนั้นผู้ใช้วิญญาณหญิงผู้หนึ่งก็วิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าที่อวบอ้วนของนาง

ฉินซวนไม่พอใจกับพฤติกรรมนี้ “ซุนเหยา เจ้าเป็นศิษย์ชั้นสูงของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เหตุใดจึงแสดงพฤติกรรมที่ไม่สำรวมเช่นนี้ เจ้าตื่นตระหนกเรื่องใด?”

ฟงจินฮวงยิ้ม “อย่ากังวล ข้าอยู่ที่นี่ บอกข้ามา”

ซุนเหยาสูดหายใจลึกก่อนกล่าว “มันคือจ้าวเหลียนหยุน นางกำลังมา!”

“กระไรนะ! จ้าวเหลียนหยุน?” การแสดงออกของฉินซวนเปลี่ยนแปลงไป “จ้าวเหลียนหยุนเป็นปีศาจต่างโลก นางได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ เมื่อนางเข้าสู่นิกายคฤหาสน์วิญญาณ นางกลายเป็นคู่แข่งคนสำคัญของศิษย์พี่ จ้าวเหลียนหยุนต้องการชิงตำแหน่งผู้นำรุ่นต่อไปของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ แล้วเหตุใดนางถึงมาหาท่านที่นี่?”

รอยยิ้มของฟงจินฮวงค่อยๆเลือนหายไป “ข้าไม่แน่ใจเช่นกัน ไปเถอะ ไปพบนางและถามให้แน่ชัด”

ทั้งสามออกจากห้องและพบกับหญิงสาวผู้หนึ่ง

เด็กผู้หญิงคนนี้อยู่ในชุดสีขาวสะอาด เส้นผมสีดำของนางยาวสลวย ดวงตาของนางราวกับท้องฟ้ายามค่ำคืน แต่นางกลับแสดงออกด้วยความวิตกกังวล

ความงามที่สามารถเทียบเคียงกับฟงจินฮวงเช่นนี้ไม่ใช่ผู้ใดนอกจากจ้าวเหลียนหยุน

“ศิษย์น้อง ข้าสงสัยว่าเจ้ามีธุระใดกับข้า?” ฟงจินฮวงถาม

จ้าวเหลียนหยุนลังเลอยู่ชั่วขณะก่อนที่ดวงตาของนางจะส่องประกายด้วยความมุ่งมั่น

นางคุกเข่าลงอย่างกะทันหัน

ฉินซวนและซุนเหยาอ้าปากค้างด้วยความคาดไม่ถึง

ฟงจินฮวงค่อนข้างตกใจเช่นกัน “ศิษย์น้องจ้าว เหตุใดเจ้าถึงทำเช่นนี้?”

“ข้าไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ โปรดช่วยท่านพี่หม่าหงหยุนของข้าด้วย!” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวด้วยน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้ม

“หม่าหงหยุน เขาคือผู้ใด? อย่างไรก็ตามเจ้าควรลุกขึ้นก่อน” ฟงจินฮวงรีบเดินเข้าไปช่วยประคองจ้าวเหลียนหยุนให้ยืนขึ้น

นางเป็นคนใจกว้างและแสดงออกเหมือนพี่สาว

แม้นางกับจ้าวเหลียนหยุนจะแข่งขันกันเพื่อชิงตำแหน่งผู้นำนิกาย แต่เมื่อจ้าวเหลียนหยุนมาขอร้องให้นางช่วยเหลือ ฟงจินฮวงก็ไม่ได้ดูแคลนจ้าวเหลียนหยุนและยังห่วงใยอีกฝ่าย

แต่จ้าวเหลียนหยุนไม่ลุก นางสะบัดมือของฟงจินฮวงออกและสะอื้นไห้ “ตอนนี้ผู้เดียวที่ช่วยข้าได้คือศิษย์พี่ฟงจินฮวงเท่านั้น”

…..

ภาคใต้ หมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาล

ฟางหยวนป้องหมัดและกัดฟันแน่น เขากล่าวกับสองคนที่นั่งอยู่ด้านหน้า “ท่านลุง ท่านป้า พวกท่านได้รับมรดกจากท่านพ่อท่านแม่ของข้า ตอนนี้ข้ามีหินวิญญาณเพียงเล็กน้อย แล้วพวกท่านจะไม่ช่วยข้าเลยงั้นหรือ?”

ผู้เป็นป้าเย้ยหยัน “นั่นไม่ถูกต้อง พวกเราไม่ได้รับสิ่งใดจากพ่อแม่ของเจ้า พวกมันอยู่กับน้องชายของเจ้า น้องชายของเจ้ามีพรสวรรค์นภาที่หนึ่ง อนาคตของเขายาวไกลกว่าเจ้า ข้าเชื่อว่าพ่อแม่ของเจ้าจะทำเช่นเดียวกันหากพวกเขายังมีชีวิตอยู่”

“โอ้ ฟางหยวน” ลุงกล่าวอย่างช้าๆ “ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดสิ่งใด เจ้าต้องการใช้หินวิญญาณเพื่อซื้อเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณและหลอมรวมวิญญาณ แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าการหลอมรวมวิญญาณยากลำบากเพียงใด? มันมีความเสี่ยงมากเพียงใด? โอ้ ฟางหยวน เจ้ายังเด็กเกินไป อย่าคิดถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ด้วยพรสวรค์นภาที่สาม หยุดฝันลมๆแล้งๆ”

มันเป็นฤดูหนาว แต่หัวใจของฟางหยวนกลับหนาวเย็นยิ่งกว่า

เขายืนนิ่งอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเปิดปากกล่าวอีกครั้ง “ข้าเข้าใจแล้ว”

เขาหันหลังกลับและเดินออกไป

ป้าประชดประชัน “จะไปเช่นนี้งั้นหรือ? ไม่แม้แต่จะบอกลา ช่างไร้มารยาทจริงๆ”

ลุงยิ้มและกล่าวด้วยน้ำเสียงเสแสร้ง “โอ้ ฟางหยวน อย่าคิดมาก ไปพักและกลับมาทานอาหารเย็น”

ฟางหยวนไม่หยุดเดินและกระทั่งเดินเร็วขึ้น

เขาออกมาถึงถนนที่เต็มไปด้วยผู้คน

ตอนนี้เป็นเวลาหัวค่ำ แม้จะไม่มีหิมะ แต่อากาศยังหนาวเย็น

ฟางหยวนกำหมัดแน่นและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

ดวงดาวมากมายส่องประกายระยิบระยับ

แสงดาวส่องสะท้อนอยู่ในรูม่านตาของฟางหยวน

‘ต้้งแต่ข้าถูกนำมาที่โลกใบนี้ ข้าก็ต้องประสบความสำเร็จบางอย่างในชีวิต พรสวรรค์นภาที่สามแล้วอย่างไร? ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องประสบความสำเร็จ!’

ฟางหยวนไม่รู้ว่ามีบางคนกำลังเฝ้ามองสถานการณ์ทั้งหมดอยู่ด้านหลังอย่างเงียบๆ

ดวงดาวบนท้องฟ้าในคืนนี้สว่างมาก มันส่องสะท้อนร่างที่อยู่ด้านหลังให้ปรากฏตัวอย่างชัดเจน

มันคือฟางหยวนอีกคน

แต่รูปลักษณ์ของฟางหยวนคนนี้เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

ภายใต้การเฝ้ามองของเขา ท้องฟ้ายามค่ำคืนและทุกสิ่งในอาณาจักรแห่งความฝันค่อยๆเลือนหายไป

ในโลกแห่งความเป็นจริง ฟางหยวนเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆและพึมพำ “ผู้ใดจะคิดว่าข้าจะได้สัมผัสกับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตอีกครั้ง”