ภาคที่ 2 บทที่ 151 สัญญาลูกผู้ชาย (2)

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 151 สัญญาลูกผู้ชาย (2)

ซูเฉินพาชีเว่ยเยี่ยนเดินตามเขาไป รีบวิ่งไปยังถ้ำหิน

ซูเฉินค่อย ๆ วางร่างชีเว่ยเยี่ยนลงผนแผ่นหินก่อนเอ่ย “ขออภัยด้วย ศิษย์พี่หญิงชี”

ชีเว่ยเยี่ยนเอ่ย “พวกเราต่างก็เติบโตแล้ว ไม่จำเป็นต้องมากความ ทำสิ่งที่เจ้าต้องทำเสีย”

“เข้าใจแล้ว !” ซูเฉินตกลง เขาแหวกเสื้อชีเว่ยเยี่ยนออกแล้วหยิบมีดขึ้นมา ขณะกำลังจะเริ่มการผ่าตัดก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขาคว้ายาขวดหนึ่งส่งให้ชีเว่ยเยี่ยน “ดื่มยานี่เสีย อาจทำให้ท่านทนความเจ็บปวดได้มากขึ้นบ้าง”

ชีเว่ยเยี่ยนรับขวดยาไปดื่มอย่างเงียบเชียบ

จากนั้นเขาก็ลงมีด

ชีเว่ยเยี่ยนร่างเกร็งขึ้นในพลัน ใบหน้าปรากฏความเจ็บปวด

การผ่าตัดเริ่มต้นขึ้นในที่สุด

ซูเฉินค่อย ๆ กรีดมีดไปบนร่างของชีเว่ยเยี่ยนอย่างระมัดระวังมือ

ในใจเขายุ่งวุ่นวาย หากแต่มือทั้งสองของเขากลับมั่นคง

แม้ในใจจะเป็นห่วงกู่ชิงลั่วถึงเพียงไหน แต่ชายหนุ่มก็รู้ว่าตนเองไม่อาจสะเพร่าได้

หากเขาประมาทเพียงนิด ชีเว่ยเยี่ยนต้องไม่รอดเป็นแน่

ซูเฉินเปิดใช้นัยน์ตามองเห็นพลังต้นกำเนิดของเขาเป็นขั้นสุด ทำให้เห็นบาดแผลภายในของชีเว่ยเยี่ยนทั้งหมด เขามองหาต้นเหตุของอาการบาดเจ็บภายในของนาง จากนั้นพยายามหาทางรักษา

ซูเฉินในตอนนี้คิดเรื่องรักษาชีเว่ยเยี่ยนเพียงอย่างเดียว

ในตอนนี้ตรงหน้ามีเพียงคนไข้ของเขาเท่านั้น !

เรื่องอื่นเป็นเรื่องกวนสมาธิทั้งสิ้น !

ซูเฉินคิดเช่นนี้เป็นการทำใจตนให้มั่นคง

ความสั่นไหวในใจเขาเริ่มบรรเทาลง การเคลื่อนไหวเริ่มมั่นคงเด็ดขาดขึ้น

เขาพยายามทำการผ่าตัดให้เร็วที่สุด ระหว่างนั้นก็เอ่ยคำพูดไม่หยุด “ท่านแข็งใจไว้ ไม่นานก็เสร็จแล้ว ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านโชคดีกว่าเหล่าผีมาก ตอนข้ารักษาเขายังไม่มียาขวดเมื่อครู่ให้เขาเลย”

“เป็นยาอะไร ? ท่านลองเดาดู”

“ท่านไม่ต้องกังวล แม้บาดแผลจะสาหัส แต่ก็รักษาไม่ยาก ใช้เวลาไม่นานนัก เกือบสำเร็จแล้ว…… อย่างน้อยก็ใช้เวลาน้อยกว่าตอนรักษาให้เหล่าผีมาก”

ซูเฉินพูดคุยไม่หยุดด้วยต้องการปลอบโยนชีเว่ยเยี่ยน

สายตาชีเว่ยเยี่ยนพร่ามัวยิ่ง

นางรู้สึกราวกับจะหมดสติไปได้ทุกเมื่อ

แต่ซูเฉินไม่ยอมปล่อยให้นางทำเช่นนั้น

เขากลัวว่าหากนางหมดสติไปจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก

ตอนนี้นับเป็นจังหวะสำคัญของชีเว่ยเยี่ยน เขาต้องพยายามโคจรพลังในร่างชีเว่ยเยี่ยนเพื่อทำให้นางมีโอกาสรอดให้ได้มากที่สุด

มือเขานิ่งขึ้นกว่าเดิมขณะทำการรักษาบาดแผลชีเว่ยเยี่ยน ส่วนปากก็ยังคงพูดออกมาไม่หยุด

ตอนที่รักษาผีเยวี๋ยนหง เป็นเขาที่เป็นฝ่ายพูดคุย ครั้งนี้เป็นคราวซูเฉินบ้าง

คำของเขาเอ่ยออกมาเพื่อทำให้ชีเว่ยเยี่ยนลืมเจ็บ และทำให้เขาลืมกังวล ช่วยให้คนทั้งคู่ดึงใจออกห่างจากสถานการณ์ตึงเครียด ไม่ให้จิตมุ่งคิดแต่ความเจ็บปวดและความกดดันที่ต้องเผชิญ

นัยน์ตาชีเว่ยเยี่ยนเริ่มพร่ามัว ทุกสิ่งทุกอย่างภายในห้องเริ่มลอยเวียนวนไปมาในสายตานาง นางรู้สึกคล้ายกับจะไม่อาจทนได้อีกต่อไป

ซูเฉินป้อนยาอีกขวดให้นาง พยายามทำทุกอย่างให้นางคงสติอยู่ได้

ชีเว่ยเยี่ยนรู้สึกราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง

เสียงของซูเฉินคล้ายกับดังออกมาจากที่ไกลสุดขอบฟ้า

ความเจ็บปวดที่นางต้องฝืนทนมากจนนางเริ่มรู้สึกชาไปทั่วร่าง

สัมผัสทั้งหลายของนางค่อย ๆ จางลง รวมถึงความเจ็บปวดก็จางลงเช่นกัน

พลังชีวิตนางลดลงจนถึงขั้นต่ำสุด สติสัมปชัญญะของนางค่อย ๆ หลุดลอยไป

ถึงตอนนี้นางไม่ใส่ใจผลการผ่าตัดอีกต่อไป นางเห็นเพียงเพดานที่หมุนไปมาอยู่เหนือหัวเท่านั้น

ในตอนที่นางเห็นทุกสิ่งอย่างเคลื่อนวนไปมา ภาพที่ชีเว่ยเยี่ยนเห็นก็เริ่มดำมืดลงทุกที……

“ศิษย์พี่หญิงชี !”

“ศิษย์พี่หญิงชี !”

“ศิษย์พี่หญิงชี ตื่นสิ !”

ดูเหมือนจะมีบางสิ่งบางอย่างร้องเรียกนางจากสถานที่อันไกลโพ้นนัก

สติของชีเว่ยเยี่ยนเริ่มกลับมาทีละน้อย

นางคิดอยากขยับตัว หากแต่ความเจ็บปวดกลับทำให้ทั้งร่างนางไร้เรี่ยวแรง

นางเห็นใบหน้าซูเฉินลอยไปมา สีหน้าเขาทั้งวิตกทั้งกังวล

“ข้า…… ตายแล้วหรือ ?” นางเอ่ยพึมพำเสียงอ่อน

“ไม่ ท่านยังไม่ตาย ! อีกทั้งยังจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานเลย !” ซูเฉินพูดพร้อมกับจับมือนางไว้

เมื่อมองใบหน้าซีดเซียวไร้เรี่ยวแรงของชีเว่ยเยี่ยนแล้ว ใจที่หวาดกลัวไม่อาจสงบลงได้ของเขาก็ค่อย ๆ กลับเป็นปกติ

เขาไม่ได้บอกชีเว่ยเยี่ยนว่านางได้ไปเยือนประตูยมโลกมาแล้วครู่หนึ่ง

ชั่วจังหวะที่นางหลับตาลงนั้น ซูเฉินแทบจะเสียสติไป

เขาร้องเรียกชื่อชีเว่ยเยี่ยนครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไร้ผล

แต่ในตอนที่เขากำลังจะยอมแพ้นั้นเอง ชีเว่ยเยี่ยนก็พลันลืมตาตื่นขึ้นมา

นางไปเยือนแดนมรณะมาครั้งหนึ่ง จากนั้นนางก็กลับมา

พริบตานั้น ชายหนุ่มก็รู้สึกว่าความรู้สึกทั้งหลายต่างท่วมท้นทั่วร่าง น้ำตาเขาไหลอาบสองแก้ม

เขารีบทำการรักษาที่เหลือให้เรียบร้อย จากนั้นป้อนยาขวดที่สามให้นาง ป้อนเสร็จขาเขาก็อ่อนล้มลงก้นกระแทกพื้น ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะทำสิ่งใดต่อ

ทันทีที่เขาผ่อนคลายลงได้ ซูเฉินก็รู้สึกถึงความอ่อนแอที่ประดังเข้ามา เขาถึงกับไม่อาจยืนอยู่ได้ด้วยซ้ำ

ชีเว่ยเยี่ยนนอนอยู่บนเตียง สูดลมหายใจเข้าร่างไปช้า ๆ

จากนั้นนางก็เอ่ยขึ้น “ผ่าตัดเสร็จแล้วหรือ ?”

“อื้ม !” ซูเฉินตอบทั้งที่ยังนั่งอยู่กับพื้น

“เช่นนั้นบอกได้หรือยังว่าให้ข้าดื่มยาอะไรไป ?” แม้ตอนนี้นางจะไม่ค่อยได้สติ แต่ชีเว่ยเยี่ยนก็ยังคงเอ่ยออกมาด้วยท่าทางไม่รีบร้อนและสุขุมยิ่ง

ซูเฉินพลันเผยรอยยิ้มเขินอาย “แม้ข้าจะอยากคิดค้นยาเช่นนั้นขึ้น แต่ก็ยังทำไม่สำเร็จ…… ข้าเพียงป้อนยาเสริมกำลังให้ท่านเท่านั้น ขออภัยด้วยที่ข้าโกหกศิษย์พี่หญิงชี”

ชีเว่ยเยี่ยนหัวเราะ “ข้าว่าแล้ว”

เช่นนั้นก็แปลว่าเขาหลอกนางไม่ได้ด้วยซ้ำ ซูเฉินยิ่งรู้สึกอายมากกว่าเดิม

“แต่ก็ได้ผลดียิ่ง ข้า…… คิดว่าการผ่าตัดครั้งนี้นั้นเจ็บปวดน้อยกว่าที่เหล่าผีผ่านมาแล้วนัก”

ซูเฉินอกหัวเราะออกมาไม่ได้ “ท่านคงไม่ได้รู้ว่าเหล่าผีผ่านความเจ็บปวดแบบไหนไปจริง ๆ กระมัง ?”

“ก็คงคล้ายกัน…… เอาเถอะ ข้าไม่ได้โวยวายอันใดใช่หรือไม่ ?” ชีเว่ยเยี่ยนหัวเราะคิกเสียงแผ่ว

“ไม่เลย !” ซูเฉินพยักหน้า “ศิษย์พี่หญิงชีเป็นสตรีที่สุขุมกว่าสตรีใดในทวีปนี้ ความเจ็บปวดเล็กน้อยเช่นนี้จะมีผลอันใดได้ ?”

ชีเว่ยเยี่ยนได้ยินแล้วก็หัวเราะ

เสียงหัวเราะของนางทั้งสง่างามและเป็นธรรมชาติ

นางเอ่ยขึ้น “ฝีมือศิษย์น้องสามน่าประทับใจไม่น้อย พวกเราจะรอดจากซากโบราณไปได้เท่าไรคงขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว”

ซูเฉินพยักหน้าด้วยความขันแข็ง “ข้าจะทำให้ดีที่สุด”

เมื่อเห็นแววมุ่งมั่นในนัยน์ตาซูเฉินแล้ว ชีเว่ยเยี่ยนก็เผยรอยยิ้มโล่งอก

กลิ่นอายของนางเบาบางลงมาก

ซูเฉินรีบยืนขึ้นข้างนางในพลัน เห็นว่านางอ่อนล้าไร้ซึ่งพลัง ใกล้จะผล็อยหลับไปเต็มที

ซูเฉินถอนหายใจ “ศิษย์พี่หญิงชีคงจะเหนื่อยล้านัก ท่านหลับเถอะ”

ชีเว่ยเยี่ยนจึงหลับตาลง ไม่นานก็หลับใหล ตกลงสู่ห้วงนิทราสนิท

ซูเฉินยืนมองดูนางที่หลับสนิทไปแล้วก็รู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นอีกครา

เขารู้สึกมึนหัวเล็กน้อย

ความรู้สึกนี้เป็นผลจากการที่เขากังวลและเหนื่อยล้าจนเกินไป อีกทั้งยังมาจากความเป็นห่วงและหวาดกลัวที่เขาพยายามฝืนทนกดมันไว้

เมื่อชีเว่ยเยี่ยนปลอดภัยดีแล้ว เขาจึงไม่ต้องฝืนมันไว้อีก ความกังวลทั้งหลายในจิตใจจึงพุ่งขึ้นมาจนเห็นได้ชัดอีกครา

ความกลัวแล่นทั่วร่าง ยิ่งทำให้เขาไร้เรี่ยวแรงจะทำสิ่งใด

ชิงลั่ว !

เจ้าจะต้องปลอดภัย !

ในใจเขากู่ร้องตะโกนลั่น

และในตอนที่ชายหนุ่มกำลังเป็นกังวลอยู่นั่นเอง ก็พลันได้ยินเสียงคนที่ด้านนอก

เฮ่ออวิ๋นตง !

ในที่สุดพวกเขาก็กลับมา !

ซูเฉินใจสั่นสะท้าน เขารีบวิ่งออกจากถ้ำไปในทันที

เป็นเฮ่ออวิ๋นตง และคนอื่น ๆ จริง

เฮ่ออวิ๋นตงและคนอื่น ๆ ใบหน้ามีแต่ความกังวลฉายเด่นอยู่

พริบตาที่ทั้งสองฝ่ายเห็นหน้ากันก็ตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน

“เว่ยเยี่ยนเป็นอย่างไรบ้าง ?”

“ชิงลั่วเป็นอย่างไรบ้าง ?”

ร่างของคนทั้งคู่ชะงักค้างไปอึดใจหนึ่ง

จากนั้นก็เข้าใจสายตาที่อีกฝ่ายมองมา

ซูเฉินตอบ “ภารกิจผ่านพ้นไปได้ด้วยดี !”

เฮ่ออวิ๋นตงหัวเราะออกมา

เขาไม่ได้พูดคำใด หากแต่พลันมีร่างหนึ่งโผล่พรวดออกมาจากด้านหลังเขา เข้ากระโจนหาอ้อมกอดซูเฉินในพลัน

กู่ชิงลั่ว !