ตอนที่ 1808 เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของอวิ๋นลั่วเฟิง (5)
ตอนนี้ฉีซูกำลังยืนรออยู่หน้าประตูเรือนภายในสวนของอวิ๋นลั่วเฟิง ไม่นานประตูถูกเปิดออกและสตรีในชุดสีขาวก็ปรากฏสู่สายตาของเขา
ดวงตาของฉีซูเป็นประกายแต่ขณะที่เขาตั้งใจจะพูดบางอย่าง เขาสังเกตเห็นหญิงสาวสามคนยืนอยู่ด้านหลังของอวิ๋นลั่วเฟิง พวกนางไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกผ่านทางสีหน้าและดวงตาก็ไร้ซึ่งชีวิตราวกับเป็นแค่หุ่นเชิดที่รูปร่างเหมือนมนุษย์
“แม่นางอวิ๋น พวกนางคือใครขอรับ…” ฉีซูตกตะลึงแล้วมองหญิงสาวทั้งสามอย่างอึ้งๆ พร้อมแปลกใจ
จู่ๆ คนเหล่านี้มาปรากฏในห้องของแม่นางอวิ๋นตั้งแต่เมื่อไหร่ เหตุใดข้าถึงไม่รู้ตัว
ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสามก็แผ่กลิ่นอายกดดันที่ทรงพลังจนทำให้เขาตัวสั่น
ผู้ฝึกฌานขั้นเซียนงั้นหรือ
ฉีซูตัวสั่น ถ้าเขาเดาไม่ผิด พลังของพวกนางต้องอยู่ในขั้นเซียนแน่
“พวกเราไปกันเถอะ ไม่ใช่ว่าพวกเราต้องไปพบองค์ชายรองของอาณาจักรเทียนฉีหรอกหรือ พวกเราก็ออกเดินทางกันตอนนี้เลยเถอะ” อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มและเหลือบมองฉีซูก่อนจะพูดขึ้นช้าๆ
“ไปพบองค์ชายรองงั้นหรือ แล้วสตรีสามคนนี้…”
ฉีซูไม่เข้าใจว่าอวิ๋นลั่วเฟิงมีแผนจะทำอะไร โดยเฉพาะเมื่อหนึ่งเดือนที่แล้วที่นางมอบหมายให้เขาไปซื้อเศษโลหะจำนวนหนึ่งที่โรงตีอาวุธโลหะ หลังจากที่เขานำของพวกนั้นกลับมา นางก็เอาแต่อยู่ในห้องไม่ยอมออกมา
แต่ตอนนี้เมื่อนางปรากฏตัวก็มีสตรีอีกสามคนอยู่กับนางด้วยเสียอย่างนั้น
“ไม่สิ…” เมื่อจู่ๆ ฉีซูสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความตะลึง “แม่นางอวิ๋น พวกนางไม่หายใจ”
ใช่แล้ว สตรีทั้งสามคนนี้ไม่หายใจ! ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์วิญญาณอสูร ตราบใดที่พวกเขามีชีวิต พวกเขาก็ต้องหายใจ มีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้นที่ทำให้พวกเขาไม่ต้องหายใจ…
หุ่นเชิดงั้นหรือ
“เจ้าเดาออกหรือยัง” อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้ม “หุ่นเชิดทั้งสามตัวนี้เป็นผลงานชิ้นโบแดงของข้าในเดือนนี้”
ความแข็งแกร่งตอนแรกของอวิ๋นลั่วเฟิงไม่สูงนัก ดังนั้นตอนที่นางสร้างอวิ๋นอี้ขึ้นมาเขาจึงเป็นแค่ผู้ฝึกฌานขั้นปราชญ์แต่เมื่อความแข็งแกร่งของนางเพิ่มขึ้น หุ่นเชิดที่นางสร้างในตอนนี้จึงเป็นผู้ฝึกฌานขั้นเซียน ถึงอย่างนั้น…
“หุ่นเชิดทั้งสามตัวนี้เป็นผลงานที่ล้มเหลวและข้าก็ตั้งใจจะขายพวกนางให้องค์ชายรอง”
ฉีซูเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “ท่าน…ท่านจะขายผลงานที่ผิดพลาดให้องค์ชายรองงั้นหรือ เขาจะไม่มาหาเรื่องท่านทีหลังหรือขอรับ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา อวิ๋นลั่วเฟิงก็ยกยิ้ม
“ถึงแม้ว่าพวกนางจะเป็นผลงานที่ล้มเหลว แต่ความแข็งแกร่งของพวกนางก็อยู่ในขั้นเซียน พวกนางต่างจากมนุษย์ปกติ พวกนางไม่รู้สึกเจ็บและไม่ตาย พวกนางสามารถสู้ได้ตลอดไป! อีกอย่าง…พวกนางไม่มีทางทรยศเจ้า! เจ้าคิดว่าองค์ชายรองจะไม่ชอบหุ่นเชิดแบบนี้งั้นหรือ”
เหตุผลที่หุ่นเชิดพวกนี้เป็นผลงานที่ล้มเหลวเพราะวัสดุที่นางให้ฉีซูไปหามามีบางอย่างขาดไปซึ่งก็คือเหล็กครอบจักรวาล! เหล็กครอบจักรวาลหายากมากและด้วยความสามารถของฉีซูทำให้หามาไม่ได้ นางจึงไม่ได้ใส่ไปในรายการที่ต้องการให้เขาหามา
ตอนที่นางสร้างอวิ๋นอี้ก่อนหน้านี้ นางก็ใช้เศษโลหะที่เจวี๋ยเชียนเหลือทิ้งไว้ในมิติลวงตาจนทำให้สร้างอวิ๋นอี้ได้สำเร็จ แต่ว่าการที่อวิ๋นอี้ดูดซับอัสนีจนเลื่อนระดับเป็นสิ่งที่นางนึกไม่ถึง
หุ่นเชิดทั้งสามนี้จะอยู่ในขั้นเซียนตลอดไปและไม่สามารถเลื่อนระดับได้! ดังนั้นอวิ๋นลั่วเฟิงจึงเรียกพวกนางว่าผลงานที่ล้มเหลว
“แม่นางอวิ๋น” ฉีซูเงียบไปพักหนึ่งแล้วพูดขึ้น “เหตุใดท่านถึงไม่เก็บหุ่นเชิดเหล่านี้ไว้ให้ตัวเองแต่กลับเอาไปให้องค์ชายเล่า ท่านสามารถเก็บพวกมันไว้ใช้ประโยชน์ได้”
คำพูดของเขาหมายถึงนางจะขาดทุนถ้าขายหุ่นเชิดเหล่านี้ออกไป
อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้ว “ข้าไม่ได้จะขายให้แค่องค์ชายรองเท่านั้นแต่ข้าจะขายหุ่นเชิดไปทั่วทั้งแคว้น เจ้าคิดว่าถ้าหุ่นเชิดเหล่านี้ถูกขายในแคว้นนี้ สำนักใหญ่ๆ จะทิ้งโอกาสนี้ไปงั้นหรือ ถ้าพวกเขาพลาดสิ่งนี้ก็เท่ากับว่าพวกเขาแพ้ให้ศัตรูแล้ว ดังนั้นข้าเชื่อว่าสำนักต่างๆ จะต้องสร้างกองทัพหุ่นเชิดแน่นอน”
…………………………
ตอนที่ 1809 เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของอวิ๋นลั่วเฟิง (6)
ฉีซูอ้าปากค้าง “ท่านทำแบบนี้มีเป้าหมายอะไร”
อวิ๋นลั่วเฟิงหรี่ตาและหัวเราะเบาๆ “หุ่นเชิดไม่ทรยศคนที่ซื้อพวกเขาไป ขณะเดียว…พวกเขาก็ไม่มีทางทรยศคนที่สร้างพวกเขาขึ้นมาด้วยเหมือนกัน ถ้าข้าส่งหุ่นเชิดเหล่านี้ไปให้สำนักใหญ่ต่างๆ ในแคว้นนี้ ก็หมายความสำนักเหล่านั้นจะตกอยู่ในมือข้าไม่ใช่หรือ”
ฉีซูชะงักแล้วมองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างตกตะลึง
จินตนาการถึงภาพกำลังต่อสู้หลักของสำนักใหญ่ทั้งหลายเปลี่ยนเป็นหุ่นเชิดได้หรือไม่ เมื่อหุ่นเชิดเหล่านี้ตกอยู่ในมือของตระกูลใหญ่ๆ ก็เท่ากับว่าอวิ๋นลั่วเฟิงควบคุมชีวิตของสำนักทั้งหมดเอาไว้แล้ว
“แม่นางอวิ๋น นี่เป็นเป้าหมายที่แท้จริงของท่านงั้นหรือ”
ตั้งแต่แรกอวิ๋นลั่วเฟิงไม่เคยทำอะไรโดยได้ผลตอบแทนเพียงเล็กน้อย สิ่งที่นางต้องการมาตลอดก็คือแคว้นทั้งแคว้นนี้!
“แน่นอนว่าเป้าหมายของข้าก็คือการพิชิตแคว้นนี้อย่างไงล่ะ!”
จะต้องมีวันที่นางสามารถควบคุมแคว้นนี้ได้แน่
ฉีซูยิ้มอย่างขมขื่น “ไม่ใช่แค่เรื่องหุ่นเชิดนี้เท่านั้น แต่เรื่องน้ำยารวบรวมพลังฌานที่ท่านทำเองก็มีประสิทธิภาพมากเกินไปเหมือนกัน ถ้าในอนาคตท่านผลิตน้ำยาสมุนไพรเหล่านี้ การที่จะทำให้สำนักเหล่านั้นอยู่ภายใต้คำสั่งของท่านก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้”
อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มโดยไม่ตอบอะไร สิ่งที่นางต้องการไม่ใช่การที่สำนักพวกนั้นทำตามคำสั่งนางแต่นางต้องการตำแหน่งที่สามารถต่อกรกับแผ่นดินเทพวิญญาณได้!
ดังนั้นต่อให้นางใช้วิธีผิดศีลธรรมแล้วอย่างไร ตราบใดที่นางสามารถปกป้องคนรอบตัวนางได้ก็เพียงพอ!
“องค์ชายรองจะออกเดินทางวันพรุ่งนี้ พวกเราควรจะไปพบเขาตอนนี้เลยดีหรือไม่” ดวงตาของฉีซูฉายแววซับซ้อนแต่ก็ยังปรากฏร่องรอยความเคารพนับถือ
ในแคว้นเฟิงเฟิงอวิ๋นนี้ก็คงมีแต่อวิ๋นลั่วเฟิงเท่านั้นที่กล้าพูดคำพูดอย่างการควบคุมแคว้นทั้งแคว้น
แม้แต่ยอดฝีมือจากอาณาจักรก็ยังไม่กล้าพูดโอหังแบบนี้ แต่ว่าฉีซูก็มีความรู้สึกว่าการมาถึงของอวิ๋นลั่วเฟิงจะทำให้อีกไม่นานแคว้นเฟิงอวิ๋นจะเกิดการเปลี่ยนแปลง…
โรงเตี๊ยมฝูไหล
บุรุษผู้หนึ่งกำลังยืนเอามือไพล่หลังแล้วหันหน้าออกนอกหน้าต่าง ดวงตาของเขาคอยจับจ้องถนนที่คนพลุกพล่านอยู่ตลอดเวลา
“องค์ชาย คุณชายรองตระกูลฉีมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เสียงองครักษ์ดังขึ้นจากด้านนอกทำให้คิ้วที่ขมวดอยู่ของเขาคลายออกก่อนที่เขาจะยกยิ้ม “ในที่สุดเขาก็มา เชิญเขาเข้ามาเลย”
แอ๊ด!
ประตูถูกเปิดออกและชายหนุ่มก็ค่อยๆ หันมามองฉีซูที่เดินเข้ามา แต่ทันทีที่เขาเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงเดินตามเข้ามาด้วย เขาก็เผลอชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะถามว่า “สตรีผู้นี้คือ…”
“นายท่านรองฉี นางเป็นสหายที่ช่วงนี้มาอาศัยอยู่ในจวนของข้าน้อยเองขอรับ ดังนั้นข้าน้อยก็เลยพานางมาด้วยขอรับ”
“หืม?” ชายหนุ่มหัวเราะแล้วเผยรอยยิ้มใคร่รู้ “ที่แท้ก็เป็นสหายของนายน้อยฉีนี่เอง ถ้าอย่างนั้นก็เชิญพวกท่านนั่ง”
พูดจบ นายท่านรองฉีก็หันมาหาฉีซูอีกครั้ง “การเตรียมการของคุณชายรองฉีเป็นอย่างไรบ้าง”
“ข้าน้อยนำน้ำยารวบรวมพลังฌานสูตรปรับปรุงห้าสิบขวดและน้ำยาสูตรปกติหนึ่งร้อยขวดมาให้แล้วขอรับ” ฉีซูหยิบธำมรงค์มิติออกมาวางบนโต๊ะ “ข้าน้อยต้องรบกวนให้นายท่านรองฉีตรวจสอบแล้วขอรับ”
“ไม่จำเป็น ข้าเชื่อในตัวเจ้า” นายท่านรองฉียิ้มแล้วหยิบตั๋วเงินออกมาจากอกเสื้อก่อนจะวางลงตรงหน้าฉีซู “นี่เป็นเงินค่าน้ำยารวบรวมพลังฌาน”
ฉีซูยิ้มแล้วเก็บตั๋วเงิน “นายท่านรองฉี ครั้งนี้ข้าน้อยมีอย่างอื่นให้ท่านด้วยขอรับ”
จบคำ ฉีซูก็ปรบมือและทันใดนั้นสตรีสามคนก็เดินเข้ามา สตรีทั้งสามไม่ได้มีใบหน้างดงามแต่กลับแผ่พลังฌานเย็นเยียบเหมือนโลหะไร้ชีวิตออกมาแทนที่ความอ่อนโยนโดยธรรมชาติของสตรี