ตอนที่ 1806 เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของอวิ๋นลั่วเฟิง (3) / ตอนที่ 1807 เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของอวิ๋นลั่วเฟิง (4)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1806 เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของอวิ๋นลั่วเฟิง (3)

ก่อนที่นางจะออกไป นางก็ไม่ลืมที่จะหันไปส่งสายตาโกรธเคืองให้อวิ๋นลั่วเฟิง

ความคิดของฉีซูมีแต่เรื่องของนายท่านรองฉีทำให้ไม่ได้สังเกตเห็นสายตาดุร้ายของซืออวี่ หลังจากที่ซืออวี่ออกไปแล้ว เขาก็รีบเดินไปหาอวิ๋นลั่วเฟิง

“แม่นางอวิ๋น วันนี้ข้าได้พบกับองค์ชายรองของอาณาจักรเทียนฉีที่โถงโอสถ”

“องค์ชายรองของอาณาจักรเทียนฉีงั้นหรือ” ดวงตาของอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นประกายแล้วนางก็ถามขึ้น “เขามาทำไม”

ฉีซูมองอวิ๋นลั่วเฟิงก่อนจะตอบ “องค์ชายรองต้องการน้ำยารวบรวมพลังฌานจำนวนมากโดยเขาจะจ่ายให้ในราคาปลีก ข้าไม่ได้ตอบรับทันทีและบอกว่าข้าต้องการเวลาตัดสินใจก่อน”

ถึงอย่างไร อวิ๋นลั่วเฟิงก็เป็นคนเตรียมน้ำยารวบรวมพลังฌานและเขาก็ไม่รู้ว่านางเหลืออยู่มากน้อยแค่ไหน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ตอบรับข้อเสนอของนายท่านรองฉีในทันที

อวิ๋นลั่วเฟิงเงียบไปชั่วครู่ “ภายในหนึ่งเดือน ข้าสามารถทำน้ำยารวบรวมพลังฌานสูตรปรับปรุงได้ห้าสิบขวดและสูตรปกติอีกหนึ่งร้อยขวด ถ้าเขาตกลง การแลกเปลี่ยนนี้ก็สำเร็จ”

“เข้าใจแล้ว ข้าจะรีบตอบกลับเขาทันที” ฉีซูยิ้ม เห็นได้ชัดว่าเขาคาดหวังที่จะร่วมธุรกิจกับองค์ชายรอง

“ฉีซู เงินจากขายน้ำยาสมุนไพรในวันนี้ เจ้าไม่ต้องเอาให้ข้า แต่ข้าอยากให้เจ้าไปซื้อของอย่างอื่นให้ข้าแทน”

ดวงตาของอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นประกาย แคว้นเฟิงอวิ๋นไม่เหมือนกับแคว้นเจ็ดเมืองและแผนหลายๆ แผนของนางที่ไม่สามารถทำในแคว้นเจ็ดเมืองให้สำเร็จได้ก็สามารถทำให้สมบูรณ์แบบที่นี่ได้

“แม่นางอวิ๋น ได้โปรดบอกมาได้เลย” ฉีซูยืนด้วยท่าทางเคารพนับถืออยู่ตรงหน้าตรงอวิ๋นลั่วเฟิง อาจจะเป็นเพราะน้ำยารวบรวมพลังฌานพวกนั้นที่ทำให้เขายกย่องนาง

“ข้าเขียนรายการที่ข้าต้องการไว้แล้ว เจ้าแค่ไปซื้อของมาตามนี้ให้ข้าก็พอ ยิ่งไปกว่านั้นทำให้องค์ชายรองคนนั้นจะอยู่ที่นี่ต่อไปก่อน อีกหนึ่งเดือน ข้าจะไปพบเขาด้วยตัวเอง” อวิ๋นลั่วเฟิงเคาะนิ้วลงบนโต๊ะหินเบาๆ ขณะที่ดวงตาเรียวของนางเป็นประกายบางอย่าง มุมปากของนางยกขึ้นก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ

แผ่นดินเทพวิญญาณแข็งแกร่งเกินไป! แข็งแกร่งมากเสียจนนางไม่สามารถต่อกรได้เลย!

โชคดีที่ที่มีแคว้นเฟิงอวิ๋นแห่งนี้ทำให้นางมีพื้นที่ฝึกฝน พูดอย่างเจาะจงก็คือเรื่องนี้ทำให้นางมีโอกาสทำให้แคว้นเฟิงอวิ๋นกลายมาเป็นพรรคพวกของนาง! …

ข่าวเรื่องตระกูลฉีในนครเฟิงหลินขายน้ำยาสมุนไพรพลังฌานก็แพร่ไปทั่วจากนั้นก็ดึงดูดคนจำนวนมากให้มาที่นี่

หลายวันมานี้ลุงจ้าวทำงานหนักมากแต่ใบหน้าของก็ปรากฏรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ผู้คุ้มกันของฉีซูก็ได้รับคำสั่งให้มาช่วยเขาจนทำให้ความนิยมของร้านโอสถเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

แน่นอนว่าเมื่อมีคนมีความสุข ก็ต้องมีใครบางคนที่โกรธแค้น

ภายในห้องโถงของตระกูลฉี ฉีเจิ้งทุบโต๊ะด้วยความโกรธจนเส้นเลือดปรากฏบนหน้าผาก เขาตะโกนขึ้นอย่างเดือดดาลว่า “ฉีซู เจ้าบุตรอกตัญญูนั่นกล้าขัดคำสั่งข้างั้นหรือ อยากบอกข้านะว่า เขาอยากให้บิดาของเขาไปหาที่นครเฟิงหลิน”

ตลอดหนึ่งเดือนมานี้ ฉีเจิ้งออกสั่งให้ฉีซูและน้องสาวของเขากลับมาครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ฉีซูก็ขัดคำสั่งเขา! นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉีเจิ้งเดือดดาลอย่างมาก

ถ้าฉีซูมาอยู่ตรงหน้าเขา เขาต้องตบไอ้บุตรชายเนรคุณคนนี้จนตายโดยไม่ยั้งมือแน่!

“ท่านพ่อ ฉีซูเมินเฉยท่านจริงๆ” ดวงตาของฉีมั่วเป็นประกายเย็นเยียบ “ก่อนหน้านี้ เขาก็พูดว่าเขาไม่ได้เป็นคนของตระกูลฉีด้วยขอรับ”

“ไร้หัวคิด!” ฉีเจิ้งโกรธจนหน้าซีดตัวสั่น “ตระกูลฉีของข้าเลี้ยงดูเขามานานหลายปี พอตอนนี้เขาไม่ต้องการตระกูลแล้ว เขาก็คิดว่าจะเตะพวกเราออกไปงั้นหรือ ข้าอยากจะรู้นักว่าเขาจะกล้าใจแข็งไม่ยกตำรับยาให้บิดาที่ไปหาเขาด้วยตัวเองหรือไม่!”

…………………………

ตอนที่ 1807 เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของอวิ๋นลั่วเฟิง (4)

เหตุผลที่ว่าทำไมฉีเจิ้งถึงโกรธไม่ใช่เพราะฉีซูอกตัญญูแต่…เป็นเพราะฉีซูมีของล้ำค่าอย่างตำรับน้ำยาสมุนไพรพลังฌานแต่ไม่ยกให้เขา! เขาไม่มีทางให้อภัยฉีซูในเรื่องนี้แน่!

“พวกเจ้า ตามข้าไปที่นครเฟิงหลินเดี๋ยวนี้ นอกจากตำรับยานั่นแล้ว ข้าจะเอาทุกอย่างที่อยู่ในร้านโอสถตระกูลฉีด้วย!”

“ท่านพ่อขอรับ” ดวงตาของฉีมั่วเป็นประกาย “ตระกูลเฉียนส่งคนมาอีกแล้วขอรับ พวกเขาบอกว่าถ้าพวกเรายกฉีหลิงให้ไปเป็นอนุของผู้เฒ่าตระกูลเฉียน ตระกูลเฉียนจะให้สมุนไพรพลังฌานหนึ่งร้อยต้นเป็นของหมั้นด้วยขอรับ”

สมุนไพรพลังฌานหนึ่งร้อยต้นงั้นหรือ ฉีเจิ้งเหม่อลอย ดวงตาของเขาฉายแววละโมบและไม่นานเขาก็เงียบ

“หนึ่งปีที่แล้ว ข้าก็บอกไปแล้วว่าให้ส่งฉีหลิงไปให้ผู้เฒ่าตระกูลเฉียนตรงๆ เลยแต่เจ้ากับยืนกรานที่จะขับไล่พวกเขาไปที่นครเฟิงหลิน ไม่ใช่แค่นั้น เจ้ายังสร้างเรื่องพนันกับฉีซูอีก! ตอนนี้เจ้าแพ้แล้ว เจ้าจะเอาตัวฉีหลิงกลับมาอย่างไร”

เมื่อเขาคิดถึงเรื่องนี้ ฉีเจิ้งก็รู้สึกเสียดายมาก ฉีหลิงเป็นแค่ขยะที่ทำประโยชน์อะไรให้ตระกูลฉีไม่ได้ การแลกเปลี่ยนตัวนางกับสมุนไพรพลังฌานหนึ่งร้อยต้นก็นับว่าคุ้มค่า

“ท่านพ่อ เรื่องจริงจังอย่างการแต่งงาน บิดามารดาเป็นผู้มีสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจ ในฐานะที่ท่านเป็นบิดาของฉีหลิง นางมีสิทธิ์อะไรที่จะไม่เชื่อฟังคำสั่งของท่านหากท่านบังคับให้นางแต่งงานกับคนที่ท่านต้องการ” ฉีมั่วยิ้มเยาะ “ส่วนเรื่องข้อตกลงระหว่างข้ากับฉีซู ถ้าข้าจะไม่ยอมก็ไม่เป็นอะไรไม่ใช่หรือขอรับ”

“พวกเราคงทำได้แค่ครั้งนี้เท่านั้นแหละ” ฉีเจิ้งมองฉีมั่วและพูดขึ้น “อีกอย่าง เจ้าก็เตรียมตัวพามารดาเจ้าเข้าจวนในอีกสองสามวันเถอะ”

ฉีมั่วชะงักแล้วเงยหน้ามองฉีเจิ้งด้วยความไม่เชื่อ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความปิติ “ท่านพ่อ ท่านพูดจริงหรือขอรับ ท่านจะให้ฐานะที่เหมาะสมกับมารดาของข้าแล้วจริงหรือขอรับ”

“มั่วเอ๋อร์” ฉีเจิ้งมองฉีมั่วด้วยความเจ็บปวดใจ “หลายปีมานี้ เจ้าและมารดาต้องทนทรมานกับความเสียใจมามากมาย ตอนนี้ตระกูลฉีก็แข็งแกร่งพอและอวิ๋นเยว่ชิงก็ไม่อยู่ที่แล้ว ข้าคิดว่าก็คงถึงเวลาที่ข้าจะชดเชยให้เจ้าแล้ว”

เมื่อเขาพูดตรงนี้ก็หยุดก่อนพูดจะต่อ “ข้ารู้ว่าเจ้าอิจฉาที่อวิ๋นเยว่ชิงรับฉีซูเป็นศิษย์แต่ถึงฉีซูเป็นศิษย์นางแล้วอย่างไร เจ้าเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลฉี สุดท้ายทุกอย่างก็จะกลายเป็นของเจ้า”

“ท่านพ่อ ข้าเข้าใจแล้วขอรับ เรื่องนี้ก็แค่เพราะข้าต้องแยกกับท่านแม่มาหลายปีก็เลย…”

“เรื่องนี้ข้าผิดเองจริงๆ ที่ทำให้พวกเจ้าต้องแยกจากกัน ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าจะใช้ทั้งชีวิตของข้าเพื่อชดเชยให้พวกเจ้าทั้งคู่”

เขารู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำผิดมากที่สุดก็คือการแยกฉีมั่วและมารดาของเขาออกจากกัน แต่ว่าเขาไม่คิดเลยว่าการที่เขาบีบคอบุตรชายตัวเองจนตายเป็นเรื่องที่ผิด

ใครจะไปคิดว่าเด็กทารกตัวเล็กๆ จะทำให้ดอกไม้ทั้งสวนเหี่ยวเฉาทันทีที่เขาเกิดเล่า ถ้าสิ่งมีชีวิตอัปมงคลอย่างเขามีชีวิตอยู่ จะต้องส่งผลต่ออนาคตของตระกูลฉีแน่นอน

ถ้าไม่ใช่เพราะเขาตายแล้วตระกูลฉีจะประสบความสำเร็จอย่างในปัจจุบันได้อย่างไร ดังนั้นฉีเจิ้งจึงดีใจที่ตอนนั้นเขาบีบคอพี่ชายโดยสายเลือดของฉีซูจนตาย เขาถึงกับเชื่อว่าการที่ฉีมั่วเข้าตระกูลฉีมาทำให้พวกเขาโชคดีและยังส่งผลให้ตระกูลฉีกลายเป็นพรรคยิ่งใหญ่รองจากราชวงศ์ในเวลาอันสั้น

ถ้าอวิ๋นเยว่ชิงรู้ว่าตระกูลฉีที่นางช่วยเหลือมีความคิดแบบนี้ นางจะเสียใจกับเรื่องที่นางทำลงไปหรือไม่

“ท่านพ่อ ท่านจะทำอย่างไรให้ได้ของที่เป็นของตระกูลฉีของพวกเรากลับมาขอรับ”

เดี๋ยวก่อนนะ ต้องบอกว่าเอาสิ่งที่เป็นของเขากลับมาต่างหาก!

สีหน้าของฉีเจิ้งค่อยๆ มืดครึ้มมากขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาเย็นชาของเขาเป็นประกายอำมหิต “อีกไม่นานพวกเราจะออกเดินทางไปนครเฟิงหลิน ข้าอยากจะเห็นนักว่าเจ้าบุตรอกตัญญูนั่นจะกล้าขัดคำสั่งข้าหรือไม่! …

นครเฟิงหลิน

ฉีซูและน้องสาวของเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในตระกูลฉี ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าฉีเจิ้งจะเดินทางมาที่นี่ด้วยตัวเอง