“เขาเป็นใครกันนะศิษย์ชั้นนอกคนนั้น ข้าไม่เคยเห็นเขามาก่อนและข้าจำใบหน้าของเขาไม่ได้! จู่ๆศิษย์คนหนึ่งก็ถามเสียงดัง

“ไม่รู้ ข้าไม่เคยเห็นเขาแถวนี้มาก่อนเลยเหมือนกัน และข้าก็มาที่นี่เกือบทุกวัน!”

“ข้าก็ไม่รู้! ข้าฝึกที่นี่ทุกวันตลอด 2 ปีที่ผ่านมาโดยไม่พลาดแม้แต่วันเดียวและข้าก็จำเขาไม่ได้ด้วย!”

เนื่องจากไม่มีใครจำตัวตนของหยวนได้พวกเขาจึงหันไปมองนางฟ้าหมินด้วยสายตาสงสัย

หลังจากเงียบอยู่ครู่ หนึ่งในนั้นก็ตัดสินใจถามเธอว่า

“นางฟ้าหมินเธอรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร ศิษย์ชั้นนอกคนนั้น”

“ข้าไม่รู้จักเขา!” หมินลี่ตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดก่อนที่จะลุกขึ้นยืนแล้วลูบเสื้อผ้าและหัวเข่าของเธอ

เมื่อเธอแก้ไขรูปลักษณ์ของเธอแล้ว หมินลี่ก็เดินจากไปในขณะที่อยากจะร้องไห้ที่เธอต้องประสบกับความพ่ายแพ้อันน่าอับอายต่อหน้าลูกศิษย์จำนวนมาก โดยที่เธอไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น เหตุการณ์ในครั้งนี้ได้ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของเธอและอาจส่งผลต่อครอบครัวของเธอด้วย

ต่อมาเมื่อหมินลี่ออกจากที่เกิดเหตุเหล่าศิษย์ในพื้นที่ฝึกก็มองหน้ากันแล้วพูดว่า

“ตอนนี้เจ้าเห็นไหมว่านางฟ้าหมินที่ดูหดหู่แค่ไหน ข้าคิดว่ามันจะดีกว่าถ้าเราไม่พูดถึงเรื่องนี้…”

“ใช่ข้าก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน ท้ายที่สุดแล้วการพูดไม่ดีเกี่ยวกับนางฟ้าหมินก็เหมือนกับการตบหน้าตระกูลหมินและข้าก็ไม่อยากเสี่ยงที่จะทำให้หนึ่งในตระกูลเจ็ดมรดกขุ่นเคือง”

“ข้าด้วย! วันนี้ข้าไม่เห็นอะไรเลย!”

“ดี! ถ้าอย่างนั้นก็มาทำเหมือนว่าวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น!”

อย่างไรก็ตามแม้ว่าศิษย์ส่วนใหญ่ที่นั่นจะตกลงที่จะเก็บสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ไว้เป็นความลับ แต่ก็ยังมีพวกเขาไม่กี่คนที่ไม่สามารถปิดปากได้ และพูดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่สนามซ้อมให้คนอื่นฟังได้อย่างรวดเร็ว ข่าวลือแพร่กระจายไปทั่วนิกาย

โชคดีสำหรับหมินลี่ เนื่องจากมีเพียงไม่กี่คนที่พูดถึงเรื่องนี้ ในตอนแรกเมื่อศิษย์คนอื่นๆได้ยินข่าวลือจึงสงสัยในข่าวลือนี้ เพราะมันไม่น่าเชื่อเกินไป

“อะไรนะนางฟ้าหมินพ่ายแพ้ให้กับศิษย์ชั้นนอกที่เป็นใครไม่รู้!”

“ศิษย์ชั้นนอกคนนั้น สามารถทำลายหุ่นฝึกด้วยกริชธรรมดาและเทคนิคระดับมนุษย์ เทคนิคมีดบินงั้นหรอ เจ้าคงฝันไปแล้ว!”

“ไม่มีทางที่นางฟ้าหมินจะแพ้ใคร เลิกพล่ามซะ!”

“ข้ากำลังบอกความจริงกับเจ้า! ถ้าเจ้าไปที่สนามฝึกตอนนี้ เจ้าจะเห็นหุ่นฝึกแตกจำนวนมาก! ความเสียหายเหล่านี้ได้ถูกกระทำโดยศิษย์ชั้นนอกคนนั้น”

“เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือเปล่าแน่นอนว่าจะมีหุ่นฝึกแตกในพื้นที่ฝึก! เจ้ารู้ไหมว่ามีลูกศิษย์กี่คนที่ฝึกที่นั่นทุกวัน ข้าจะทุบมันด้วยตัวเอง หลังจากที่ตีมันมากกว่า 1,000 ครั้งในวันเดียว!”

“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าหมายถึง!”

“ฮึ่ม! ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร แต่ถ้าเจ้ายังคงซุบซิบเกี่ยวกับนางฟ้าหมินในแง่ลบอี่กละก็ ข้าจะทำให้กะโหลกของเจ้าแตก!

“…”

ศิษย์คนนั้นพูดไม่ออก หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ตระหนักว่ามันสมเหตุสมผลแล้วว่าทำไมไม่มีใครเชื่อเขา เพราะเหตุการณ์นั้นไม่น่าเชื่อ! ถ้าเขาไม่ได้เห็นมันด้วยตัวเองเขาก็จะมีปฏิกิริยาเช่นเดียวกับศิษย์เหล่านี้

ในขณะเดียวกันหลังจากกลับไปที่ห้องของเธอเอง หมินลี่ก็ทรุดตัวลงบนเตียงโดยที่ศีรษะของเธอฝังลึกเข้าไปในหมอนของเธอ และเริ่มร้องไห้ออกมา เธอปล่อยความหงุดหงิดทั้งหมดของเธอออกมาเพียงลำพังหลังจากพ่ายแพ้ในวันนี้

“คราวหน้าข้าขอสาบานว่าจะไม่แพ้ท่านศิษย์หยวน!” หมินลี่ร้องไห้ออกมาดังๆในเวลาต่อมา

สำหรับหยวนเขานอนอยู่บนเตียงนุ่มสบายในห้องของเขาอย่างสบายๆขณะที่จ้องมองไปที่กริชห้วงดวงดาวที่ลอยอยู่ในอากาศ แม้ว่าเขาจะไปถึงระดับความเชี่ยวชาญระดับ 2 แล้วสำหรับเทคนิคนี้ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รู้สึกเพียงพอเพราะมันทำให้เขานึกถึงดาบบิน

“หวังว่าฉันจะสามารถควบคุมดาบบินได้ในไม่ช้านี่นะ” เขาพึมพำด้วยเสียงต่ำ

หลังจากใช้เวลาอ่านหนังสือแนะนำอีกสักพัก เพื่อตัดสินใจว่าเขาต้องการจะไปที่ไหนในวันพรุ่งนี้ หยวนก็ออกจากเกมเพื่อฝึกฝนในโลกแห่งความเป็นจริงจนกระทั่งหยูรู่กลับจากโรงเรียน เพื่อเตรียมอาหารเย็นให้เขา

แม้ว่าฉันจะไม่ได้นอนมาทั้งสัปดาห์ แต่ฉันก็ไม่รู้สึกเหนื่อยเลย ฉันสงสัยว่านี่จะดีต่อสุขภาพสำหรับฉันจริงหรือเปล่านะ…‘ หยวนสงสัยกับตัวเองในขณะที่เขาสงบสติอารมณ์เพื่อเตรียมตัวสำหรับการฝึกฝนอีกคืน

อย่างไรก็ตามไม่เหมือนกับสองสามวันที่ผ่านมา หยวนไม่ได้ฝึกฝนตลอดทั้งคืนและตัดสินใจที่จะฝึกฝนเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนเข้านอน

เช้าวันรุ่งขึ้นหยูรู่พูดกับเขาว่า

“พี่ชายหมอหวังจะมาในเช้าวันนี้ พี่คิดว่าจะรอให้เขามาก่อนจะเล่นเกมได้ไหม หนูต้องไปโรงเรียน แต่เหม่ยซิ่วจะอยู่ที่นี่ถ้าพี่ต้องการอะไร”

“โอเค” หยวนพูด

เมื่อหยูรู่ออกไปโรงเรียนหยวนก็เริ่มฝึกฝนจนกระทั่งมีคนมาเคาะห้องของเขา

“นายน้อย หมอหวังมาที่นี่เพื่อพบนายน้อยแล้ว” เหม่ยซิ่วเคาะประตูของเขา

“เข้ามาได้เลย” หยวนตอบ

หมอหวังเข้ามาในห้องพร้อมกับเหม่ยซิ่วในเวลาต่อมา

“เมื่อเร็ว ๆ นี้คุณรู้สึกอย่างไรบ้างนายน้อยร่างกายของคุณเจ็บตรงไหนบ้างไหม?” หมอหวังถามเขา

“ไม่เลย ฉันรู้สึกดีเหมือนปกติ” หยวนตอบอย่างรวดเร็ว

‘ดีเหมือนปกติ…?’ หมอหวังเลิกคิ้วด้วยท่าทางประหลาดใจ โดยปกติแล้วไม่มีใครอ้างว่ารู้สึกปกติ หากพวกเขาอยู่ในสภาพของหยวน

“เยี่ยมมากที่ได้ยินแบบนี้ วันนี้หมอได้นำอุปกรณ์บางอย่างติดตัวมาด้วยเพื่อสแกนร่างกายของนายน้อย แต่เนื่องจากนี่เป็นอุปกรณ์พกพาจึงอ่อนแอกว่าของในโรงพยาบาลด้วย ดังนั้นหมอจึงต้องถอดเสื้อผ้าของนายน้อยออก” หมอหวังกล่าวก่อนที่จะหันไปมองเหมยซิ่วและพูดว่า

“เธอช่วยถอดเสื้อผ้าของนายน้อยได้ไหม ในขณะที่หมอเตรียมอุปกรณ์?”

“ได้ค่ะ…” ท่าทางที่ไร้คำพูดและงุนงงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเหม่ยซิ่ว แต่เธอพยักหน้าโดยไม่ได้พูดอะไรจากนั้นเธอก็เดินเข้าไปหาหยวนบนเตียงในเวลาต่อมา