ตอนที่ 290 ให้นางรับผิดชอบ
ตอนที่ 290 ให้นางรับผิดชอบ

หากมีคนพูดออกมาเพียงแต่คนเดียวก็คงจะดูไม่น่าเชื่อถือ ดังนั้นหากมีคนที่สองมาเอ่ยอีกก็จะดูน่าเชื่อถือมากขึ้น และแน่นอนว่าเมื่อมีคนที่สามมาพูดก็ยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือขึ้นไปอีก

สถานการณ์ในตอนนี้เหมือนดั่งสำนวนที่ว่า ‘สามคนกลายเป็นเสือ’[1] ทำให้ผู้คนที่ยืนอยู่เกิดความลังเลขึ้นมา

น้ำยาล้างจานนี้จะยังมีใครซื้อมันอีก!

หลายคนที่ยื่นอยู่เกิดอาการกระวนกระวายใจ และเริ่มพากันเดินไปยังถนนตะวันออกทันที

ในตอนนี้ คนส่วนใหญ่ที่ยังอยู่ในสวนเป็นคนร่ำรวยและสูงศักดิ์ ซูหวานหว่านสังเกตเห็นว่าคนใช้ที่ยืนอยู่ข้างตัวพวกเขาดูเหมือนจะลดลงไปส่วนหนึ่ง และนางก็เดาได้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้ได้ส่งคนรับใช้ของตนเองลาดเลาที่นั่น

คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่ซูหวานหว่านเดานั้นจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง พวกเขาสงสัยว่ามีของราคาถูกขายจริงหรือไม่จึงสั่งให้คนรับใช้ของคนเองไปดูลาดเลา

การประมูลยังคงดำเนินต่อไป หากแต่ไม่มีผู้ใดแย่งกันเสนอราคาเลย นางกำลังจะขายมันให้กับผู้ร่ำรวยคนหนึ่งที่เสนอราคาถึงสองพันห้าร้อยตำลึง แต่เขากลับเอ่ยปฏิเสธขึ้นมาเสียก่อน

“ข้าไม่ต้องการมันแล้ว! เงินเพียงหนึ่งร้อยตำลึงสามารถซื้อของสิ่งนี้ การที่เจ้าขายให้ข้าในราคาสองพันห้าร้อยตำลึง เจ้าคิดว่าจะสามารถหลอกข้าได้งั้นเหรอ? ข้าไม่ได้โง่นะ!” คนคนนั้นเอ่ยออกมา

“เจ้าไม่ต้องการมันแล้วอย่างงั้นเหรอ? เช่นนั้นก็ได้” เช่นนั้นซูหวานหว่านก็จะไม่ขายให้เขาเช่นกัน ดังนั้นนางจึงยอมรับความคิดเห็นของเขา

ทันใดนั้นพ่อบ้านที่อยู่ข้าง ๆ ก็วิ่งเข้ามาและพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “คุณหนู ข้าได้ส่งไปดูลาดเลาก็พบว่าเขาขายของของพวกเราที่ถูกขโมยไปวันนี้! วันนี้เราคงขายมันไม่ได้แล้ว?”

ซูหวานหว่านขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย และเม้มริมฝีปากแน่น

เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ คุณชายถังก็หัวเราะออกมาดัง ๆ “คุณหนูจ้าว ทุกคนไม่ใช่คนโง่ ข้าอยากจะแนะนำอะไรเจ้าให้ฟังเสียหน่อย เจ้าอย่าเอาของมาขายให้พวกเราเลย!”

“…”

พ่อบ้านยกแขนขึ้นปาดเหงื่อและกระซิบออกมาว่า “คุณหนู อย่าไปสนใจคนไร้ค่าพวกนี้เลย! คุณหนูไม่จำเป็นต้องขายอะไรด้วยซ้ำ ตระกูลเจ้าเป็นของเจ้ากิจการค้าเกลือ! รายได้ต่อปีนั้นหลายล้านตำลึง!”

มันไม่จำนวนเงินที่เยอะ แต่เป็นจำนวนเงินที่เยอะมากต่างหาก! มันจะไปมีความสุขได้อย่างไรหากใช้เงินที่บ้าน! หญิงสาวส่ายหัวไปมา และบอกให้พ่อบ้านลงไปก่อนพร้อมกับกล่าวออกมาว่า “ทุกคนมีราคาที่อยากจะเสนอหรือไม่? แค่มีเงินเพียงสองพันห้าร้อยตำลึงก็สามารถซื้อมันได้แล้ว!”

คุณชายถังลูบคางตนเอง และกระตุกยิ้มเยาะเย้ยออกมา “หึ ถึงแม้ว่าข้าจะซื้อมันด้วยราคาหนึ่งพันห้าร้อยตำลึง แล้วเจ้าให้เพิ่มอีกหนึ่งใบ ข้าก็ไม่โง่ซื้อมัน!”

คนที่ยังอยู่บริเวณนั้นพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แต่ทันใดก็มีคนเสนอราคาออกมา!

ชายร่างกายสูงใหญ่สวมใส่อาภรณ์สีฟ้าเอ่ยออกมาเบา ๆ ว่า “ข้าขอประมูลในราคาสามพันตำลึง!”

เมื่อทุกคนได้ยินก็ต่างพากันงุนงงและรู้สึกไม่เข้าใจ คนร่ำรวยที่ยังอยู่ก็พูดออกมาว่า “บุคคลท่านนี้ เหตุใดถึงใช้เงินซื้อสิ่งของเหล่านี้ เจ้ายังไม่…”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ ก็มีคนวิ่งเข้ามา ปรากฏว่าคนเหล่านั้นคือคนที่ไปยังถนนตะวันออกนั่นเอง!

“พวกเจ้าไปดูมาแล้วเป็นอย่างไรบ้าง” ซูหวานหว่านได้ถามออกมา

ใบหน้าของทุกคนพลันเปลี่ยนสี หากแต่ยังคงไม่ได้พูดอะไรออกมา ชายร่างสูงคนนั้นจึงเสนอราคาออกมาอีกครั้ง “ข้าขอเสนอราคาสามพันตำลึง”

ทุกคนต่างแย่งกันเสนอราคาของมาอีกครั้ง คุณชายถังและบริวารที่ยืนอยู่ต่างรู้สึกงุนงง จนกระทั่งพวกเขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามออกมาว่า “ถนนตะวันออกมีของขายจริง ๆ! แต่ว่าของที่ขายมันเป็นของที่หายไปในวันนี้! ทั้งหมดนั่นมันคือกล่องไม้! แล้วอีกอย่างในกล่องไม้ก็ไม่มีอะไรเลย! ยังจะขายในราคาร้อยตำลึงอีก? บ้าไปแล้ว!”

ร่างกายของคุณชายถังสั่นสะท้านเมื่อได้ยิน สินค้าที่เขาส่งคนไปปล้นซูหวานหว่านกลับกลายเป็นเพียงกล่องเปล่า!

ซูหวานหว่านมองไปที่คุณชายถังด้วยรอยยิ้ม และกล่าวว่า “คุณชายถัง หากเจ้าไม่อยากจะซื้อของสิ่งนี้ อย่ามาทำให้คนอื่นเขาเสียเวลา”

ทุกคนต่างเห็นด้วยกับคำพูดนี้ของซูหวานหว่าน เพราะคุณชายถังกำลังก่อความวุ่นวาย และทำให้พวกเขาเสียเวลามาก จึงเริ่มรู้สึกไม่พอใจขึ้น

น้ำยาล้างจานนี้ซูหวานหว่านขายได้ในราคาประมูลสูงถึงสี่พันตำลึง

ส่วนของชิ้นอื่น ๆ ก็มีราคาไม่ได้น้อยไปกว่ากันเลย ดูเหมือนผู้ชายคนที่มีรูปร่างสง่าจะชอบเสนอราคาสูงออกมาแต่เขากลับไม่ได้ซื้อสักชิ้น ทุกคนต่างงุนงง อีกทั้งก็ไม่เคบพบเขามาก่อน ดูจากการแต่งตัวของเขาแล้วก็ดูจะไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป เขาคงจะเป็นคุณชายมาจากตระกูลใดสักตระกูล แต่ว่าเขามักจะเสนอราคาประมูลออกมาเพื่อให้ทุกคนที่ยืนอยู่พากันเสนอราคาแย่งชิงกัน

เมื่อสังเกตดูแล้ว ซูหวานหว่านจึงเงียบนิ่ง นางส่งเสียงไอออกมา มองไปที่ผู้ชายคนนั้น แอบยกนิ้วให้กับผู้ชายคนนั้นทันทีว่าเยี่ยมยอดมาก!

หากตรงนี้มีคนอยู่ไม่มากนะ ซูหวานหว่านก็คงจะยกนิ้วให้กับผู้ชายคนนั้นอย่างเปิดเผย ศิษย์พี่ของนางช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ

ใช่แล้วผู้ชายคนนั้นก็คือ เป่ยฉวนเฟิงหลิว!

เป่ยฉวนเฟิงหลิวเปรียบเสมือนเป็นผู้ช่วยของนางที่สวรรค์ส่งมา การที่เขามาเสนอราคานั่นทำให้สินค้าขายหมดเร็ว ทั้งน้ำหอม และสบู่ก็ขายหมดได้อย่างรวดเร็ว อวี้หลู่เกาก็ขายได้เช่นเดียวกัน ทันเสียงในมิติฟาร์มก็ดัง ‘ติ๊ง’ หญิงสาวแอบถอดจิตเข้าไป และเห็นว่าคะแนนในตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็นหกแสนคะแนนแล้ว!

แต่ทว่ามันก็ยังคงไม่พอ!

“เจ้าบ้าน วันนี้ดูเหมือนว่าเวลาจะหมดในไม่ช้า หนึ่งล้านตำลึงท่านควรที่จะพยายามให้มากกว่านี้” เสียงมิติฟาร์มก็เอ่ยเตือนออกมา

ยังขาดอีกสี่แสนคะแนน!

นางควรที่จะทำอย่างไรดี? ซูหวานหว่านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และนางก็เอ่ยขอเสนอออกมาทันที “ทุกคนสิ่งที่ทุกคนได้เห็นในวันนี้มันคือสินค้าของตระกูลจ้าว หากว่าพวกเจ้าในที่นี่มีความตั้งใจที่จะเป็นตัวแทนการค้าจงไปยืนรอข้าที่ข้างทะเลสาบ เพื่อที่พวกเราจะได้หารือกันเรื่องรายละเอียด”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เหล่าคนรวยและพวกขุนนางจำนวนมากที่ยืนอยู่ก็เกิดความสนใจขึ้นมา เพราะวันนี้ซูหวานหว่านสามารถขายได้เป็นจำนวนมาก! ในความคิดของพวกเขาตอนนี้ถ้าพวกเขาได้ร่วมมือทำร่วมมือกับซูหวานหว่าน พวกเขาอาจจะได้ส่วนแบ่งอย่างมหาศาลแน่นอน!

ซูหวานหว่านเดินไปที่ข้างทะเลสาบ และก็มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งเดินตามนางไป หญิงสาวที่ตัวนั่งและพบว่ามีคนเดินตามนางมายี่สิบถึงสามสิบคน และในกลุ่มคนจำนวนนี้…ก็มีคุณชายถังอยู่ด้วย! ซูหวานหว่านขมวดคิ้ว “คุณชายถัง เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้รึ เรื่องของของข้าถูกขโมยไปได้อย่างไร? แน่นอนว่าเรื่องวันนี้มันเป็นฝีมือของเจ้าใช่หรือไม่?”

“คุณหนูจ้าว เรื่องแบบนี้มันจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงตระกูลถังของข้าได้ เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล” คุณชายถังกล่าวออกมาพร้อมกับขมวดคิ้ว

คิดว่าซูหวานหว่านจะเชื่อสิ่งที่เขาพูดออกมาอย่างงั้นเหรอ? อันที่จริงแล้ว ซูหวานหว่านได้ปล่อยนกออกมาจากมิติฟาร์มออกมาสองสามตัว เพื่อที่จะดูแลสินค้าชุดนี้ที่สั่งให้พ่อบ้านนั้นขนมาที่สวนในวันนี้ และนกก็เห็นว่ามันคือฝีมือของคุณชายถัง!

แต่เพราะว่าสัตว์เป็นคนเห็น ซูหวานหว่านจึงไม่สามารถบอกเหตุผลออกมาได้ตรง ๆ ว่าทำไมนางถึงรู้!

หลังจากที่คิดไปคิดมา ทันใดนั้นก็มีนกบินมาเหนือศีรษะ ซูหวานหว่านก็เผยรอยยิ้มออกมา และพูดออกมาทันทีว่า “คุณชายถัง คนมาจากตลาดมืดฝีมือดีหรือเปล่าไม่? คงจะจ่ายเงินไปเป็นจำนวนมากเลยทีเดียวสินะ? เจ้าไม่รู้สึกเสียดายหรือไง? หึ เพราะว่าวันนี้เจ้าได้จ่ายเงินออกไปหนึ่งพันตำลึงเพื่อที่สั่งให้พวกเขาไปขโมยของ แต่กลับขโมยมาได้เพียงกล่องเปล่า ๆ!”

ทำไมซูหวานหว่านถึงรู้จักคนในตลาดมืดได้! นางจะต้องรู้ความจริงอย่างแน่นอน! จู่ ๆ คุณชายถังก็ถึงกับหน้าซีด เช่นนี้เขาจะทำการค้าร่วมกับซูหวานหว่านได้อย่างไรกัน! มือของคุณชายถังสั่นสะท้าน และเขาก็พูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “ข้ามีบางอย่างต้องทำ เช่นนั้นแล้วขอคงต้องตัว โปรดอย่าถือสาข้าเลย”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ทุกคนต่างเดาเอาไว้ได้ว่าเรื่องที่ซูหวานหว่านพูดมามันคือความจริงอย่างแน่นอน และทำให้พวกเขาเสียความรู้สึกกับตระกูลถังมาก

ทันทีที่คุณชายถังเดินออกไปแล้ว ซูหวานหว่านเริ่มเจรจารายละเอียด หากรวบรวมเงินลงทุนแล้ว นางได้เงินมาประมาณห้าแสนตำลึง!

คะแนนในมิติฟาร์มเพิ่มขึ้นในทันใด ซูหวานหว่านถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก มิติฟาร์มหักคะแนนหนึ่งล้านคะแนนไปรักษาจิตวิญญาณของหลิงเชอเอาไว้ หลังจากนั้น นางก็เหลือคะแนนเพียงสองหมื่นคะแนน ซูหวานหว่านไม่สนใจอะไรในมิติฟาร์มอีก นางกำลังคิดหาข้ออ้างเพื่อหยุดการแข่งขันต่อในวันนี้ แล้วจู่ ๆ ก็มีคนวิ่งเข้ามาพูดว่า “คุณหนู มีคุณชายที่ไหนที่ไม่ได้รับเชิญจะบุกเข้ามาและเขาก็บอกว่า…ท่านจะต้องรับผิดชอบ!”

[1] สามคนกลายเป็นเสือ กล่าวคือคนสามคนที่ทยอยพูดเรื่องเดียวกันให้คนคนหนึ่งฟัง คนที่ถูกพูดกรอกหูซ้ำๆ ย่อมจะคล้อยตามคนพูดได้ ก็จะทำให้ข่าวลือ หรือเรื่องเท็จกลายเป็นเรื่องจริง รายละเอียดดูตัวอย่างจากนิทานสุภาษิตนี้