ตอนที่ 291 พบเจอศัตรูเก่า
ตอนที่ 291 พบเจอศัตรูเก่า

“เขาคนนั้นคือใครกัน?” ซูหวานหว่านก็เอ่ยถามออกมา

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันขอรับ” คนใช้ส่ายหัว

“เขาจะให้ข้ารับผิดชอบสิ่งใด?” ซูหวานหว่านถามออกมาอีกครั้งด้วยความงุนงง

คนรับใช้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เขาบอกว่าท่านจะต้อง…รับผิดชอบเขา”

ซูหวานหว่านขบคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ใครกันถึงกล้ามาพูดแบบนี้ หญิงสาวคิดเรื่องนี้อย่างหนักก่อนลุกขึ้นยืนและเดินออกไปทันทีพร้อมกับพูดว่า “ไปกันเถอะ ไปเสียให้รู้ว่าเรื่องราวเป็นยังไงกันแน่”

คนรับใช้เดินตามหลังซูหวานหว่านออกไปทันที ทำให้คนที่ยื่นอยู่บริเวณรอบ ๆ เดินตามไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

เมื่อซูหวานหว่านเดินไปถึง ก็พบกลุ่มคนจำนวนหนึ่งกำลังยืนออกันเป็นวงโดยไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น หากแต่นางก็ได้ยินเสียงร้องโอดโอยของผู้ชายคนหนึ่งดังออกมาจากในวงล้อม เสียงของเขาดูคุ้นหูอย่างบอกไม่ถูก

หากแต่นางก็ยังไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด ซูหวานหว่านจึงเอ่ยออกมาว่า “หยุดเดี๋ยวนี้!”

เมื่อได้ยินคำพูดของซูหวานหว่าน ทุกคนที่ยืนมุงดูอยู่ก็หลีกทางให้กับนางทันที หญิงสาวเดินแหวกฝูงชนเข้าไป ก็พบกับชายสองคน คนหนึ่งนอนอยู่ที่พื้นและอีกคนกำลังจะเตะคนที่นอนอยู่

แน่นอนว่าทั้งสองเป็นคนที่ซูหวานหว่านรู้จักเป็นอย่างดี

นั่นคือเป่ยฉวยเฟิงหลิว และอีกคนก็คือเจียงเส้าปัง! และคนที่กำลังถูกกระทำอยู่คือเจียงเส้าปัง!ก่อนซูหวานหว่านจะสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น นางก็ได้ยินเสียงเจียงเส้าปังตะโกนออกมาว่า “ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด! รีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้! คุณหนูจ้าวเป็นน้องเมียข้า! นางเป็นคนโหดเหี้ยม และนางก็ทำให้ตรงนั้นของข้าใช้การไม่ได้! และการที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อให้นางมารับผิดชอบข้า!”

ทุกสายตาหันขวับไปทางซูหวานหว่าน และเมื่อเห็นหญิงสาวยังนิ่งเฉย พวกเขาก็รู้สึกแปลกใจมากขึ้นกว่าเดิม แน่นอนว่าสิ่งที่เจียงเส้าปังพูดมามันอาจจะมีส่วนถูก แต่เป็นเพราะกลัวซูหวานหว่านลงไม้ลงมือ พวกเขาจึงไม่กล้าเอ่ยปากเสนอความเห็นอะไร

ปากซูหวานหว่านกระตุกเยาะเย้ย แต่ก่อนที่นางจะลงมือสั่งสอนเขาอีกครั้ง เจียงเส้าปังก็ถูกเป่ยฉวนเฟิงหลิวเตะก้นอย่างแรง ทำให้เขาตะโกนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด!

ทันใดนั้น ก็มีหญิงคนหนึ่งวิ่งออกมาจากฝูงชนเข้าไปสวมกอดเส้าปังพร้อมกับร้องไห้สะอื้นออกมา “พวกเจ้าทุกคนอาจจะยังไม่รู้ ข้าซูฉิงฉิงเป็นพี่สาวของนาง และนางก็ทำให้เจียงเส้าปังเป็นหมัน ทำให้ตอนนี้ตระกูลเจียงของเราไม่ผู้สืบทอดวงศ์ตระกูล นางจะต้องจ่ายเงินชดเชยมาหนึ่งล้านตำลึง!”

หลังจากได้ยินแบบนี้ ซูหวานหว่านก็รับรู้ได้ทันทีว่าพวกเขาสองคนมาที่นี่ก็เพราะอะไร

ซูหวานหว่านก้มลงมองทั้งสองคนด้วยแววตาเย็นชา และก็ต้องพบกับสายตาเย้ยหยันของซูฉิงฉิงที่แสร้งทำเป็นร้องไห้ และนางก็ถามออกมาว่า “ซูหวานหว่าน เจ้ากล้าสาบานกับสรรค์หรือไม่ว่าเรื่องที่ข้าพูดไม่ใช่เรื่องจริง?”

“แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องโกหก” ซูหวานหว่านตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา หญิงสาวเอื้อมมือไปบีบคางอีกฝ่ายเบา ๆ “เป็นอะไรไป เจ้าอยู่ที่เมืองโจวไม่ดีหรืออย่างไร ถึงต้องดิ้นรนมาถึงที่นี่? เจ้าหวังจะมาสูบเลือดสูบเนื้อข้าใช่หรือไม่?”

“น้องสาวที่แสนดีของข้า สิ่งที่เจ้าพูดมา…” ซูฉิงฉิงเอ่ยเบา ๆ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินออกมา คิดจะใช้คำพูดที่น่าสงสารเรียกร้องความสนใจจากทุกคนอีกครั้ง หากแต่ซูหวานหว่านก็ออกแรงบีบคางของซูฉิงฉิงอีกครั้ง ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นรุนแรงเสียจนนางส่งเสียงร้องออกมา

“ข้าไม่ได้ถามเจ้าว่ามาที่นี่ทำไม แต่ข้าถามว่า…ใครเป็นคนสั่งให้เจ้ามาหาเรื่องข้า แล้วพวกเจ้ามีจุดประสงค์อะไร?” หญิงสาวพร้อมสะบัดมือออกจากของนางอย่างแรง ทำให้ร่างของซูฉิงฉิงล้มลง จนทุกคนที่ยืนอยู่หัวเราะออกมากับภาพดังกล่าว

ซูฉิงฉิงรีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนด้วยความอับอายหากแต่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา เพราะนางเจ็บกรามมาก เจียงเส้าปังจ้องไปที่ซูฉิงฉิงเงียบ ๆ เขาอยากจะพูดบางสิ่งออกมา แต่เมื่อเห็นเป่ยฉวนเฟิงหลิวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ทั้งคู่ก็ทำได้แค่นั่งกอดคอกันร้องไห้เงียบ ๆ

ซูหวานหว่านเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดสองคนนี้ถึงได้มาปรากฏตัวที่นี่ อีกทั้งยังมาทำลายชื่อเสียงของนางอีก! หรือว่าพวกเขาไม่ต้องการให้นางหาสามีที่ดีได้อย่างงั้นเหรอ ซูหวานหว่านครุ่นคิดอย่างสงสัย

เมื่อเห็นว่าท่าทางเริ่มไม่ดีแม่จ้าวจึงเดินมาถามข่าวคราว แล้วสั่งให้คนใช้พาตัวของเจียงเส้าปังและซูฉิงฉิงไปพักผ่อนที่บ้านของนางก่อน

แต่เมื่อพอพวกเขาทั้งสองเขาไปในห้องแล้ว คนใช้ก็ลงกลอนประตูจากนอกห้อง!

เวลานี้ชายหนุ่มในชุดสีฟ้าท่ามกลางฝูงชนก็กระตุกยิ้มเยาะเย้นและกล่าวออกมาว่า “ดูเหมือนว่าเรื่องนี้ซูฉิงฉิงจะถูกนางจัดการไปได้อย่างง่ายดาย เช่นนั้นแล้วเรามาดำเนินตามแผนเดิมกันเถอะ”

คนรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ พยักหน้าทันที และเริ่มลงมือแผนต่อไปทันที

จากนั้นก็มีเสียงคนตะโกนดังมาจากกลุ่มฝูงชน “คุณหนูจ้าว! วันนี้เป็นการแข่งขันรอบรองชนะเลิศ และถ้าผ่านรอบชิงชนะเลิศได้ก็จะได้แต่งงานเข้าบ้านตระกูลจ้าวใช่ไหม?”

“ใช่แล้ว” หัวใจของนางพลันรู้สึกว่างเปล่าขึ้นมาเมื่อนางได้ยินเสียงผู้ชายพูดขึ้นมาว่า “วันนี้ข้าไม่เห็นองค์ชายสามมาที่นี่ หรือว่าองค์ชายสามไม่ได้เข้ามาร่วมการแข่งขันกับเราในวันนี้?”

สำหรับเรื่องฉีเฉิงเฟิง นางได้คิดข้อแก้ต่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เพราะว่าวันนี้เพิ่งใช้การแข่งขันในรอบนี้มาเพื่อขายของ หากแต่นางกลับรู้สึกไม่กล้าสบตาทุกคน “ทุกคนการแข่งขันในรอบนี้คงจะต้องถูกเลื่อนออกไปก่อน ส่วนจะจัดอีกทีวันไหน ที่ไหน เวลาใดเดี๋ยวข้าจะแจ้งอีกครั้ง”

เมื่อได้ยินแบบนี้ทุกคนต่างตกใจ “คุณหนูจ้าว เจ้าไม่ได้ล้อพวกเราเล่นอยู่ใช่หรือไม่? คงไม่ใช่เพราะองค์ชายสามใช่ไหมที่ทำให้การแข่งขันครั้งนี้ถูกเลื่อนออกไป?”

“ใช่แล้ว” ซูหวานหว่านก็พยักหน้า มองสบตาไปยังชายคนนั้นที่เอ่ยถามออกมาอย่างไม่หวาดกลัว “ข้ารอองค์ชายสาม พวกเจ้ามีความคิดเห็นอย่างไร?”

ก่อนหน้านี้นางยังแสดงทางทีไม่ชอบฉีเฉิงเฟิงอยู่ เหตุใดวันนี้ถึงกลับมารอฉีเฉิงเฟิง ทุกคนที่ยืนอยู่ต่างรู้สึกงงงัน แต่เมื่อเมื่อนึกถึงข่าวลือเมื่อก่อนหน้านี้ของซูหวาานหว่านและฉีเฉิงเฟิง ทำให้พวกเขาไม่กล้าเอ่ยถึงฉีเฉิงเฟิงอีก มีหลายคนที่มาที่นี่เพราะต้องการเจอชายหนุ่ม และเมื่อเขาไม่มา พวกเขาก็ทยอยกันกลับไป

หากแต่ก็ยังคงมีบางคนดื้อรั้นเอ่ยออกมาว่า “คุณหนูจ้าว เจ้ากำลังล้อเล่นกับความรู้สึกของพวกเราอย่างงั้นรึ ต้องการให้เราสนับสนุนเจ้า หากการแข่งขันในวันนี้ไม่เกิดขึ้นชื่อเสียงของตระกลูป่นปี้แน่นอน!”

พวกเขากำลังตำหนินางอยู่งั้นเหรอ ซูหวานหว่านเลิกคิ้วขึ้น และหัวเราะออกมาดัง ๆ เมื่อเห็นว่าผู้ใดเป็นคนกล่าวออกมา นางเคยพบเจอชายคนนี้มาก่อน เพราะชายคนนี้ถูกนางปัดตกไปตั้งแต่รอบแรกแล้ว! ซูหวานหว่านยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “คำพูดของเจ้านี่มันช่าง…เจ้าผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศแล้วเหรอ มายุยงผู้อื่นเช่นนี้ทำไปเพื่ออะไร”

สีหน้าของชายคนนั้นแปรเปลี่ยนไปทันที หากแต่ยังเอ่ยคำพูดที่ดูหน้าด้านออกมาว่า “ข้าเข้ารอบรองชนะเลิศแล้ว! ข้า…ข้าชอบเจ้า! ข้าอยากแต่งงานเข้าบ้านตระกูลจ้าว!”

ช่างกล้า!

รอยยิ้มของซูหวานหว่านแข็งค้างขึ้นมา บังอาจมากที่กล้าพูดจาแบบนี้ หึ เขากินยาผิดหรืออย่างไร หญิงสาวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่!

ซูหวานหว่านรู้สึกขยะแขยงขึ้นมา เขามองดูอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา ทันใดนั้นเป่ยฉวนเฟิงหลิวก็เดินเข้ามาก่อนที่นางจะเอ่ยอะไรออกมา ชายคนก้าวถอยหลังไปเรื่อย ๆ อย่างร้อนรน แต่ก็ถูกเป่ยชวนเฟิงหลิวคว้าคอเอาไว้ “เจ้าลองพูดออกมาอีกครั้งสิ!”

“ข้าบอกว่าข้า ข้าชอบ…”

ก่อนที่ชายคนนั้นจะพูดจบเป่ยฉวนเฟิงหลิวก็ยกมือขึ้น จับชายคนนั้นเหวี่ยงออกไปแล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา ว่า “พูดอีกครั้งสิ”

ชายคนนั้นตัวสั่นสะท้าน และไม่เอ่ยอะไรออกมาอีก

ถัดมาก็มีคนในกลุ่มฝูงชนยกมือขึ้น และเอ่ยปลุกระดมคนอื่น “คุณหนูจ้าว! เจ้าทำเช่นนี้ไม่ถือว่าเป็นการดูถูกพวกเราเกินไปหน่อยหรือ เจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่ เจ้าบอกให้พวกเรามาที่นี่ แล้วก็สั่งให้พวกเรากลับไป เจ้าคิดว่าพวกเราเป็นของเล่นหรืออย่างไร ที่จะเรียกมาตอนไหนก็ได้!”

“ใช่แล้ว! วันนี้เจ้าจะต้องจัดการแข่งขึ้น! ไม่เช่นนั้นแล้วเจ้าจะเหมาะกับความรักของชายที่รักเจ้าได้อย่างไร!”

“…”

รักงั้นเหรอ ความรู้สึกรังเกียจเกิดขึ้นในใจนางอย่างอธิบายไม่ได้ นางได้มีผู้สมัครชิงชนะเลิศอยู่ภายในใจแล้ว ดังนั้นนางจึงพูดออกมาว่า “ข้ารักองค์ชายสาม โปรดอย่าทำให้ข้าหนักใจเลย!”

“ในเมื่อพวกเจ้าทั้งสองคนรักกัน ทำไมจะต้องจัดการแข่งขันขึ้นมาเพื่อหลอกลวงพวกเราด้วย?”

“นั่นสิ!”

“…”

ทุกคนต่างส่งเสียงร้องโหออกมา มีบางคนโกรธจนถึงขั้นปาข้าวของใส่ซูหวานหว่าน

เมื่อนางเงยหน้าขึ้นก็เห็นก้อนกรวด ขนมต่าง ๆ กำลังลอยมาทางนาง!

หลังจากนั้น ขนมชิ้นนั้นก็ได้ตกลงบนพื้น ซูหวานหว่านพลันรู้สึกถึงความอบอุ่นจากการถูกสวมกอด และน้ำเสียงข้างหูก็ดูคุ้นมาก “ดูเหมือนว่าพวกเจ้านั้นจะไม่เห็นแก่หน้าข้า!”