ตอนที่ 292 บททดสอบของเขา
ตอนที่ 292 บททดสอบของเขา

หื้อ?

จะมีผู้ใดกล้าพูดจาเช่นนี้นอกจากฉีเฉิงเฟิง?

ทุกคนหยุดการกระทำของตนเอง แน่นอนว่าฉีเฉิงเฟิงคงยืนอยู่ที่เดิม และกอดซูหวานหว่านเอาไว้ในอ้อมแขน!

ฉีเฉิงเฟิงก้มศีรษะลงเอ่ยกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูของซูหวานหว่าน “สาวน้อย ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะกล้าพูดต่อหน้าทุกคนว่าเจ้ารอข้า ช่างเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริง ๆ”

“ข้าไม่ได้พูดเสียหน่อย!” ซูหวานหว่านเถียงด้วยความเขินอาย จ้องมองไปที่ฉีเฉิงเฟิง และกล่าวถามออกมาว่า “เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร? เจ้าไม่ได้บอกว่าจะไปฉีเป่ยหรอกหรือ?”

“การแข่งขันรอบต่อไปมาถึงแล้ว ข้าจะไปได้อย่างไรกัน มีผู้ชายมากมายที่อยากจะแต่งงานกับเจ้า ข้าคงไปไหนไม่ได้หรอก” ฉีเฉิงเฟิงเอ่ยพูดออกมาแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองทุกคนทันที ใบหน้าที่เดิมทีเต็มไปด้วยความอ่อนโยนพลันเปลี่ยนไปทันที “ทุกคนการแข่งขันจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า หวังว่าทุกคนจะไม่ออมมือให้ข้า! สู้ให้เต็มที่”

“…”

ทุกคนต่างมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง ความขลาดกลัวได้เกิดขึ้นในใจหลายคน พวกเขานั้นจะกล้าสู้ฉีเฉิงเฟิงได้อย่างไรกัน!

อย่างไรก็ตามมีหลายคนได้ขอถอนตัวออกจากการแข่งขันนี้ทันที ชายชุดดำที่ยืนอยู่ในกลุ่มฝูงชน เดินออกมาแล้วบอกคนใช้ว่า “ไปนำตัวเจียงเส้าปังและซู่ฉิงฉิงออกมา!”

เอ่ยจบเขาคนนั้นก็เดินออกไปทันที พร้อมทั้งมีผู้ติดตามเดินออกไปด้วย

ในตอนนี้มีคนขอถอนตัวออกไปจำนวนมาก และดูเหมือนจะเหลือเพียงสามร้อยคนเท่านั้นที่ยังอยู่

ซูหวานหว่านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และประกาศกฎการแข่งขันออกมา และสั่งให้ทุกคนวาดรูปหากแต่ก็ยังมีคนคอยมาสร้างปัญหาอยู่เรื่อย ซึ่งทำให้ซูหวานหว่านรู้สึกแปลกมาก แต่นางทำอะไรไม่ถูก เพราะคนที่สร้างปัญหาในครั้งนี้กลับเป็นเป่ยฉวนเฟิงหลิว!

“ข้าไม่สนใจอะไรทั้ง ข้าแค่อยากเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ด้วย” เป่ยฉวนเฟิงหลิวพูดและค่อย ๆ ก้าวเท้าเดินไปที่แท่นการแข่งขัน ราวกับว่าถ้าไม่ให้เขาเข้าร่วม เขาก็จะยืนอยู่ที่นี่จนกว่าจะซูหวานหว่าน สีหน้าของฉีเฉิงเฟิงพลันเปลี่ยนไป

“คุณชายเป่ยฉวน เจ้านั้นรู้หรือไม่ว่าผู้ชนะจะได้อะไร?” ฉีเฉิงเฟิงเอ่ยออกมาอย่างเฉยเมย

“ทำไมข้าจะไม่รู้ล่ะ?” เป่ยฉวนเฟิงหลิวสบตาฉีเฉิงเฟิงทันทีด้วยแววตายั่วโมโหพร้อมกับเอ่ยขึ้นมาว่า “องค์ชายสามเมื่อเทียบท่านกับข้าแล้ว ข้าคิดว่าตัวเองเหมาะสมกับคุณหนูจ้าวมากกว่าท่าน! หากท่านยังมีสติที่ดีอยู่ก็ควรที่จะถอยออกไปให้ห่าง ๆ จะดีกว่า!”

เหตุใดคำพูดของเป่ยฉวนเฟิงถึงได้ดูดุดันเช่นนี้? ซูหวานหว่านก็รู้สึกประหลาดใจ และเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเบา ๆ ว่า “ศิษย์พี่ ฉีเฉิงเฟิง…”

“ฉีเฉิงเฟิงแล้วอย่างไร คุณหนูจ้าวอย่าพูดแทนเขาเลย การแข่งขันควรจะต้องยุติธรรม เจ้าไม่ควรให้สิทธิ์ใครเหนือกว่าใครนะ! ทำไมเรื่องแค่นี้เจ้าถึงไม่รู้?” เป่ยฉวนเฟิงหลิวเอ่ย แต่สายตากลับจ้องมองไปที่ฉีเฉิงเฟิงอย่างไม่ยอมแพ้ มันเหมือนกับเปลวเพลิงที่กำลังแผดเผาไปด้วยความโกรธ

ทำไมถึงรู้สึกว่าเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นเป็นเพราะนาง! ซูหวานหว่านรู้สึกงุนงง นางกำลังจะเอ่ยขอให้เป่ยฉวนเฟิงหลิวออกไป หากแต่นางก็ไม่รู้จะเอ่ยอย่างไรดี ทันใดนั้นนางก็นึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาในหัวของตัวเองได้ เป่ยฉวนเฟิงหลิวกำลังจะสื่อถึงอะไรกันแน่?

ความคิดนี้ลอยเข้ามาในหัวของ และนางก็อดไม่ได้ที่จะสั่นไหวกับความคิดอันน่ากลัวนี้! นางกับเป่ยฉวนเฟิงหลิวไม่มีความรู้สึกอะไรต่อกันนอกจากความเป็นพี่น้องกัน!

ในตอนนี้ฉีเฉิงเฟิงกับเป่ยฉวนเฟิงหลิวกำลังยืนประชันหน้าหน้ากัน และพวกเขาดูเหมือนคู่แข่งที่เหมาะสมกันมาก ทุกคนต่างยื่นมองดูด้วยความประหลาดใจ และก็ส่งเสียงเร่งเร้าออกมาว่า “คุณหนูจ้าว! คุณชายเป่ยฉวนถือเป็นที่คนที่ชื่นชอบในตัวท่านมาก เขาเป็นคนอบอุ่น และฐานะของเขาก็ไม่ธรรมดา เหตุใดถึงไม่ให้เขาเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้!”

“ใช่แล้ว! คนดีอย่างคุณชายเป่ยฉวนจะไปหาจากที่ใดได้อีก”

“…”

คำพูดเหล่านี้ทับซ้อนกับความคิดในใจของนางมาก และหญิงสาวก็ไม่รู้ว่าเป่ยฉวนเฟิงหลิวคิดอย่างไรกับตนเอง ทำให้นางตบตีกับความคิดของตัวเองอยู่ในใจ

ซูหวานหว่านหันไปมองสบตาฉีเฉิงเฟิง เมื่อเห็นฉีเฉิงเฟิงพยักหน้านางก็ตอบตกลงทันที ทันใดนั้นนางก็ภาพทิวทัศน์ที่นางเคยเห็นในหมู่บ้านก่อนหน้านี้แล้วนางก็นึกไปถึงภาพวาดทิวทัศน์ที่นางเคยเห็นในหมู่บ้านมาก่อนหน้านี้ ที่ฉีเฉิงเฟิงได้เป็นคนวาดภาพนั้นขึ้นมา เพราะว่าฝีมือการวาดภาพของเขาเยี่ยมยอดมาก นางจึงให้การแข่งขันในรอบนี้เป็นการแข่งขันวาดภาพ

เมื่อนึกถึงภาพที่เป่ยฉวนเฟิงหลิวเคยวาด ซูหวานหว่านจึงคิดว่าฝีมือการวาดภาพของเขาคงเทียบกับฉีเฉิงเฟิงไม่ได้อย่างแน่นอน และแน่นอนว่าเรื่องนี้จะช่วยกำจัดเป่ยฉวนเฟิงหลิวให้ตกรอบได้อย่างแน่นอน

แต่ว่าใครจะไปคิดว่าฝีมือการวาดภาพของเป่ยฉวนเฟิงหลิวนั้นจะยอดเยี่ยมมากขนาดนี้ ฝีมือของเขากับฉีเฉิงเฟิงถือว่าอยู่ในระดับเดียวกันได้เลย

ทั้งสองนั่งวาดภาพตรงข้ามกันในสวน และซูหวานหว่านรู้สึกว่าการแข่งขันในครั้งนี้จะดุเดือดมากเลยทีเดียว

คนที่ไม่เคยเห็นฝีมือการวาดภาพของเป่ยฉวนเฟิงหลิวก็จ้องมองดูอย่างใจจดใจจ่อ ถึงแม้ว่าภาพชิ้นนี้จะไม่ใช่ภาพวาดชิ้นเอก แต่พอมองไปที่ภาพวาดของเขาแล้วก็พบว่าเขาวาดผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ริมสระน้ำในป่าลึก พร้อมขาที่หักด้ามเอาไว้ด้วยไม้ และยังมีนกกลุ่มหนึ่งกำลังบนออกจากรัง

ทุกคนที่จ้องมองดูภาพนั้นอยากใจจดใจจ่อ จนกระทั่งรู้สึกถึงความเหงาและความโดดเดี่ยวของชายหนุ่มในภาพ พวกเขาต่างรู้สึกแปลกใจกับความรู้สึกนี้ “ข้าคิดว่าคุณชายเป่ยฉวนคนนี้อาจจะชนะองค์ชายสาม!”

“ข้าก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน!”

“…”

ฉีเฉิงเฟิงที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้เขาก็ยังถือพู่กันจีนและวาดรูปต่อไป บนกระดาษที่เขาวาดปรากฏภาพเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ใส่ชุดซอมซ่อ เต็มไปด้วยรอยปะ กำลังเก็บดอกไม้อยู่บนภูเขา ข้างกายมีตะกร้าไม้ไผ่ที่เก่า ๆ พัง ๆ ใบหน้าเผยรอยยิ้มอันสดใสชวนให้ผู้คนหลงใหล

แต่ไม่ว่าอย่างไรทุกคนก็รู้สึกว่าฝีมือการวาดภาพของฉีเฉิงเฟิงไม่ดีเทียบเท่าเมื่อก่อน และฝีมือไม่เทียบเท่าเป่ยฉวนเฟิงหลิว!

แต่ก่อนที่จะประกาศคำตัดสินเป่ยฉวนเฟิงหลิวก็กล่าวว่า “ข้าขอถอนตัว เขาชนะแล้ว”

ทุกคนต่างตกตะลึง เพราะเป่ยฉวนเฟิงหลิวเป็นคนเสนอตัวอยากจะเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้เอง เหตุใดถึงมาขอถอนตัวตอนนี้

แม้แต่ซูหวานหว่านเองก็ยังตกใจ และเกิดความรู้สึกผิดขึ้นในใจ เป็นไปได้หรือไม่ที่นางจะคิดผิดไปเองว่าเป่ยฉวนเฟิงหลิวมีความรู้สึกกับนางแบบชายหญิง

ซูหวานหว่านจ้องมองไปที่เป่ยฉวนเฟิงหลิว และก็ได้ยินเป่ยฉวนเฟิงพูดออกมาด้วยท่าทีนิ่งเฉย “ทักษะฝีมือการวาดภาพของฉีเฉิงเฟิงไม่เลวเลย! จากภาพวาดนี้มันทำให้ข้าเห็นแล้วว่าเขารักศิษย์น้องของข้าด้วยใจจริง เอาล่ะ ดังนั้นข้าจะไม่ทำให้เขารู้สึกลำบากใจ และจะไม่ทำให้ศิษย์น้องของตัวเองลำบากไปด้วย”

ทุกคนต่างตกใจอีกครั้ง เมื่อรู้ว่าซูหวานหว่านและเป่ยฉวนเฟิงหลิวนั้นเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน!

ใบหน้าของซูหวานหว่านเผยรอยยิ้มออกมาทันที เมื่อมองไปยังภาพวาดของฉีเฉิงเฟิงวาดออกมา หากลองสังเกตเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็จะเห็นว่าฉีเฉิงเฟิงวาดรูปนางตอนที่นางอยู่ที่หมู่บ้านตระกูลฮวง

แน่นอนว่าภาพวาดนี้ฉีเฉิงเฟิงวาดมันออกมาจากความรู้สึกจริง ๆ และแน่นอนว่าเรื่องนี้อาจจะทำให้เขาได้คะแนนสูง แต่คิดดูการที่เขาว่าภาพนี้ออกมา ซูหวานหว่านก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง นางอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าที่ฉีเฉิงเฟิงวาดภาพนี้ออกมาเพื่อจะให้เป่ยชวนเฟิงหลิวดู!

หรือว่านี่จะเป็นบททดสอบที่เป่ยฉวนเฟิงหลิวคิดจะทดสอบฉีเฉิงเฟิงกัน! ซูหวานหว่านปาดเหงื่อของตนเอง และนึกไปถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของเป่ยฉวนเฟิงหลิวที่พูดออกมา นางก็รู้ทันทีว่า เป่ยฉวนเฟิงหลิวกำลังทดสอบกับฉีเฉิงเฟิงแทนนาง เช่นนี้นางทำให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาทันทีนางเดินเข้าไปหาเป่ยฉวนเฟิงหลิว ยื่นขนมให้นางพร้อมยิ้มออกมา “ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านได้วาดภาพอยู่นาน เช่นนั้นคงจะหิวแล้ว เจ้ากินขนมนี้เพื่อชดเชยพลังที่สูญเสียไปสิ”

เป่ยฉวนเฟิงหลิวกลอกตาไปมาแล้วพูดว่า “เมื่อครู่ใครชักสีหน้าใส่ข้า?”

“ไม่ใช่ข้าสักหน่อย!” ซูหวานหว่านยิ้มออกมาอย่างเขินอาย พร้อมกับความรู้สึกผิดมาก

เป่ยฉวนเฟิงหลิวกลอกตาไปมาอีกครั้ง แล้วกินขนมสองสามชิ้นพร้อมกับพูดคุยถึงเรื่องราวที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไร ไม่นานเขาก็ขอตัวกลับไปทำธุระ ก่อนที่เป่ยฉวนเฟิงหลิวได้จดอะไรบ้างอย่างลงไปบนกระดาษ และได้ยื่นมันนางก่อนออกไป พร้อมกับบอกว่าถ้ามีเรื่องอะไรให้เขาช่วยก็ไปหาเขาได้

ทันทีที่เป่ยฉวนเฟิงหลิวนั้นออกไป เรื่องต่าง ๆ ก็คลี่คลายลง

แน่นอนว่าผู้ชนะก็คือฉีเฉิงเฟิงอยู่แล้ว ส่วนคนอื่น ๆ ก็ไม่กล้าเอ่ยแย้งออกมา ทำให้เรื่องคลี่คลายไปอีกขั้น

เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง ฉีเฉิงเฟิงจึงพาซูหวานหว่านไปยังโรงเตี๊ยมที่อยู่ในเมืองเพื่อที่จะดื่มชา และทั้งสองคนก็สั่งอาหารมาสองสามจานแล้วเริ่มคุยกัน ทันใดนั้นมีชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับถือพระโองการไว้ในมือ เขาเผยรอยยิ้มแล้วพูดออกมาว่า “น้องสาม ทำไมเจ้าถึงมีความสุขมากขนาดนี้? ช้าชักจะสงสัยแล้วสิว่าเจ้าจะยังหัวเราะได้อีกหรือไม่เมื่อได้รับราชโองการจากฝ่าบาท!”

หลังจากนั้น ฉีเต๋อหลงก็เหลือบไปมองที่ซูหวานหว่านด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าคิดว่าพวกเจ้าทั้งสองคนคงจะยิ้มไม่ออกแน่!”