บทที่ 465 กระจกแห่งความมืด

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

บทที่ 465 กระจกแห่งความมืด โดย Ink Stone_Fantasy

หวังเป่าเล่อไม่สนใจชายหน้าเหลี่ยมที่กำลังหนี เนื่องจากรู้ดีว่าหนีอย่างไรก็ไม่มีวันพ้น สีหน้าของชายหนุ่มนิ่งขึงไม่เปลี่ยนแปลงขณะเอ่ยคำพูดออกมาอย่างแผ่วเบา ใบหน้าซากศพ!

ทันทีที่เอ่ยจบ หมอกหนาที่ปกคลุมทั่วบริเวณก็หมุนวนอย่างบ้าคลั่งพร้อมเสียงหวีดหวิว ก่อนระเบิดขึ้นอย่างฉับพลัน กระจายออกเป็นวงกว้างไปทั่วบริเวณ เผยให้เห็นผืนดินที่ก่อนหน้านี้บดบังไว้ด้วยทะเลหมอก

ทว่า… ผืนดินที่โผล่ออกมาให้เห็นนั้นไม่ใช่พื้นที่ที่เต็มไปด้วยสุสานอีกต่อไป หากแต่เป็นพื้นเรียบมันวับราวกระจก!

ขอบเขตของกระจกนั้นขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนตามชายหน้าเหลี่ยมที่กำลังเผ่นหนีทันในที่สุด สีหน้าของเขาอาบด้วยความกลัวจับขั้วหัวใจ ดวงตาแดงฉานจนกลายเป็นสีแดงเลือด

สัญชาตญาณบอกเขาว่า หากเขาติดอยู่ในกระจกนี้แล้วละก็ ชีวิต… คงจบสิ้นเป็นแน่แท้!

ดวงตาของผู้ฝึกตนหน้าเหลี่ยมวาบด้วยแววความบ้าคลั่ง เขาไม่ลังเลที่จะระเบิดเกล็ดของตนเองทิ้งในทันที

เสียงระเบิดดังออกมาจากร่างของชายหน้าเหลี่ยมต่อเนื่องเหมือนประทัด ระเบิดแต่ละครั้งมาพร้อมเกล็ดที่แตกกระจุยกลายเป็นหมอกสีเลือดที่พวยพุ่ง หมอกนั้นถูกดูดเข้าไปในร่างของเขา ผ่านตา หู จมูก และปาก ราวกับกำลังซึมซับเอาพลังชีวิตของตนเองเข้าไป ความเร็วในการหนีพุ่งสูงขึ้นอีก

ชายหน้าเหลี่ยมใช้ทุกอย่างที่มีในการหนีเหมือนคนเสียสติ แต่ก็ไร้ประโยชน์!

หากมองจากด้านบนจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า โลกใต้ดินในบริเวณนี้ทั้งหมดได้ราบเรียบกลายเป็นกระจกไปหมดแล้ว!

ไม่ใช่เพียงพื้นดินเท่านั้น แต่เป็นทุกหย่อมหญ้าเลยทีเดียวที่กลายสภาพเป็นกระจก ทั้งท้องฟ้าและผืนดินกลายเป็นผิวหน้าของกระจก ส่วนระยะทางระหว่างท้องฟ้ากับพื้นดินก็กลายเป็นกระจกหนา!

ผู้ฝึกตนหน้าเหลี่ยมที่กำลังตกใจกลัวพยายามหนีออกจากโลกกระจก แต่ไม่ว่าจะหนีไปทางใด ก็กลับเห็นร่างของตนสะท้อนกลับมาจึงหนีไปไหนไม่ได้ เป็นเพราะว่าเขา… ติดอยู่ในกับดักกระจกเสียแล้ว!

นี่คือพลังอำนาจที่หวังเป่าเล่อมี พลังอำนาจของวัตถุเวทแห่งความมืดที่ยังไม่สมบูรณ์ หลังจากที่เขาประทับตราวิญญาณวุธเรียบร้อย และรวมดวงวิญญาณทั้งสามดวงเข้ากับวงแหวนปราณของตน หวังเป่าเล่อก็สามารถเปลี่ยนโลกใต้ดินทั้งใบให้กลายเป็นโลกแห่งกระจกได้! กระจกนี้หน้าตาเหมือนกระจกแห่งความมืดที่หวังเป่าเล่อเคยใช้ฝึกวิชาใบหน้าซากศพในนิมิตมืด!

หวังเป่าเล่อยกมือขวาขึ้นชี้ไปที่ความมืดมิดไร้ก้นบึ้ง แสงสีดำพุ่งออกจากปลายนิ้วของเขา เจาะผ่านความมืด และตกกระทบบนกระจก ก่อนจะกลายเป็นปลายพู่กันที่ตวัดด้วยฝีแปรงแผ่วเบา!

เหมือนในนิมิตมืดที่หวังเป่าเล่อวาดใบหน้าในภพหน้าของดวงวิญญาณแต่ละดวง ฝีแปรงนั้นตวัดลงบนใบหน้าของผู้ฝึกตนหน้าเหลี่ยม ทำให้ร่างของเขาสั่นเทิ้ม ดวงตาเบิกโพลง เขารู้สึกได้ถึงพลังอำนาจที่รุนแรงแต่มองไม่เห็น ราวกับเป็นตัวแทนของชะตาชีวิตและกฎของสวรรค์และโลกที่จองจำเขาไว้ พลังยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใดที่ปุถุชนอย่างเขาต้านทานไม่ได้

ชายหน้าเหลี่ยมรู้สึกถึงลมที่กรรโชกผ่านหน้าพร้อมเสียงคำราม เมื่อลมนั้นพัดจากไป ดวงตาของเขาก็ไม่อยู่บนใบหน้าอีกต่อไป!

“ศิษย์พี่ ได้โปรด ไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด ฟังข้าก่อนเถิด ข้าอธิบายได้…” ชายผู้นั้นกรีดร้องเสียงหลงด้วยความหวาดกลัวจับจิต หัวใจแข็งเป็นน้ำแข็งด้วยความพรั่นพรึง ภาพที่เคยมองเห็นหายไปกลายเป็นความมืดดำสนิท ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาทำให้เขารู้ได้โดยสัญชาตญาณว่านี่เป็นการโจมตีจากตัวตนที่มองไม่เห็นภายในวัตถุเวทแห่งความมืด เขาจึงรีบร้องขอชีวิตในทันที

แต่ไม่ว่าจะอ้อนวอนเท่าใด พลังอำนาจเหนือโลกนี้ก็ไม่หยุดสำแดงเดช หวังเป่าเล่อตวัดพู่กันวาดอีกครั้งอย่างช่ำชอง จมูก หู และปากของชายหน้าเหลี่ยมหายวับไปในทันที ทิ้งให้เขาบื้อใบ้ พร้อมร่างกายที่สั่นเทิ้ม

ตอนนั้นเองเมื่อหวังเป่าเล่อตวัดพู่กันเป็นครั้งที่สาม ความเจ็บแปลบที่กรีดเข้าขั้วหัวใจและดวงวิญญาณก็ปรากฏขึ้นในดวงจิตของชายหน้าเหลี่ยม เขาร้องตะโกนไม่ได้ จึงทำให้เพียงเงียบขณะที่ร่างเขาถูกกระชากด้วยแรงมหาศาล ทำให้ร่างที่ผ่ายผอมอ่อนแอกลายเป็นร่างอ้วนกลมสมบูรณ์!

หวังเป่าเล่อบรรลุวิชาใบหน้าซากศพโดยสมบูรณ์ เขาเปลี่ยนรูปลักษณ์ของชายตรงหน้าไปอย่างสิ้นเชิงด้วยการสะบัดปลายพู่กันเพียงไม่กี่ครั้ง ร่างของชายผู้เคราะห์ร้ายกลายเป็นก้อนเนื้อบวมใหญ่ ใบหน้าราบเรียบไร้เครื่องหน้า เหมือนกระดานดำว่างเปล่าที่รอให้จรดปลายดินสอ

ทว่าเครื่องหน้าอ้วนกลมก็ปรากฏขึ้นบนกระดานดำในอึดใจต่อมาเมื่อหวังเป่าเล่อเริ่มลงมือวาด ทำให้ชายผู้เคราะห์ร้ายกลับมาส่งเสียงกรีดร้องได้อีกครั้ง เขามองเห็นแล้วว่าเกิดสิ่งใดขึ้นรอบตัวบ้าง

ชายหนุ่มรู้แล้วว่าประสบการณ์แห่งความเจ็บป่วยของตนเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น และไม่มีทีท่าว่าจะจบลงเร็วๆ นี้ เขาได้ยินเสียงพ่นลมด้วยความไม่พอใจ ก่อนเครื่องหน้าของตนจะหายไปอีกครั้ง มีใบหน้าใหม่เข้ามาแทนที่

แต่หวังเป่าเล่อเจ้าของปลายพู่กันก็ยังไม่พอใจอยู่ดี เขารู้สึกว่าตนเองวาดชายตรงหน้าออกมาหล่อเกินไป เขาโบกมืออีกครั้งเพื่อลบเครื่องหน้าออก และเริ่มต้นวาดใหม่อีกครั้ง หวังเป่าเล่อวาดอยู่หลายต่อหลายครั้ง ทุกครั้งชายหน้าเหลี่ยมต้องพบกับความรู้สึกเจ็บปวดชนิดกระชากวิญญาณ ในที่สุดเขาก็ไม่เหลือแรงกรีดร้องอีกต่อไป ร่างกายของเขาอ่อนแรง แววตาท่วมท้นด้วยความความพรั่นพรึงและสิ้นหวัง

“ข้าไม่ได้วาดมาสักพัก สนิมเกาะเสียแล้ว…” หวังเป่าเล่อพูดอย่างหัวเสีย เมื่อผลงานออกมาไม่ได้ดั่งใจหลายต่อหลายครั้ง เขายกมือขวาขึ้นโบกอีกครั้ง เสียงปริแตกดังออกมา พร้อมกระจกที่สลายลงด้วยแรงปะทะมหาศาล!

กระจกนั้นแตกละเอียด และร่างของชายหน้าเหลี่ยมที่ติดอยู่ข้างในก็สลายเป็นชิ้นๆ ไปเช่นกัน!

หลังจากที่ลองอยู่หลายต่อหลายครั้ง หวังเป่าเล่อก็ถอนใจด้วยความเสียดาย เขาเอื้อมมือไปในอากาศ จากนั้นกระเป๋าคลังเก็บของพร้อมเกล็ดที่เหลืออยู่ของชายหน้าเหลี่ยมก็ปรากฏขึ้นในมือ และหวังเป่าเล่อก็หายตัวไปพร้อมเรือสำปั้นที่อยู่ใต้เท้า

เมื่อชายหนุ่มจากไปเรียบร้อย โลกใต้ดินส่วนนี้ก็กลับเป็นปกติอีกครั้ง สุสานที่กระจายตัวอยู่ถ้วนทั่วคืนกลับสภาพเดิม ดวงจันทร์สีเลือดบนฟากฟ้าหายไป ทุกอย่างกลับคืนสภาพที่เคยเป็นในที่สุด!

ผู้ฝึกตนระดับจุติวิญญาณจากนอกโลกสามคนตายไปแล้วหนึ่ง!

ระหว่างนั้นที่ชั้นหนึ่งของโลกใต้ดิน ผู้ฝึกตนหน้าม้ากำลังเผ่นหนีด้วยสีหน้าหวาดกลัว ก่อนหน้านี้เขายังอยู่ที่ชั้นสองของโลกใต้ดิน พยายามทลายจุดที่บอบบางที่สุดของโลกนี้กับสหายเพื่อหาทางออก ต่อมาหัวศพผียักษ์ก็ผุดขึ้นมาจากพื้น กลืนกินเขาเข้าไปทั้งตัว

ขณะที่สายตาเริ่มพร่าเลือน เขาคิดว่าตนเองคงจบชีวิตลงเพียงเท่านี้แล้ว แต่เมื่อกลับมามองเห็นอีกครั้ง ชายหน้าม้าก็พบว่าตนเองถูกส่งมาที่ชั้นแรกของโลกใต้ดินเสียได้ ความคิดของเขาปนเปยุ่งเหยิงด้วยความสงสัยเคลือบแคลง ก่อนสรุปได้เช่นเดียวกับชายหน้าเหลี่ยมว่าตนคงเผลอไปโดนกับดักของโลกใต้ดินเข้าโดยไม่รู้ตัว

*ข้าต้องกลับไปรวมพลกับอีกสองคนที่เหลือให้เร็วที่สุด!*ชายหน้าม้ามีสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง เขารู้สึกว่ามีบางสิ่งเปลี่ยนไปในโลกใต้ดินแห่งนี้ แต่ก็ยังไม่ทราบว่าคือสิ่งใดกันแน่

เขาพยายามติดต่ออีกสองคนที่เหลือผ่านแหวนสื่อสาร แต่พยายามเท่าใดก็ทำไม่ได้เสียที เขาทำแม้กระทั่งใช้คัมภีร์เวทที่ใช้ติดต่อกันเองภายในมิติ แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับ นี่ยิ่งทำให้เขาตระหนกขึ้นไปอีก

*ข้าจะมามัวตามหาพวกนั้นไม่ได้ ต้องรีบพาตัวเองออกไปจากนรกนี่ให้เร็วที่สุด ข้าจะไปรอพวกนั้นข้างนอกก็แล้วกัน!*ชายหน้าม้าหายใจเข้าลึก ตัดสินใจเด็ดขาดได้ในที่สุด เขากำลังจะมุ่งหน้าหาทางออก แต่โลกใต้ดินที่เขาอยู่ก็แปรเปลี่ยนไปเสียก่อน!

หมู่เกาะมากมายที่สร้างจากกองกระดูกซึ่งกระจัดกระจายอยู่ทั่วทะเลวิญญาณเริ่มสั่นไหว ก่อนระเบิดพร้อมเสียงกึกก้องสะท้านฟ้า ชายหน้าม้าตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นล้นพ้น เขาเห็นกับตาตนเองว่ากระดูกมากมายลอยขึ้นไปบนฟ้าด้วยผลจากแรงระเบิดนั้น

ผืนฟ้าเต็มไปด้วยกระดูกมากมายนับไม่ถ้วน!

*นี่… นี่มัน…*ชายหน้าม้านิ่งอึ้งอยู่กับที่ สีหน้าอาบด้วยความตื่นตกใจ เมื่อเห็นกระดูกบนฟ้าเหล่านั้นเริ่มประกอบกันเป็นร่าง!

ในไม่กี่วินาที กระดูกนั้นก็ร่วมร่างกันเป็นนิ้วกระดูกผียักษ์ มันมีขนาดใหญ่มหึมาจนบดบังท้องฟ้าไปกว่าหนึ่งในสิบ เป็นภาพที่น่าสะพรึงอย่างยิ่ง!

นิ้วที่สองปรากฏขึ้นตามมา ต่อด้วยนิ้วที่สาม… จนกระทั่งท้ายที่สุดแล้วมีนิ้วห้านิ้วอยู่บนฟ้า กระดูกที่เหลือรวมร่างกันเพื่ออเชื่อมนิ้วทั้งห้าให้กลายเป็นฝ่ามือกระดูกยักษ์!

นิ้วกระดูกยักษ์ทั้งห้างอลงจนกลายเป็นกำปั้นที่บดบังท้องฟ้าจนมืดมิด… กำปั้นนั้นสร้างจากกระดูกล้วนๆ !

*อะไรกันนี่!*ชายหน้าม้าขนลุกด้วยความพรั่นพรึง เขารู้สึกได้ถึงไอของความตายที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ จึงรีบถอยหนีทันทีด้วยทุกวิธีที่สรรหามาได้ หัวใจเย็นเยียบด้วยความสยองขวัญสุดขีด!

แต่ยังไม่จบเพียงเท่านั้น ขณะที่ชายหน้าม้ากำลังหนีเอาชีวิตรอด ทะเลวิญญาณก็พลันปั่นป่วนบ้าคลั่ง ดวงวิญญาณมากมายนับไม่ถ้วนถาโถมเข้าใส่มือกระดูกยักษ์อย่างบ้าคลั่ง ห่อหุ้มมือนั้นเอาไว้ก่อนก่อร่างเป็นเลือดเนื้อ!

เมื่อดวงวิญญาณทั้งหลายหลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับมือกระดูกยักษ์ เนื้อหนังทั้งหลายก็ปรากฏออกมาด้วยความรวดเร็ว เลือดของมันเป็นสีดำ เนื้อเป็นสีเขียว และหนังก็เต็มไปด้วยผนึกสีเขียวเช่นกัน!

ภายในพริบตาเดียว มหาสมุทรวิญญาณก็เหือดแห้ง มือเขียวเป็นสิ่งเดียวที่โลกใต้ดินชั้นนี้เหลืออยู่ และกินพื้นที่ไปทั้งหมด!

หมัดยักษ์… พุ่งเข้าโจมตีชายหน้าม้า ผู้ที่ใบหน้าอาบด้วยความหวาดผวาจับขั้วหัวใจ!