ตอนที่ 266 เซอเจ๋อ

ทุกคนตื่นนอนแต่เช้า กินข้าวเช้า ก่อนจะขับรถไปยังที่ตั้งตามที่ระบุเอาไว้บนแผนที่

ตำบลเค่อเล่อตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอำเภอเฮ่อจาง เส้นทางเป็นถนนบนภูเขาที่ขรุขระ แต่เนื่องจากมีการพบซากโบราณสถานแคว้นเย่หลางที่ตำบลเค่อเล่อ จึงได้มีการสร้างทางหลวงขึ้นหนึ่งสาย ทางหลวงนี้มีเพียงสองเลนเท่านั้น แต่เพราะถนนมีรถใช้งานอยู่น้อยมาก รถจึงวิ่งได้อย่างคล่องตัว

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่า พวกหยางโปทั้งสี่คนก็ลงจากรถ พวกเขาได้มาถึงตำบลเค่อเล่อแล้ว

ที่ที่รถจอดอยู่ตรงข้ามกับประตูทางเข้าเทศบาลพอดี คนเฝ้าประตูคงจะคิดว่าเบื้องบนลงมาตรวจ จึงรีบเปิดประตู ก่อนจะมองมาทางทั้งสี่คน ” พวกคุณจะเข้ามาไหมครับ ? “

 

หยางโปลงจากรถ ก่อนจะหันมองไปรอบด้าน อาคารบ้านเรือนของที่นี่ค่อนข้างเตี้ย สิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดก็คือตึกขนาดเล็กสามชั้นของเทศบาลนั่นเอง พอได้ยินคนเฝ้าประตูถามอย่างคลุมเครือ หยางโปก็อดไม่ได้ที่จะโบกมือ ” พวกเราไม่เข้าไปหรอกครับ ขอบคุณครับ “

พูดจบ หยางโปก็ยื่นมือไปหาลัวย่าวหัวก่อนจะพูดว่า ” ขอบุหรี่ซองหนึ่ง “

เมื่อรับซองบุหรี่จงหัวที่ลัวย่าวหัวโยนมาแล้ว หยางโปก็เดินไปทางห้องคนเฝ้าประตู ก่อนที่เขาจะเอาบุหรี่ทั้งซองส่งให้คุณปู่ที่เฝ้าประตู ” ปู่ครับ ปู่รู้ทางไปหมู่บ้านชื่อสุ่ยไหมครับ ? “

ปู่คนเฝ้าประตูรับบุหรี่มา มองแวบหนึ่ง ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างออกมาทันที โชว์ฟันเหลืองเต็มปาก เขาเคยเห็นคนใหญ่คนโตในเมืองที่มาตรวจที่นี่สูบกัน ห่อหนึ่งราคาหกสิบหยวน ค่าจ้างของเขาเดือนหนึ่งได้แค่ห้าหกร้อยหยวนเท่านั้นเอง

 

” หมู่บ้านชื่อสุ่ยเหรอ พวกเธอขับรถไปทางตะวันตก จะมีถนนเส้นหนึ่งไปทางนั้น ใช้เวลาสองสามชั่วโมงก็ถึงแล้ว ” ปู่คนเฝ้าประตูกล่าว

หยางโปประหลาดใจ ” ปู่ครับ จากอำเภอมาเค่อเล่อพวกเราใช้เวลาแค่ชั่วโมงกว่า จากที่นี่ไปหมู่บ้านข้างหน้า ทำไมถึงได้นานขนาดนั้นล่ะ ? “

” เพราะเป็นหมู่บ้านชื่อสุ่ยไงล่ะ ! ” ภาษาจีนกลางของปู่คนเฝ้าประตูไม่ดีนัก คำพูดจึงไม่ค่อยชัด ” มีแค่ถนนของอำเภอถึงจะสร้างเอาไว้ดี ส่วนถนนเส้นนี้มันขรุขระ พอพวกเธอไปถึงแล้วก็จะรู้เอง “

หยางโปฟังแล้วก็เข้าใจความหมายของอีกฝ่าย จึงผงกศีรษะ

” พวกเธอจะไปหมู่บ้านชื่อสุ่ยกันทำไมเหรอ ? ” ปู่คนเฝ้าประตูถาม

 

หยางโปโบกมือไปมา ” พวกเราไปหาเพื่อนน่ะครับ “

ขณะที่พูด หยางโปก็เข้าไปนั่งในรถ ลัวย่าวหัวที่นั่งอยู่ที่นั่งคนขับก็หันมองมาทางหยางโป ” เมื่อกี้เขาบอกว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่นะ ฉันฟังไม่ถนัด “

” ต้องใช้เวลาสองสามชั่วโมง ” หยางโปบอก

” ห๊ะ ? สองสามชั่วโมง ! ” ลัวย่าวหัวตื่นตกใจขึ้นมาทันที จากเฮ่อจางมาเค่อเล่อ เป็นเขาที่ขับรถมาตลอดทาง ตอนนี้เขาก็รู้สึกล้าไปหมดแล้ว

หยางโปรีบพูดว่า ” เดี๋ยวฉันขับรถต่อเอง นายไปพักเถอะ “

 

พูดจบ หยางโปก็ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้พูดอะไรอีกเขาดึงลัวย่าวหัวออกไป ส่วนเขาก็เข้าไปนั่งที่ตำแหน่งคนขับ

รถก็เคลื่อนไปทางทิศตะวันตก ผ่านตลาดที่ซื้อขายกันกลางแจ้ง ด้านในมีกลุ่มคนมารวมตัวกันอยู่ ดูแล้วคึกคักเป็นอย่างยิ่ง

” ตลาดเหรอ ? พวกเราลงไปดูกันหน่อยไหม ? ” ลัวย่าวหัวเอ่ยปาก

หยางโปที่กุมพวงมาลัยอยู่กลับไม่ได้หยุดรถ ” พอแล้ว รีบเดินทางกันต่อดีกว่า “

ไม่นาน รถก็มาถึงสุดเขตทางหลวง ถนนเปลี่ยนเป็นถนนลูกรัง ผิวถนนเดี๋ยวนูนเดี๋ยวเว้าไม่เรียบสม่ำเสมอ สภาพเป็นหลุมเป็นบ่อ หยางโปขับรถไม่เร็วนัก ทำให้ภายในรถเริ่มส่ายซ้ายส่ายขวาอย่างช่วยไม่ได้

 

นั่งอยู่ในรถก็เหมือนนั่งอยู่บนเรือ ทุกคนนั่งโคลงไปเอนมาไม่มั่นคง

ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ตาอ้วนหลิวก็ทนไม่ไหว เขากุมอก หันไปพูดกับหยางโปว่า ” ฉันไม่ไหวแล้ว ฉันเมารถแล้ว จอดรถแล้วให้ฉันไปขับแทนเถอะ “

หยางโปเหยียบเบรก ยังคงไม่รู้สึกรู้สาอะไร ” ยังโอเคอยู่นะครับ ผมขับรถได้นับว่ามือนิ่งมากเลยนะ “

” มือนิ่ง เธอมือนิ่งเกินไปแล้ว และขับช้าเกินไปแล้ว เพราะอย่างงั้นรถถึงได้โคลงเคลงมากไง พอเป็นอย่างนี้แล้ว สำหรับคนที่นั่งรถก็ถือว่าทรมาทรกรรมเกินไป ” ตาอ้วนหลิวกล่าว

ทั้งสองคนเปลี่ยนตำแหน่งกัน ไม่นานตาอ้วนหลิวก็คุมรถอย่างชำนิชำนาญ หยางโปได้ใบขับขี่มาไม่นาน ไม่มีทางจะรู้สึกว่าฝีมือการขับรถของตัวเองนั้นย่ำแย่ ตัวเองยังรู้สึกว่าขับได้ดี แต่ไม่คิดว่าหลูตงซิงจะพูดออกมาตรงๆ ว่า ” มือเก๋ายังดีกว่าอยู่ดี เทียบกับเมื่อกี้แล้วรู้สึกดีกว่าเยอะเลย “

 

พริบตาเดียวหยางโปก็ได้รับบาดแผลนับพัน นี่เป็นการโจมตีโดยไม่ให้เขาได้ตั้งตัวชัดๆ

ลัวย่าวหัวหัวเราะฮ่าฮ่าเสียงดังอย่างทนไม่ไหว

ในแผนที่ หมู่บ้านชื่อสุ่ยห่างจากตำบลเค่อเล่อไม่ไกลนัก เดิมทีหยางโปยังคิดว่าปู่คนเฝ้าประตูพูดเกินจริง แต่พอมาอยู่บนถนนจริงๆแล้ว เขาถึงได้พบว่า ปู่คนเฝ้าประตูยังนับว่าพูดออกมาไม่หมด

ขณะที่ระยะทางจากตำบลเค่อเล่อยิ่งไกลมากขึ้นเรื่อยๆ ถนนก็ยิ่งยากลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ตอนที่

หยางโปขับนั้น ก็ขับด้วยความเร็วสี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง ตาอ้วนหลิวคิดว่ามันช้ามาก ก็เลยเพิ่มความเร็วเป็นหกสิบกิโลเมตร แต่เพียงไม่นานก็ต้องลดความเร็วลงมา

 

หนทางยากลำบาก ตอนที่มาได้ถึงครึ่งทาง พวกเขาก็ต้องหยุดพัก ก่อนจะเปลี่ยนให้หยางโปมาขับอีกช่วงหนึ่ง รอจนพระอาทิตย์ขึ้นถึงกลางฟ้า ในที่สุดทุกคนก็เห็นหมู่บ้านชาวเขาแห่งหนึ่ง

หมู่บ้านที่ล้อมด้วยรั้วสี่ด้านตั้งอยู่กลางเนินเขา ทางบนเขาราบเรียบ รถเคลื่อนตามถนนที่คดเคี้ยวขึ้นไปทางด้านบน ขับไปได้ครึ่งทางก็ไม่สามารถไปต่อได้อีก จึงได้แต่ทิ้งรถแล้วปีนเขาขึ้นไป

ปีนมาได้ครึ่งเนิน ยังไม่ทันได้เข้าไปในหมู่บ้าน ทั้งสี่คนก็ถูกชายวัยกลางคนที่ร่างสวมชุดป่าคนหนึ่งขวางเอาไว้ เขาถลึงตามองมาทางทั้งสี่คน พลางดุด่าเสียงแสบแก้วหู

เพราะอีกฝ่ายใช้ภาษาของชนกลุ่มน้อย พวกหยางโปทั้งสี่คนจึงฟังไม่เข้าใจ

 

หลูตงซิงเดินขึ้นไปข้างหน้าก่อนจะกล่าวว่า ” สวัสดีครับ พวกเรามาจากปักกิ่ง อยากจะมาพบคนในครอบครัวของจื่อมู่ “

ชายวัยกลางคนถลึงตามองมา ก่อนจะใช้ภาษาจีนแปร่งๆ ถามว่า ” พวกเธอจะมาหาคนในครอบครัวจื่อมู่ทำไม ? “

” พวกเราเอาข่าวจื่อมู่มาแจ้งให้ทราบครับ ” หลูตงซิงบอก

” ห๊ะ? ข่าวของจื่อมู่ ? ” ชายวัยกลางคนอุทานอย่างตกใจขึ้นมาทันที เขาเดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วจับแขนของหลูตงซิงเอาไว้ ” พวกเธอเจอจื่อมู่ที่ปักกิ่งเหรอ ? ทำไมเขายังไม่กลับมา ? “

 

การกระทำของชายวัยกลางคนทำให้ทุกคนล้วนหน้าเปลี่ยนสี แต่พอได้ยินเขาพูดอย่างนี้ ทุกคนถึงระบายลมหายใจออกมาได้

” พวกเราอยากจะเจอคนในครอบครัวของจื่อมู่ ถึงจะบอกข่าวของจื่อมู่ให้คนในครอบครัวของจื่อมู่ทราบได้ ” หลูตงซิงบอก

” ฉันเซอเจ๋อเป็นพี่ชายของจื่อมู่ ! ” ชายวัยกลางคนกล่าว

ทุกคนมองตากันแวบหนึ่ง ต่างก็รู้สึกประหลาดใจ หลูตงซิงพูดขึ้นทันทีว่า

” คุณเซอเจ๋อ อายุของพวกคุณดู… “

 

ชายวัยกลางคนยิ้ม ” วันนี้ฉันเพิ่งสามสิบ จื่อมู่เป็นน้องชายคนที่สาม เขาฉลาดมาตั้งแต่เด็ก ก่อนจะไป เขายังโทรมาที่บ้านบอกให้พวกเราไม่ต้องกังวล บอกว่าอีกเดี๋ยวเขาก็จะรวยแล้ว ให้พวกเรารอเขา แล้วเขาจะมารับคนในบ้านไปอยู่ที่อำเภอ ! “

หยางโปมองเซอเจ๋ออย่างประหลาดใจ คนคนนี้หน้าดูแก่จริงๆ

หลูตงซิงพยักหน้า เขาเงยหน้ามองไปทางเซอเจ๋อ ” คุณเซอเจ๋อ เรื่องนี้ถ้าจะให้ดีไว้บอกคุณกับครอบครัวพร้อมกันจะดีกว่า “

สีหน้าเซอเจ๋อพลันเปลี่ยนไป เขาหันไปมองหลูตงซิง ” พวกเธอเป็นใคร ? “

 

” คุณเซอเจ๋อ พวกเราเพียงมาส่งข่าวเท่านั้น ” หลูตงซิงบอก

เซอเจ๋อมองมาที่พวกเขา เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็ยังพาพวกเขาไปที่หมู่บ้าน

ไม่นาน ทุกคนก็มาถึงหน้าบ้านซึ่งก่อด้วยหินก้อนใหญ่หลังหนึ่ง