ตอนที่ 267 เช็คอิน

ตั้งแต่ที่เข้ามาในหมู่บ้าน หยางโปก็สังเกตเห็นว่า บ้านเรือนในหมู่บ้านเกินกว่าครึ่งล้วนก่อมาจากหินก้อนใหญ่ บ้านจื่อมู่เองก็ไม่ได้ต่างจากที่คาดไว้ หินก้อนใหญ่ประเภทนี้ก็หาได้ในพื้นที่ สามารถใช้ได้อย่างสะดวกและรวดเร็วเป็นอย่างมาก

เมื่อเดินเข้าไปในลานบ้าน เซอเจ๋อก็รีบตะโกนว่า ” พ่อ แม่ พวกเขาบอกว่าจะเอาข่าวของจื่อมู่มาบอก ! “

ไม่นาน พ่อกับแม่ของเซอเจ๋อ รวมทั้งน้องชายน้องสาวคู่หนึ่งก็เดินออกมา แม่รีบมองไปทางพวกหยางโป

” จื่อมู่กลับมาแล้วเหรอ ? “

หยางโปรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ก็ได้คาดถึงสถานการณ์แบบนี้เอาไว้เหมือนกัน แต่เขาก็ยังรู้สึกยากที่จะเอ่ยปากบอกอยู่ดี

 

หลูตงซิงก้าวขึ้นมาด้านหน้าหนึ่งก้าว ใบหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจ ” ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ครับ พวกผมนำข่าวร้ายมาแจ้งพวกคุณ “

แม่รีบก้าวออกมา ” เกิดอะไรขึ้น ? จื่อมู่เขาเกิดเรื่องใช่ไหม ? “

หลูตงซิงพยักหน้า ” พวกจื่อมู่สามคนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ปักกิ่ง และโชคร้ายเสียชีวิตในที่เกิดเหตุครับ “

แม่สีหน้าซีดเผือด มือทั้งคู่กดไปที่หัวใจ ดูท่าทีเจ็บปวดรวดร้าวเป็นอย่างมาก

เซอเจ๋อรีบก้าวออกมาประคองแม่ ส่วนน้องชายน้องสาวของเขาก็ประคองพ่อ แม่ร้องไห้เสียงหลงอย่างเจ็บปวด

 

เซอเจ๋อรีบเอ่ยปากถามว่า ” ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้ ? จะเป็นไปได้ยังไง ? “

หลูตงซิงส่ายศีรษะ ” ผมคิดว่าพวกคุณน่าจะเตรียมใจไว้บ้างแล้วสินะครับ ? “

เซอเจ๋อเอ่ยปากถามว่า ” นายหมายความว่ายังไง ? “

” พวกเราซื้อของของจื่อมู่มา ตอนนี้เหมือนกับว่าพวกเรากำลังต้องคำสาปกันอยู่ เจอเคราะห์ร้ายไม่หยุดไม่หย่อน ผมไม่เชื่อว่าเมื่อก่อนพวกจื่อมู่จะไม่มีสภาพแบบเดียวกันกับพวกเราแน่ ? ” หลูตงซิงจ้องเซอเจ๋อพลางถาม

สีหน้าเซอเจ๋อดำคล้ำ ดวงตากลับเบิกกว้างขึ้นพริบตาหนึ่ง ครอบครัวจื่อมู่ต่างเบิกตาจ้องมองพวกเรา

เซอเจ๋อถามอย่างอดไม่ได้ว่า ” พวกคุณซื้อของของจื่อมู่ เลยเคราะห์ร้ายไม่หยุดไม่หย่อนอย่างงั้นเหรอ ? “

 

หลูตงซิงพยักหน้า ” ที่พวกเรามาที่หมู่บ้าน ก็เพื่อมาหาซูหนี พวกเราอยากจะพบเขาเพื่อที่พวกเราจะได้ขจัดเรื่องพวกนี้ออกไป ! “

ครอบครัวของเซอเจ๋อยังรู้สึกเจ็บปวดไม่หาย เซอเจ๋อจ้องมองหลูตงซิง ” จื่อมู่เขาตายยังไงกันแน่ ? “

” เป็นตอนที่พวกเขาขับรถตู้อยู่ ทั้งสามคนประสบอุบัติเหตุพร้อมกัน ถูกรถบรรทุกชนตาย ” หลูตงซิงอธิบาย

ใบหน้าเซอเจ๋อปรากฎความโศกเศร้า เขาหันไปมองพ่อแม่แวบหนึ่ง ก่อนจะมองไปทางพวกหยางโป

” ไป ฉันจะพาพวกเธอไปเจอซูหนีเอง “

พูดจบ เขาก็ตบเบาๆ ที่ไหล่น้องชาย น้องชายของเขาดูแล้วเป็นเด็กหนุ่มอายุสิบหกสิบเจ็ดปี ได้รับคำสั่งไร้เสียงจากเขาก็วิ่งออกไปอย่างรู้กัน พริบตาเดียวก็หายวับไป

 

ทั้งสี่คนมองตากันแวบหนึ่ง ล้วนต่างก็ประหลาดใจ ระหว่างพวกเขานั้นส่งท่าทีอย่างรู้กัน ทำให้ทุกคนคิดว่าเรื่องนี้พวกเขาเตรียมตัวกันมาก่อนแล้ว หรือแม้กระทั่งการที่พวกเขาอาจจะรู้เรื่องนี้มาก่อนแล้วก็เป็นไปได้อย่างมาก

หยางโปช้อนตามองไป เห็นแม่และพ่อของจื่อมู่ทั้งสองคนหยุดสะอึกสะอื้นแล้ว แม้จะดูแล้วยังคงปวดใจ แต่กลับรู้สึกเบาบางลงเป็นอย่างมาก

จากนั้นพวกเขาก็ตามเซอเจ๋อออกไปจากลานบ้าน ทั้งกลุ่มกำลังเดินอยู่ในหมู่บ้าน หยางโปเห็นได้ถึงความยากจนข้นแค้นของที่นี่ คนส่วนมากล้วนสวมชุดประจำเผ่าของเผ่าอี๋ แต่บรรดาหญิงสาวของที่นี่ที่ใส่เครื่องประดับเงินกลับมีอยู่น้อยมาก เสื้อผ้าเป็นแบบง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีบางคนที่เสื้อผ้ามีรอยปะชุน

 

เซอเจ๋อพาทั้งหมดเดินผ่านหมู่บ้าน คนในหมู่บ้านที่พบเห็นต่างก็มองมาอย่างสงสัยใคร่รู้ ไม่นานพวกเขาก็เดินเข้ามาในลานของบ้านที่อยู่กึ่งกลางหมู่บ้าน ลานบ้านนี้เทียบกับลานอื่นแล้วนับว่าใหญ่กว่าเล็กน้อย บ้านดูแล้วก็สูงกว่าเล็กน้อยเช่นกัน นอกจากเรื่องพวกนี้แล้วก็ไม่มีอะไรที่พิเศษอย่างอื่น

เซอเจ๋อเคาะประตู ไม่นานด้านในก็มีเสียงตอบกลับมา ” เชิญเข้ามา ! “

ทั้งกลุ่มเรียงแถวกันเข้าไปราวปลาว่ายตามกัน สิ่งที่ดึงดูดสายตาก็คือน้องชายของเซอเจ๋อที่พาวัยรุ่นหกเจ็ดคนมายืนอยู่กลางลานบ้าน ราวกับกำลังรอคอยคำสั่ง หยางโปถึงนึกขึ้นได้ เขาคิดว่าน้องชายของเซอเจ๋อเพียงมาแจ้งเรื่องให้ซูหนีทราบ ไหนเลยจะคาดว่าเขาจะวิ่งไปบอกวัยรุ่นคนอื่น นี่คงเพื่อรักษาความปลอดภัยของซูหนีสินะ

 

ไม่นาน ชายชราที่ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยก็เดินออกมาจากในบ้าน ศีรษะโพกผ้าสี่เหลี่ยม บนร่างของเขาสวมชุดสีขาวเรียบ ใช้ไม้เท้าก้าวเดินออกมาอย่างเชื่องช้า การก้าวเท้าเบาช้าแต่ทรงพลัง

เขาเดินออกมา ก่อนจะจ้องมองกลุ่มของหยางโป แล้วเบือนสายตาอย่างช้าๆ มองไปทางเซอเจ๋อ ” เป็นเรื่องของจื่อมู่ใช่ไหม ? “

เซอเจ๋อพยักหน้า กลางดวงตาปรากฏหยาดน้ำ ” ซูหนี จื่อมู่เขาจากไปแล้ว “

ซูหนีพยักหน้า ใบหน้าปรากฏความเศร้าโศก เขาหันศีรษะมองไปทางพวกหยางโป ” จื่อมู่เขาจากไปยังไง ? “

หลูตงซิงบรรยายเรื่องราวในวันนั้นอีกครั้ง แล้วเล่าเรื่องที่พวกตนกำลังถูกคำสาปเล่นงาน

 

พูดจบ หลูตงซิงก็มองซูหนี ” ท่านคือผู้ทราบเหตุการณ์ล่วงหน้าซึ่งรู้ทุกสรรพสิ่ง พวกผมอยากจะหลุดพ้นจากสภาพอย่างนี้ ไม่ทราบว่าจะต้องทำยังไงดี “

ซูหนีผงกศีรษะ ” ในเมื่อพวกคุณมาถึงที่นี่แล้ว ก็พูดได้ว่าได้แก้ปัญหานั้นแล้ว ไม่อย่างนั้นคงจะเดินทางกันมาไกลขนาดนี้ไม่ได้ “

” แต่ตอนนี้เป็นเพียงการบรรเทาให้เบาบางเท่านั้น พวกเรายังไม่มีวิธีที่จะแก้ไขได้อย่างแท้จริง ” หลูตงซิง

กล่าว

ซูหนียื่นมือออกมา ” แผนที่สมบัติคงอยู่ในมือพวกคุณใช่ไหม ? “

 

หยางโปลังเลเล็กน้อย แต่ยังล้วงแผนที่สมบัติออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะส่งให้ ถึงยังไงเช็คที่เขาจ่ายไปใบนั้นยังไม่ทันได้เอาไปขึ้นเงินก็กลายเป็นขี้เถ้าไปแล้ว แม้จะส่งแผนที่สมบัติคืนไป เขาเองก็ไม่ได้เสียเปรียบ

ซูหนีรับแผนที่สมบัติมา ก่อนจะอุทานเสียงเบา แล้วหันหน้ามองไปทางพวกหยางโป ” นี่เป็นของอัปมงคล ทุกคนที่ได้ถือหรือได้ดูแผนที่สมบัตินี้ ล้วนจะถูกสาป “

เป็นไปตามที่หยางโปคิด เขาไม่มีทางเชื่อพวกนี้อย่างเด็ดขาด แต่สำหรับครั้งนี้ เขาไม่อาจไม่เชื่อได้ เขามองซูหนี ” ซูหนีครับ แผนที่สมบัติแผ่นนี้ใช้อะไรวาดขึ้นมากันแน่ ทำไมถึงอยู่มาได้นานขนาดนี้ได้ ? “

ซูหนีมองมา ก่อนจะดูแผนที่สมบัติอีกครั้ง ” ใช้เลือดสัตว์ผสม แล้วยังใช้การวาดแบบพิเศษสร้างขึ้นมา “

 

ซูหนีตอบอย่างคลุมเครือ หยางโปเองก็ไม่อาจจะถามให้ละเอียดได้

” ซูหนี พวกเราต้องทำยังไงถึงจะหลุดไปจากสภาพอย่างนี้ได้ครับ ? ” ลัวย่าวหัวถามอย่างทนไม่ไหว

ซูหนีมองไปทางทั้งสี่คน ไม่เปิดปากเอ่ยวาจา เพียงแต่จ้องมองทั้งสี่คน

หยางโปยังไม่ทันได้มีท่าที ตาอ้วนหลิวก็เอ่ยปากว่า ” ซูหนี พวกเรายอมจ่ายเงินสองแสน และยังช่วยหมู่บ้านตั้งโรงเรียนประถมที่หนึ่งให้คุณว่ายังไง “

ซูหนีมองพวกเขา ใบหน้าปรากฏความตกตะลึง เขาไม่คิดว่าทั้งสี่คนนี้จะมือเติบอย่างนี้

” ได้ พรุ่งนี้ฉันจะทำพิธีให้พวกคุณ ” ซูหนีกล่าว พูดจบ เขาก็ใช้ไม้เท้าเดินเข้าไปในบ้านอย่างช้าๆ ไม่รีบร้อน ในบ้านนั้นมืดตื๋อ ดูแล้วเหมือนเป็นปากขนาดใหญ่ที่กำลังอ้ากว้าง เพื่อกลืนผู้คน

 

ด้านในมีเสียงที่ไม่เร่งไม่รีบของซูหนีดังออกมา ” เซอเจ๋อ พวกเธอมาจัดที่พักและอาหารให้พวกเขาซะ “

” ครับ ” เซอเจ๋อผงกศีรษะ

คนอื่นๆ ล้วนมองเซอเจ๋ออย่างอิจฉา

พวกหยางโปยังไม่รู้ว่าทุกคนหมายถึงอะไรกันแน่ รอจนพวกเขามาถึงบ้านของเซอเจ๋อ เมื่อได้เห็นที่พักแล้ว ต่างก็เปลี่ยนสีหน้า

เนื่องจากห้องข้างในที่เซอเจ๋อพาพวกเขาเข้ามานั้น อยู่ข้างบนเล้าหมู ที่สำคัญก็คือพื้นมีบางแห่งเป็นลายฉลุ ในห้องจึงสามารถได้กลิ่นเหม็นที่รุนแรงเข้มข้น และสามารถได้ยินเสียงหมูที่ดัง ” อู๊ด อู๊ด ” อยู่รอบๆ ได้อย่างชัดเจน