หลินฟานไม่รู้ว่าตอนนี้หลิวหยูหางกำลังคิดอะไรอยู่

เขาเทเหล้าให้โจวกั๋วเถาแก้วนึงแล้วพูดว่า “ท่านผู้อาวุโส เชิญดื่มได้เลย”

โจวกั๋วเถาก็ไม่เกรงใจ เขาหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาที่จมูกก่อนแล้วค่อยๆสูดดมกลิ่น

จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ เทมันเข้าปาก

ทันใดนั้น ใบหน้าของโจวกั๋วเถาก็เต็มไปด้วยความเพลิดเพลิน

“ใช่ รสชาตินี่แหละ ความเข้มข้นและกลมกล่อมนี่แหละ รสชาติที่ละเอียดอ่อน รสที่ค้างอยู่ในคอไม่รู้จบ! สมควรแล้วที่เป็นเหล้าเหมาไถในสมัยราชวงศ์ฮั่น!” โจวกั๋วเถาพูดจากใจจริง

หลินฟานพูดขึ้น “ดูเหมือนว่า…ผู้อาวุโสจะชอบมันมาก ยังมีเหล้าเหมาไถในสมัยราชวงศ์ฮั่น เหลืออยู่บ้าง ผมขอมอบให้คุณ”

“โอ้ น้องชาย นายจะเอาเหล้าให้ฉันงั้นหรอ”โจวกั๋วเถารู้สึกประหลาดใจ “นี่เป็นเหล้าเหมาไถในสมัยราชวงศ์ฮั่น แถมเป็นขวดสุดท้ายในโลก”

โจวกั๋วเถาเพิ่งสังเกตเห็นท่าทางหลินฟาน เขาพบว่าการดื่มของหลินฟานนั้นลื่นไหลและป็นธรรมชาติ และหลินฟานยังมีเหล้าเหมาไถในสมัยราชวงศ์ฮั่นอีกด้วย

เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นนักดื่มที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย

ชายชรารู้ดีว่า การที่นักดื่ม มอบเหล้าเหมาไถในสมัยราชวงศ์ฮั่นให้คนอื่น มันเจ็บปวดถึงเพียงใด มันคงเจ็บเหมือนกับการกรีดแขนของตัวเอง!

หลินฟานพูดต่อ “เหล้าเหมาไถในสมัยราชวงศ์ฮั่น มีความกลมกล่อม เข้มข้น และหลังจากผ่านกาลเวลามา มันทำให้เหล้าสมบูรณ์แบบเกือบทุกด้าน!”

“แต่ในบางครั้ง ความสมบูรณ์แบบก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะดีที่สุด บางครั้งส่วนประกอบเล็กๆน้อยๆ ก็ทำให้เหล้ามีระดับมากขึ้น”

“จากมุมมองนี้ ผมรู้สึกชอบเหมาไถหวู่ซิง และเหมาไถเฟยเทียนมากกว่า”

“ความจริงแล้ว ผมไม่ค่อยเชอบเหล้าเหมาไถในสมัยราชวงศ์ฮั่น ดังนั้นมันควรจะต้องไปอยู่กับผู้ที่ชื่นชอบมันมากกว่า”

หลังจากโจวกั๋วเถาได้ฟังคำพูดของหลินฟาน ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความซับซ้อน

เป็นเรื่องยากที่ชายหนุ่มในวัยยี่สิบกว่าปีจะมีความรู้เกี่ยวกับเหล้าได้ขนาดนี้

หลังจากนั้นไม่นาน โจวกั๋วเถาก็หัวเราะและพูดอย่างอารมณ์ดี “ถ้าพูดถึงขนาดนั้น ฉันไม่รับไว้ก็คงไม่ได้แล้ว”

เขาชะงักไปชั่วครู่แล้วพูดว่า “ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเองเลย ฉันชื่อโจวกั๋วเถา ถ้าน้องชายไม่ชอบ ก็เรียกฉันว่าปู่โจวเป็นไง?”

เมื่อสาวสวยที่ยืนอยู่ด้านข้างได้ยินคำพูดของโจวกั๋วเถา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจที่ไม่อาจปกปิดได้

เธอไม่ค่อยเห็นคุณปู่แนะนำตัวเองกับชายหนุ่ม และยังบอกให้เขาเรียกตัวเองว่าปู่โจว

แม้ว่าเหล้าเหมาไถในสมัยราชวงศ์ฮั่นจะมีราคาแพง

แต่อย่างไรก็ตาม คุณปู่ยังเคยได้รับของขวัญเป็นเหล้าจักรพรรดิที่เก่าแก่กว่าราชวงศ์ฮั่นมาก

และตอนนั้นคุณปู่ก็ไม่ได้พูดแนะนำแบบนี้

ชายหนุ่มคนนี้มีอะไรพิเศษกันแน่?

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะมองหลินฟานอีกครั้ง

“สวัสดีครับ ปู่โจว ผมชื่อหลินฟาน” หลินฟานพูด

“ดีแล้ว ฮาฮา!” โจวกั๋วเถาหัวเราะ

“กริ๊ง!”

ตอนนั้นเอง เสียงกริ่งก็ดังขึ้นในห้องอาหารซินเยว่

โจวกั๋วเถาพูดขึ้น “ดูเหมือนการประมูลกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ฉันคงต้องไปแล้วล่ะ หลินฟานแล้วพบกันใหม่นะ”

“แล้วเจอกันครับปู่โจว” หลินฟานพูด

หลิวหยูหางก็รีบพูด “ลาก่อน ผู้เฒ่าโจว”

หลังจากที่โจวกั๋วเถาและสาวสวยคนนั้นจากไป หลิวหยูหางก็อดพูดด้วยความอิจฉาไม่ได้ “พี่หลิน พี่สามารถเรียกเขาว่าปู่โจว!”

หลินฟานพูดเรียบๆ “เขาน่าจะอายุเกือบ 80 ใช่ไหม ก็ต้องเรียกว่าคุณปู่สิ จะให้เรียกอะไรล่ะ”

“พี่รู้รึเปล่าว่า ตระกูลโจวเป็นตระกูลอันดับต้น ๆ ของประเทศจีนได้ ก็เป็นเพราะผู้เฒ่าโจว! ถ้าคนอื่นรู้ว่าพี่เรียกเขาว่าปู่โจว พวกเขาอาจจะตายด้วยความอิจฉา!” หลิวหยูหางพูดอย่างตื่นเต้น

หลินฟานอดไม่ได้ที่จะยิ้มและเหลือบมองหลิวหยูหาง

หลิวหยูหางเริ่มเทน้ำเปล่าลงไปในเหยือก แล้วเขาก็ยกเหยือกขึ้นดื่ม

หลินฟานสงสัยว่า: “นายกำลังทำอะไรอยู่?”

“นี่เป็นเหล้าเหมาไถในสมัยราชวงศ์ฮั่นขวดสุดท้ายในโลก ผมไม่อยากให้มันต้องสูญเปล่า!” หลิวหยูหางตอบ

หลินฟาน:…

ในอีกห้องนึง

สาวงามได้เทน้ำชาให้โจวกั๋วเถา เธออดไม่ได้ที่จะถาม“คุณปู่ ทำไมคุณถึงอยากสนิทกับชายที่ชื่อหลินฟานจัง”

โจวกั๋วเถาจิบชาก่อนจะตอบ “ชายคนนี้ช่างดูสง่างามและลึกซึ้ง! อนาคตของเขานั้นเหมือนไร้ที่สิ้นสุด!”

รูม่านตาของหญิงสาวหดตัวเล็กน้อย เธอไม่เคยได้ยินคุณปู่ประเมินใครสูงขนาดนี้

เธออดไม่ได้ที่จะมองไปที่ห้องของหลินฟาน ราวกับว่าเธอต้องการที่จะเห็นหลินฟานอีกครั้ง

ทันใดนั้น หญิงสาวในชุดสีแดงเดินนำผู้หญิงอีกห้าคนที่ถือตะเกียงอยู่ พวกเธอเดินช้าๆไปตรงกลางล็อบบี้ของโรงแรมซินเยว่

หญิงงามยิ้มและพูด “ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่โรงแรมซินเยว่ มีสมบัติมากมายที่เตรียมไว้สำหรับการประมูลครั้งนี้ ฉันหวังว่าทุกคนจะสามารถซื้อสิ่งที่พวกคุณชอบได้”

“นอกจากนี้ 20% ของรายได้จากการประมูลจะนำไปบริจาคเพื่อการกุศลในนามของทุกคน…”

“ถ้าอย่างนั้น การประมูลของวันนี้ก็ขอเริ่มขึ้นทันที!”

เสียงของสาวสวยที่งดงามนั้นเต็มไปด้วยเสน่ห์ ถึงแม้เธอจะพูดมาจากกลางห้องโถงก็ตาม

กลับกัน มันยังทำให้ผู้คนได้เห็นภาพลวงว่าเธอกำลังร้องเพลงด้วยเสียงหวานๆ พาเคลิบเคลิ้ม

และไม่นานชามหยกที่มีลักษณะสมบูรณ์และมีลวดลายสวยงามก็ปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ

หญิงสาวเริ่มแนะนำ: “ชามเบญจมาศในสมัยราชวงศ์หมิง ชามใบนี้เคยถูกใช้ระหว่างการเดินทางไปทางทิศตะวันตกของเจิ้งเหอ ไม่ว่าจะเป็นฝีมือการแกะสลักและตัวชามเองก็ใช้วัสดุที่ดีที่สุดในสมัยราชวงศ์หมิง”

“ชามเบญจมาศในสมัยราชวงศ์หมิง…ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 300,000 หยวน”

ทันทีที่เสียงเงียบไป หลายคนก็เริ่มยกป้ายประกาศขึ้นมาทันที

“500,000!”

“800,000!”

เมื่อราคาพุ่งไปถึง 2 ล้าน การเพิ่มราคาก็ชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด

ในที่สุด ชามเบญจมาศในสมัยราชวงศ์หมิงก็ขายออกไปในราคา 2.3 ล้านหบวน

จากนั้น เหล่าสาวงามก็เริ่มเอาของประมูลขึ้นมาอีกสองชิ้น ภาพวาดและงานเขียนถูกยกขึ้นมาตามลำดับ

ทั้งหลิวหยูหางและหลินฟานไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้เลย พวกเขาจึงไม่ได้เสนอราคา

ทั้งสองกินของว่าง ดื่มชา และพูดคุยกันเป็นบางครั้ง ทั้งผ่อนคลายและสบายใจ

และในเวลานี้ ได้มีการนำของประมูลอื่นมา

สาวสวยพูดออกมา “ในหนังสือทางการแพทย์หลายเล่ม มักจะมีการพูดถึงคุณค่าของโสมร้อยปี”

“หลายคนจึงเริ่มค้นหาแหล่งโสมร้อยปีอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย อย่างไรก็ตาม โสมร้อยปีของแท้นั้นหายากมาก”

“วันนี้เรามีโสมร้อยปีของแท้ที่นี่ และราคาเริ่มต้นของมันอยู่ที่ 400,000 หยวน”

หลังพูดจบ เธอก็นำโสมร้อยปีมาไว้กลางห้องโถง

ผู้ชายหน้ากลมขอบตาดำที่นั่งอยู่ในห้องบนชั้น 3 พูดด้วยรอยยิ้ม “เมื่อเร็ว ๆ นี้ ฉันรู้สึกอ่อนแรงนิดหน่อย โสมอายุหนึ่งร้อยปีมาได้จังหวะพอดีเลย”

“500,000!” ชายหน้ากลมยกป้ายบอก

ทันทีที่ชายหน้ากลมพูดจบ หลินฟานก็ยกป้ายประกาศในมือขึ้นและพูดว่า “5 ล้าน!”

เพิ่มราคา 10 เท่าในรอบเดียว!

หลินฟานมุ่งมั่นที่จะเอาชนะแย่างมาก เขาต้องการโสมร้อยปี

เขาไม่ต้องการจะเสนอราคาช้า ๆ กับผู้อื่น มันคงจะลำบากเกินไป

ในตอนแรก มีหลายคนที่อยากจะประมูลโสมร้อยปี แต่หลังจากที่พวกเขาได้ยินหลินฟานเสนอราคานั้น พวกเขาก็ตัดใจทันที

ไม่มีใครโง่พอที่จะแข่งกับคนที่เสนอทีเดียวตั้ง 5 ล้าน

พวกเขาแค่เคยได้ยินตำนานบางอย่างเกี่ยวกับโสมร้อยปี แต่ตำนานก็เป็นเพียงตำนานเท่านั้น สรรพคุณทางยาที่แท้จริงของโสมร้อยปีนั้นมีอย่างจำกัด

ถ้าใช้เงินไม่กี่แสนเพื่อที่จะซื้อโสมร้อยปี ก็พอได้อยู่

แต่ถ้าเปลี่ยนเป็น 5 ล้านล่ะก็ คงจะไม่ไหว

นอกจากนี้คนประมูลยังเสนอราคา 5 ล้านในครั้งเดียว ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาต้องการที่จะได้โสมร้อยปี ถ้าไปประมูลแข่งกับเขาก็อาจจะถูกอีกฝ่ายเกลียดได้

การหาเรื่องคนแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดมากนัก