เล่ม 10 เล่มที่ 10 ตอนที่ 293 เทคโนโลยีขั้นสูง

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

หลังจากถอนพิษเสร็จและนำตัวกูสือซานลงมา กูสือซานก็ถูกแช่แข็งเป็นที่เรียบร้อย เขาแทบจะไม่ได้สติ องครักษ์พิษรีบตรงเข้าไปหามเขาออกมาทันที

ซูอวี้มองด้วยสายตาตกตะลึง

เขาเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่า แท้จริงแล้วที่พี่จิ่นซีสั่งให้เขาฝังเข็มสองเล่มให้กูสือซาน กอปรกับการฝังเข็มก่อนหน้านี้ เมื่อนำมารวมกันแล้วจะกลายเป็นกระบวนการเปิดรูขุมขนทั้งหมดบนร่างกายของกูสือซาน

กูสือซานถูกแช่แข็งเช่นนี้ ถ้าไม่เกิดพิษลมเข้าแทรก ก็ต้องถูกแช่แข็ง หากต้องการฟื้นฟูร่างกายกลับมาคงต้องใช้เวลาอย่างมาก

เหล่าองครักษ์พิษต่างให้ความสนใจเพียงกูสือซาน เหลือคนที่เฝ้าอยู่หน้าประตูห้องศิลาน้อยกว่าเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้ว่าพวกเขาลืมหรือว่าอย่างไร ทั้งห้องศิลาและหน้าต่างของห้องศิลาด้านนอกก็ไม่ได้ปิด

“พี่จิ่นซี พี่จิ่นซี! ”

ซูอวี้ใช้ข้อศอกสะกิดซูจิ่นซีเบาๆ บอกใบ้ให้ซูจิ่นซีมองไปนอกหน้าต่าง

ซูจิ่นซีหันศีรษะไปมอง นึกไม่ถึงว่าจะเห็นสิ่งของแปลกประหลาดอย่างหนึ่ง

มันทำมาจากไม้ ลักษณะเหมือนหมูตัวน้อย แต่กลับมีปีกสองข้างและยังบินได้อีกด้วย

สิ่งนี้ก็คือหมูน้อยกลไก ที่ก่อนหน้านี้เยี่ยโยวเหยากับพวกเดินตามมา ก่อนที่มันจะหายไป

เป็นครั้งแรกที่ซูจิ่นซีเห็นสิ่งนี้ นางจึงไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใด เมื่อเห็นมันบินมาทางตนเอง จึงจับมาไว้ในมืออย่างไม่คิดอันใดมาก

“พี่จิ่นซี นี่คือสิ่งใด? ช่างอัศจรรย์เสียจริง! ” อย่างไรเสียซูอวี้ก็เป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่ง ย่อมมีความอยากรู้อยากเห็นต่อสิ่งของเหล่านี้

ซูจิ่นซีมองไปทางด้านนอกห้องศิลาอย่างระมัดระวัง เมื่อยืนยันแล้วว่าเหล่าองครักษ์พิษไม่ได้สนใจ จึงขมวดคิ้วอย่างแผ่วเบาและพูดเสียงต่ำว่า “ข้าก็ไม่รู้ ”

ของสิ่งนี้น่าสนใจจริงๆ ท่าทางตอนที่มันบินเข้ามาเมื่อครู่นี้ ราวกับบินมาทางพวกเขา

ทว่าซูจิ่นซีเห็นสิ่งของที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงในสมัยปัจจุบันมามาก จึงไม่ได้มีสีหน้าแปลกใจหรือประหลาดใจนัก

นางเป็นทายาทรุ่นที่148 ของสำนักถังเหมิน แม้สำนักถังเหมินที่สืบทอดมาถึงรุ่นของนางจะละทิ้งความชำนาญด้านต่างๆ ไปมากแล้ว จนเหลือเพียงความเชี่ยวชาญด้านพิษ แต่นางยังไม่ลืมว่าบรรพบุรุษของตนนั้น ไม่เพียงศึกษาวิชาด้านพิษเท่านั้น ยังมีวิชาค่ายกล อาวุธลับ อาวุธยุทโธปกรณ์ และอาวุธการต่อสู้ เป็นต้น

ในสมัยชุนชิว บรรพบุรุษสำนักถังเหมินเคยเข้าร่วมเป็นศิษย์สำนักม่อจื่อที่ยิ่งใหญ่ และได้เรียนรู้เฉพาะด้านวิชาค่ายกล

อาวุธอื่นๆ เช่น ลูกศรล่าสังหาร ระเบิดสายฟ้า เข็มหมื่นบุปผา ล้วนจัดเป็นอาวุธลับที่อยู่ในอันดับต้นๆ อีกทั้งหอกล่าวิญญาณ ยังเป็นอาวุธทางทหารอันดับสามของคลังแสง สิ่งเหล่านี้เป็นประวัติศาสตร์ที่รุ่งโรจน์ของบรรพบุรุษนาง

ในยุคสมัยนี้ก็มีสำนักถังเหมินเช่นกัน เพียงแต่นางไม่รู้ว่าคนของสำนักถังเหมินในช่วงเวลานี้กับบรรพบุรุษของนางนั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างไร

อย่างไรก็ตาม เวลานี้สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่สำคัญ สิ่งสำคัญที่สุดคือของที่อยู่ในมือซูจิ่นซี แม้จะดูแปลกประหลาด ทว่ามันมาได้อย่างไร?

ซูจิ่นซีถือไว้ในมือและค่อยๆ ตรวจดูอย่างระมัดระวัง

นางพบว่ามันถูกสร้างขึ้นมาอย่างประณีต โดยเฉพาะอย่างยิ่งตาและปากของหมูน้อย ดูเหมือนของจริงมาก

ทันใดนั้น ไม่รู้ว่ามือของซูจิ่นซีไปโดนส่วนใดเข้า หมูน้อยกลไกจึงส่งเสียงดังออกมา

“แม่นางพิษน้อย พี่จุนมาช่วยเจ้าแล้ว เจ้าอยู่ที่ใด? คิดถึงพี่จุนของเจ้าหรือไม่? พี่จุนอยู่ในหุบผาราชันพิษแล้ว อีกไม่นานเจ้าจะได้พบกับพี่จุน! เจ้าบ้ากูสือซานผู้นี้ คิดไม่ถึงว่าจะกล้าจับตัวแม่นางพิษน้อยของข้าไป คอยดูเถิดว่าพี่จุนจะจัดการเขาอย่างไร พี่จุนจะทุบมันให้ฉี่ราด ให้มันคุกเข่าขอโทษแทบเท้าเจ้า ไม่สิ พี่จุนจะให้มันแก้ผ้าแสดงละครลิงให้เจ้าดู”

นี่เป็นเสียงของจอมวายร้ายไป๋เฉ่า เมื่อซูจิ่นซีได้ยินก็รู้ได้ในทันที

ทว่าคนผู้นี้พูดอันใดออกมา?

ซูอวี้ฟังแล้วก็รู้สึกเขินอาย แก้มของซูจิ่นซียังแดงก่ำเล็กน้อย

ทว่านางไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้มากนัก เพราะสิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือ เจ้าหมูน้อยที่บินได้เหมือนนกตัวนี้ สามารถบันทึกเสียงได้เหมือนเครื่องบันทึกเสียงในยุคปัจจุบัน

ในเมื่อมันสามารถนำเสียงของจอมวายร้ายไป๋เฉ่ามาหาพวกนางได้ เช่นนั้นก็สามารถนำเสียงของนางไปหาจอมวายร้ายไป๋เฉ่าได้เช่นกัน ใช่หรือไม่?

คิดมาถึงจุดนี้ ซูจิ่นซีจึงเริ่มศึกษาหมูน้อยกลไกอย่างละเอียด ดูว่ามันสามารถบันทึกเสียงได้หรือไม่

องครักษ์พิษที่อยู่ด้านนอกเหมือนกับรับรู้ได้ พวกเขาโน้มตัวเข้ามามองด้านใน

“พวกเจ้าคุยกับผู้ใด? ”

โชคดีที่ซูจิ่นซีหันหลังให้กับประตูหิน องครักษ์พิษจึงไม่เห็นหมูน้อยกลไกที่อยู่ในมือของนาง

ซูจิ่นซีซ่อนหมูน้อยกลไกไว้ในแขนเสื้ออย่างเงียบงัน ก่อนจะหันไปมององครักษ์พิษด้วยใบหน้าเย็นชา “เจ้าตาบอดหรืออย่างไร? ที่นี่มีเพียงพวกเราสองคนพี่น้อง นอกจากพวกเราสองคนที่พูดคุยกันแล้ว ยังจะพูดคุยกับผู้ใดได้อีกเล่า? หรือจะคุยกับผี? ”

ที่นี่ไม่มีผู้ใดจริงๆ องครักษ์พิษลูบศีรษะ ไม่รู้ว่าเมื่อครู่เกิดอันใดขึ้น หรือว่าตนหูฝาดไปเอง?

“พวกเจ้าทำตัวดีๆ หน่อย มิฉะนั้นท่านราชครูไม่ไว้ชีวิตพวกเจ้าแน่” องครักษ์พิษพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน

ซูจิ่นซีและซูอวี้ไม่ตอบโต้อันใด

ทั้งสองยืนในตำแหน่งที่เหล่าองครักษ์พิษมองไม่เห็น และเริ่มครุ่นคิดเกี่ยวกับหมูน้อยกลไก

สิ่งของมีขนาดเพียงเท่านี้ ซูจิ่นซีใช้เวลาไปกว่าสองกาน้ำชาเดือด ทว่าไม่พบความผิดปกติใดๆ มีเพียงจุดเดียวที่ซูจิ่นซีหลีกเลี่ยงมาโดยตลอด และตั้งใจไม่ให้ความสนใจมากนัก

นั่นคือตำแหน่งใต้สะดือของหมูน้อย เนื่องจากหมูน้อยกลไกนี้มีลักษณะของตัวผู้

แววตาของซูจิ่นซีสับสน นางเม้มริมฝีปาก คิดลังเลว่าจะกดไปดีหรือไม่ ซูอวี้ก็เขินอายเช่นกัน

สุดท้ายซูอวี้ก็พูดออกไปว่า “พี่จิ่นซี ให้ข้าทำเถิด! ”

“ไม่เป็นไร” ซูจิ่นซีกล่าวอย่างแน่วแน่และลงมือทำโดยไม่สนใจสิ่งใด เมื่อกดลงไปที่ส่วนท้อง หมูน้อยก็เริ่มมีการเคลื่อนไหว มีสิ่งของที่เหมือนกับม้วนกระดาษปรากฏขึ้น สะท้อนใบหน้าของซูอวี้และซูจิ่นซี

ถูกต้องแล้ว!

จุดนี้คงเป็นปุ่มเริ่มต้นการทำงานของหมูน้อยกลไก ทว่าตำแหน่งนี้ ช่างน่ารังเกียจเสียจริง

อย่างไรก็ตาม แม้แก้มของซูจิ่นซีจะแดงก่ำเล็กน้อย ทว่าต้องชื่นชมวิทยาการในยุคสมัยนี้ นึกไม่ถึงว่าจะพัฒนามาถึงขั้นนี้ได้

นางพอคุ้นเคยกับการทำงานของหมูน้อยกลไกอยู่บ้าง มันแทบจะเหมือนกับเครื่องบันทึกเสียงในยุคสมัยปัจจุบันทุกอย่าง ไม่รู้ว่าจอมวายร้ายไป๋เฉ่าสร้างขึ้นมาได้อย่างไร

ทว่าเครื่องบันทึกเสียงในยุคปัจจุบันจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าหรือใส่ถ่านจึงจะทำงานได้ ในสมัยนี้เห็นได้ชัดว่ายังไม่มีสิ่งที่เรียกว่า ‘ไฟฟ้า’ เช่นนั้นของเล่นชิ้นนี้ทำงานด้วยสิ่งใดกัน?

ภายใต้ความประหลาดใจและความสงสัย ซูจิ่นซียังคงสุขุมและมีสติมาก

เมื่อคิดออกแล้วว่าหมูน้อยกลไกทำงานอย่างไร นางก็จะส่งข้อความบอกตำแหน่งของนางในเวลานี้กลับไปให้จอมวายร้ายไป๋เฉ่าได้อย่างรวดเร็ว

ความจริงแล้ว ตอนนี้ซูจิ่นซียังไม่รู้ว่า ผู้ที่มาพร้อมกับจอมวายร้ายไป๋เฉ่ายังมีเยี่ยโยวเหยา และฉีอ๋อง… มู่หรงฉี

“จอมวายร้าย ตอนนี้ตำแหน่งของพวกเราอยู่ที่ห้องศิลาห้องหนึ่ง ข้าไม่แน่ใจตำแหน่งที่แน่นอนนัก แต่ข้าพอจะจำได้ว่าพบกับสิ่งใดบ้าง ตอนที่มายังทางเข้าหุบผาราชันพิษ”

ซูจิ่นซีพูดถึงเสียงการเคลื่อนไหวทั้งหมดที่ได้ยินระหว่างทาง โดยอาศัยความทรงจำตอนที่กูสือซานพานางเข้ามา จากนั้นซูจิ่นซีก็เหลือบมององครักษ์พิษ ก่อนจะเดินไปข้างหน้าต่างอย่างระมัดระวัง เพื่อถ่ายภาพภูเขาสูงตระหง่านด้านนอก

“อ๋อ ใช่แล้ว บริเวณรอบๆ ของพวกเราอาจมีน้ำตกขนาดใหญ่หรือแม่น้ำ เพราะข้าได้ยินเสียงน้ำ”

หลังจากที่ซูจิ่นซีบันทึกเสียงเรียบร้อยแล้วก็กดปุ่มที่ตำแหน่งใต้สะดือของหมูน้อยกลไกและแบมือออก หมูน้อยกลไกจึงขยับปีกบินออกไปจากหน้าต่างทันที