เล่ม 10 เล่มที่ 10 ตอนที่ 292 ลมหนาวพัดหวีดหวิว

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ภายในห้องศิลา กูสือซานมาหาซูจิ่นซีเพื่อถอนพิษเป็นครั้งที่สอง

เหมือนก่อนหน้านี้ องครักษ์พิษทำตามความต้องการของซูจิ่นซี พวกเขาตั้งหม้อยาและจุดไฟให้ลุกโชน จากนั้นกูสือซานก็ถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมด เมื่อซูจิ่นซีฝังเข็มแล้ว องครักษ์พิษก็มัดมือและขาทั้งคู่ของกูสือซาน

ทว่าขณะที่องครักษ์พิษกำลังจะนำกูสือซานไปแขวนบนขาตั้ง ซูจิ่นซีก็กำหนดเงื่อนไขขึ้น “ช้าก่อน! ”

เหล่าองครักษ์พิษหยุดการกระทำลง กูสือซานมองซูจิ่นซีด้วยความสงสัย

“ท่านราชครู ขออภัยด้วย วันนี้ข้าจำเป็นต้องกำหนดเงื่อนไขกับท่าน วันนี้ท่านต้องปล่อยซูอวี้น้องชายของข้า”

“ซูจิ่นซี ข้าเคยพูดแล้ว เจ้าไม่มีสิทธิ์ต่อรองเงื่อนไขกับข้า รอให้เจ้ากำจัดพิษบนร่างข้าจนหมดสิ้นแล้ว ข้าจะปล่อยตัวน้องชายเจ้า”

ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากเล็กน้อยพลางนั่งบนเก้าอี้ และยกน้ำชาขึ้นดื่ม “ต้องขออภัยจริงๆ ท่านราชครู เมื่อวานข้าไม่มีสิทธิ์ต่อรองเงื่อนไขกับท่านก็จริง แต่วันนี้ดูเหมือนกระแสลมกำลังจะเปลี่ยนทิศ ข้าเห็นน้องชายตนเองถูกมัดมาหลายวันแล้ว ให้รู้สึกเสียใจยิ่งนัก วันนี้จึงนึกได้ว่า เมื่อวานตอนที่ข้าฝังเข็มให้ท่าน ข้าฝังเข็มผิดพลาดไปสองจุด”

“กระไรนะ? ”

กูสือซานเดือดดาลทันทีอย่างไม่อยากจะเชื่อ

ซูจิ่นซีแทะเมล็ดแตงโมอย่างสบายใจ รอยยิ้มบนใบหน้าช่างน่าอึดอัดยิ่งนัก “อย่างไรก็ตาม ข้าสามารถชดเชยสิ่งที่ทำผิดพลาดได้ วันนี้ข้าจะฝังเข็มเพิ่มให้ท่านอีกสองเล่ม เพียงแต่ว่า… ” ซูจิ่นซีขมวดคิ้วมองไปทางซูอวี้ที่ถูกแขวนอยู่บนกระทะน้ำมัน “ข้าเชี่ยวชาญด้านพิษ แต่กลับไม่ถนัดด้านวิชาฝังเข็ม ดังนั้นข้าต้องการให้ซูอวี้ น้องชายของข้ามาช่วยเหลืออีกแรง”

เหตุผลของซูจิ่นซี ทำให้กูสือซานจำเป็นต้องปล่อยซูอวี้ลงมา มิฉะนั้นคงไม่มีวิธีแก้ไขการฝังเข็มของเมื่อวาน

“ซูจิ่นซี! ”

กูสือซานกัดฟันกรอดด้วยความเกลียดชัง เขาแทบอดใจไม่ไหว อยากสังหารซูจิ่นซีเสียเดี๋ยวนี้ ทว่าเขาถูกมัดเอาไว้จึงไม่อาจเคลื่อนไหวได้

ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว แสดงสีหน้าราวกับผู้บริสุทธิ์ “เอาล่ะ เอาล่ะ! ท่านราชครู คิดเสียว่าวันนี้ข้าไม่ได้พูดอันใด ท่านราชครู! ท่านไม่ควรโกรธเคืองให้มากจนเกินไป มิฉะนั้นจะทำให้การถอนพิษของพวกเราเมื่อวานนี้ต้องสูญเปล่า”

กูสือซานเดือดดาลเป็นอย่างมาก เดือดดาลยิ่งกว่าน้ำที่กำลังเดือดอยู่ในหม้อเสียอีก เขาจ้องหน้าซูจิ่นซีด้วยสายตาอาฆาตราวกับจะกินเลือดกินเนื้อซูจิ่นซี

“ท่านราชครู มิสู้ฟังพระชายาโยวอ๋อง ปล่อยซูอวี้เจ้าเด็กคนนั้นลงมาก่อน เพียงเด็กน้อยคนหนึ่ง ปล่อยเขาลงมาจะทำอันใดได้ รอให้นางถอนพิษบนร่างของท่านเสร็จเรียบร้อยแล้ว ค่อยจัดการพวกเขาก็ยังไม่สาย” องครักษ์พิษนายหนึ่งพูดเกลี้ยกล่อม

กูสือซานจ้องหน้าซูจิ่นซีอีกครั้ง ทว่าน่าเสียดาย ซูจิ่นซีไม่มองเขาแม้แต่น้อย และยังไม่มีท่าทีเกรงกลัวเขาอีกด้วย

“ปล่อยซูอวี้ลงมา! ” กูสือซานออกคำสั่ง

องครักษ์พิษรีบปล่อยตัวซูอวี้ลงมา

ซูจิ่นซีเข้าไปประคองซูอวี้ ขณะที่จับมือซูอวี้ นางแอบเขียนตัวอักษรหลายคำบนมือเขา ซูอวี้เข้าใจได้ในทันที ดวงตาพลันเปล่งประกาย

“อวี้เอ๋อร์ ยังยืนไหวหรือไม่? หากยังไหวก็ไปดูท่านราชครูเสียหน่อย เมื่อวานพี่ฝังเข็มผิดตำแหน่งไปสองจุด ควรแก้ไขอย่างไรดี ท่านราชครูเป็นผู้สูงศักดิ์! จะให้เกิดความผิดพลาดไม่ได้”

ซูจิ่นซีตั้งใจพูดเสียงดัง เพื่อให้กูสือซานและเหล่าองครักษ์พิษได้ยิน

เนื่องจากขาทั้งคู่ของซูอวี้ถูกมัดไว้เป็นเวลานาน ตอนที่ลงมาบนพื้นก็ไม่มีความรู้สึกเสียแล้ว ทว่าเขายังทำเข้มแข็งพยักหน้าให้ซูจิ่นซี “พี่จิ่นซีวางใจได้ อวี้เอ๋อร์ยังไหวขอรับ”

“ดีมาก! ระวังด้วย” ซูจิ่นซีมองซูอวี้ด้วยแววตามั่นคง

ซูอวี้พยักหน้า ซูจิ่นซีเข้าไปประคองซูอวี้ที่เดินทีละก้าวอย่างยากลำบากไปข้างกายกูสือซาน

ซูอวี้ตรวจชีพจรที่คอของกูสือซานก่อนโดยไม่สนใจแววตาดุร้ายราวกับจะกินคนของกูสือซาน ทั้งยังตรวจชีพจรที่ข้อมือของเขา ก่อนจะพูดอย่างสุภาพว่า “ท่านราชครู ขออภัย”

ซูอวี้ถือเข็มเงินสองเล่ม ฝังไปยังจุดเฟิงเสิ๋นและจุดยวี่เจิ่น บริเวณท้ายทอยของกูสือซาน

“พี่จิ่นซี เรียบร้อยแล้วขอรับ! ”

“อวี้เอ๋อร์ เจ้าดูละเอียดดีแล้วใช่หรือไม่? แน่ใจนะว่าไม่เกิดข้อผิดพลาด? มิฉะนั้นท่านราชครูอาจไม่ให้อภัยพวกเรา” คำพูดนี้ ซูจิ่นซียังคงตั้งใจพูดให้กูสือซานได้ยิน

ซูอวี้พยักหน้าอย่างจริงจัง “ไม่ผิดพลาดแน่นอน พี่จิ่นซีวางใจได้ขอรับ”

“ดีมาก ท่านราชครู พวกเรามาเริ่มกันเถิด! ” ซูจิ่นซีพูดพลางส่งสัญญาณให้องครักษ์พิษจับกูสือซานขึ้นไปแขวน

ขั้นตอนยังคงเหมือนกับเมื่อวาน ตอนที่ผึ้งหยกออกมาจากกล่อง พวกองครักษ์พิษไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ห้องศิลา ทั้งหมดล้วนรออยู่ด้านนอก แม้กูสือซานจะถูกผึ้งต่อยจนได้รับความเจ็บปวด ทว่าเขาต้องอดทนไว้

ซูจิ่นซียังคงดื่มน้ำชาอยู่ด้านล่าง นางแทะเมล็ดแตงและทานอาหารว่าง ทว่าวันนี้มีคนอยู่เป็นเพื่อนเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง

แท้จริงแล้ว ก่อนหน้านี้ที่ซูจิ่นซีพูดว่าต้องให้ซูอวี้ฝังเข็มเพิ่มให้กูสือซาน เป็นเพียงข้ออ้างให้กูสือซานปล่อยตัวซูอวี้เท่านั้น

ที่ซูอวี้ตรวจชีพจรให้กูสือซาน ก็เป็นเพียงการแสร้งทำ ตอนที่ซูจิ่นซีเข้าไปประคองซูอวี้ นางได้อาศัยจังหวะที่องครักษ์พิษไม่ทันสนใจ เขียนอักษรที่มือของซูอวี้ ซูอวี้จึงฝังเข็มตามเจตนาของซูจิ่นซี

ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมจึงต้องฝังเข็มที่สองจุดนั้น แม้ซูอวี้จะเป็นอัจฉริยะทางการแพทย์ เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

โดยปกติ พี่สาวของเขามักจะมีวิธีการใหม่ๆ ในการฝังเข็มและใช้ยารักษา คนทั่วไปยากที่จะเข้าใจความคิดของนาง ยิ่งฝ่ายตรงข้ามเป็นกูสือซานซึ่งเป็นอัจฉริยะหมอพิษด้วยแล้ว ดังนั้นจึงไม่อาจใช้การฝังเข็มแบบทั่วไปได้

อย่างไรก็ตาม ซูอวี้มั่นใจได้อย่างหนึ่ง วันนี้กูสือซานจะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมากเป็นแน่

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ซูอวี้ก็อดเผยแววตาเห็นใจต่อกูสือซานไม่ได้

เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วยามเศษ ซูจิ่นซีลุกขึ้นเดินมาด้านข้างกูสือซาน นางตรวจชีพจรให้กูสือซาน จากนั้นก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “แย่แล้ว มีบางอย่างไม่ดีแล้ว”

“ไม่ดีอย่างไร? ” กูสือซานรีบเปิดตาทั้งคู่ถามขึ้น

ผึ้งหลายตัวที่อยู่ตรงหน้าตกลงไปในหม้อต้มยา กลายเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งทันที

“ในห้องไม่ระบายอากาศ ตัวยาที่ได้ไม่เป็นไปตามคาด นี่เป็นอุปสรรคอย่างมาก”

กูสือซานไม่คิดอันใดให้มากความ เขารีบเรียกคนเข้ามา “องครักษ์ เปิดหน้าต่างห้องศิลา”

หน้าต่างห้องศิลา?

ซูอวี้เกิดความสงสัย ในห้องศิลาที่มิดชิดเช่นนี้จะมีหน้าต่างได้อย่างไร

ทว่าซูจิ่นซีกลับยกยิ้มมุมปาก เผยให้เห็นรอยยิ้มของความสำเร็จ

เนื่องจากนางรู้แต่แรกแล้วว่าที่นี่จะต้องมีหน้าต่าง เพราะนั่นคือกลไก หูของนางสามารถได้ยินเสียงเคลื่อนที่ของกลไกจากอาคมกำไลปี่อั้น

องครักษ์พิษหลบหลีกผึ้งหยกและเดินเข้ามาด้วยความระมัดระวัง พวกเขาเคาะอิฐสามก้อนบนผนังกำแพงเพียงไม่กี่ครั้งด้วยวิธีการเคาะที่แปลกประหลาด ทันใดนั้น ผนังกำแพงหินก็เปิดออกเป็นหน้าต่างจริงๆ

ผนังกำแพงที่ทะลุไปถึงด้านนอก ถูกองครักษ์พิษเปิดออกจนกลายเป็นหน้าต่าง ภูเขาสูงตระหง่านปรากฏขึ้นตรงหน้า ไม่นานนักลมหนาวก็พัดเข้ามาดังหวีดหวิว

ซูอวี้อดขมวดคิ้วแน่นไม่ได้

พี่จิ่นซี นางเจ้าเล่ห์มากจริงๆ !

นี่เป็นการถอนพิษที่ใดกัน?

เห็นชัดๆ ว่าเป็นการทรมานคน!

ในยามเหมันต์ฤดู ลมหนาวพัดมาช่างหนาวเหน็บจนถึงกระดูก โดยเฉพาะลมบริเวณหุบเขา ยิ่งทวีความหนาวเย็นมากขึ้น

เขากับพี่สาวยังดีหน่อย แม้จะหนาว ทว่าบนร่างกายยังสวมเสื้อผ้าหนา แต่กูสือซานนั้นไม่เหมือนกัน เขาถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมด ทั้งด้านล่างยังมีไอน้ำจำนวนมากจากหม้อต้มยา หลังจากที่ไอน้ำเหล่านั้นลอยขึ้นไปปะทะกับแผ่นหินสีเขียวบนเพดานจนกลายเป็นหยดน้ำ เมื่อหยดน้ำปะทะกับลมหนาว ก็กลายเป็นแท่งน้ำแข็งทันที

ลองนึกภาพดูสิว่า กูสือซานที่ร่างกายเปลือยเปล่าถูกแขวนอยู่ตรงช่องหน้าต่างระบายอากาศ จะทุกข์ทรมานเพียงใด