ตอนที่ 341 ดอกเหมยสามลีลา

นายน้อยเจ้าสำราญ

ภายในเรือนคฤหาสน์จิ้งหูได้มีผู้คนมาเยือนถึง 11 คน

พวกเขาสวมชุดดำ แต่มิได้คลุมหน้าด้วยผ้า ราวกับมิเคยมีความคิดที่จะอำพรางหน้าตา และมิคิดว่าตนเองจะทำงานครานี้พลาด

การที่ผู้แข็งแกร่งระดับปรมาจารย์โหยวเป่ยโต้วปรากฏตัวในที่นี้ มิใช่เรื่องน่าแปลกใจสำหรับพวกเขา

ผู้แข็งแกร่งแนวหน้าทั้งสิบเอ็ดคนต่อกรกับปรมาจารย์หนึ่งคน การต่อสู้ครานี้อย่างน้อยก็มีโอกาสชนะถึงเจ็ดส่วน ส่วนเรื่องผู้มีฝีมือขั้นสามของฟู่เสี่ยวกวน… ก็เป็นเพียงแค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น แม้ว่าเขาจะเป็นเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวของภารกิจนี้ก็ตาม

ชายชราชุดดำในกลุ่มนั้นคำนับให้แก่โหยวเป่ยโต้ว และกล่าวว่า “นี่คือคำสั่งที่ได้รับมา หากท่านผู้อาวุโสโหยวออกไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ เบื้องบนย่อมมีรางวัลใหญ่ให้เป็นแน่ ! ”

โหยวเป่ยโต้วเหลือบสายตามอง “ต้วนหยุนโฉว ในเมื่อเจ้าออกมาจากภูเขาดาบแล้ว คาดว่ากระบวนท่ากระบี่ของเจ้าคงสำเร็จแล้ว… จั่วซีฮวานี่ก็หลายปีมาแล้ว เจ้ายังมิก้าวหน้าไปไหนอีกหรือ… กันปู้หุ่ยหลายปีมานี้เจ้าเอาแต่หลบอยู่ในแดนเหนือ ถึงแม้สถานที่นั้นจะหนาวเหน็บไปสักเล็กน้อย แต่ก็ปลอดภัยยิ่ง แล้วเหตุใดเจ้าถึงวิ่งออกมาตายกัน โอวหยางจึ ในอดีตข้านั้นยังนึกเคารพเจ้าแต่คาดมิถึงว่าจะกลายเป็นสุนัขรับใช้ของผู้อื่นไปเสียแล้ว…”

โหยวเป่ยโต้ววิจารณ์แต่ละคนไปเรื่อย ๆ ฟู่เสี่ยวกวนตั้งใจฟัง แต่กลับไร้ความสามารถที่จะจับคู่ชื่อที่โหยวเป่ยโต้วเอ่ยออกมากับผู้คนเหล่านั้น

แต่เขาฟังจนจับใจความที่อยู่ในนั้นได้ คนเหล่านี้ต่างก็เป็นผู้มีฝีมือระดับสูงของแต่ละสำนัก หรือก็คือจอมโจรที่มีชื่อเสียงของยุทธภพ !

และกล่าวได้ว่า ความสามารถของทั้งสิบคนนี้สูงส่งเป็นอย่างมาก !

เขาอดที่จะหันไปมองโหยวเป่ยโต้วด้วยความกังวลใจมิได้ สองมือสอดเข้าไปในแขนเสื้อ และจับปืนกระบอกเล็กเอาไว้

คาดมิถึงว่าต้วนหยุนโฉวและคนอื่น ๆ จะอดรนทนรอจนโหยวเป่ยโต้วกล่าวจบ เขายกมือขึ้นคำนับโหยวเป่ยโต้วอีกครา “ยังจดจำได้ว่าในอดีตท่านผู้อาวุโสจะสังหารด้วยอารมณ์ มิพูดมิจา แต่บัดนี้ท่านผู้อาวุโสกลับกล่าวมาเสียมากมาย คาดว่าท่านผู้อาวุโสคงชราแล้ว…ได้ยินมาว่าปีนี้ได้ประลองฝีมือกับศิษย์น้องเจี่ยหนานซิงที่ภูเขาลั่วเหมย โค่นดอกเหมยไปนับหมื่นดอก แต่ท่านผู้อาวุโสก็ได้รับหมัดจากเจี่ยหนานซิงจนบาดเจ็บที่ปอด ท่านผู้อาวุโสก็อายุมากแล้ว เหตุใดจึงมิใช้ชีวิตบั้นปลายเฝ้ามองต้นเหมยที่ภูเขาลั่วเหมยกัน ? ”

โหยวเป่ยโต้วลูบเคราและยกยิ้ม “ข้าเองก็อยากจะอยู่ดูแลต้นเหมยบนภูเขาลั่วเหมยนั่นเช่นกัน แต่เยี่ยงไรเสียยุทธภพก็ยังมีคนชั่วเฉกเช่นพวกเจ้าอยู่ พอดีกับที่ต้นเหมยบนภูเขาลั่วเหมยของข้ากำลังขาดแคลนสารอาหารไปเล็กน้อย ประเดี๋ยวพอข้าสังหารพวกเจ้าแล้ว จะนำไปฝังไว้บนภูเขาลั่วเหมย คาดว่าในปีหน้าต้นเหมยจะต้องงามขึ้นอย่างแน่นอน”

กันปู้หุ่ยอ้าปากกว้าง “มิต้องไปต่อปากต่อคำกับเขาแล้ว ตาเฒ่าสวรรค์ได้กำหนดเอาไว้แล้วว่าเจ้าจะมาที่นี่ ในเมื่อเจ้าได้มาแล้ว เยี่ยงนั้นก็ทิ้งชีวิตไว้ที่นี่เสีย ! ”

“พี่น้องทุกท่าน…ฆ่ามันเสีย ! ”

ต่อจากนั้นก็เกิดเสียงคำราม เงาของร่างทั้งสิบเอ็ดเกิดการเคลื่อนไหว ฟู่เสี่ยวกวนเห็นประกายไฟที่สว่างริบหรี่ในเมฆหมอกที่กดต่ำลงมา

โหยวเป่ยโต้วยืดตัวขึ้น แต่ฟู่เสี่ยวกวนกลับไม่เห็นเขาชักกระบี่ออกมา

กระบี่เล่า ?

โหยวเป่ยโต้วมิได้ใช้กระบี่ คาดมิถึงว่าเขาจะใช้ฝ่ามือ !

หมัดขวาของเขาวาดกลางอากาศอยู่สองเส้น ราวกับวาดตัวกากบาท ดวงตาของฟู่เสี่ยวกวนเบิกกว้าง กากบาทตัวนั้นได้ทิ้งร่องรอยไว้ในใจกลางเมฆหมอก มองขึ้นไปราวสามจั้ง คาดมิถึงว่าจะสกัดกั้นกระบี่ที่สับลงมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ราวกับบานประตู !

ดาบและกระบี่เหล่านั้นปะทะเข้ากับสองเส้นนั้น คาดมิถึงว่าจะเกิดเสียงกระทบกันของโลหะ !

“กระบี่มือ ท่านผู้อาวุโสช่างเก่งกาจอย่างแท้จริง” ต้วนหยุนโฉวถอยไปราวสามสิบก้าวในชั่วพริบตานั้น เขาลากดาบไปตามทาง ดาบยาวเสียดสีกับก้อนหินบนพื้นจนเกิดเป็นประกายไฟ ทันใดนั้นเขาก็กู่ร้องออกมาเสียงดัง “ท่านผู้อาวุโสเตรียมรับดาบทลายภูผาของข้าไปเสีย ! ”

ร่างของเขาลอยขึ้นจากพื้น เข้าไปกลางหมอกราวสิบจั้ง แต่ดาบเล่มนั้นก็ยังคงมีประกายไฟอยู่

สองมือของเขากุมที่ด้ามดาบ หมุนกลางอากาศ ดาบยาวนั้นตัดผ่านหมอกบาง เกิดเป็นวงขึ้นมา สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

“เพล้ง… ! ”

“แกร้ง… ! ”

ในชั่วพริบตาที่ดาบยาวของเขาฟาดฟันลงบนกากบาทตัวนั้น อีกสิบคนที่เหลือก็กระจายตัวออก ตั้งเป็นวงล้อมรอบ โอบล้อมฟู่เสี่ยวกวนและโหยวเป่ยโต้วเอาไว้ เวลานี้เขาจึงได้เห็นจิตสังหารบนใบหน้าของทิ้งสิบคนในพลัน

มีกระบี่พุ่งตรงมายังฟู่เสี่ยวกวน ดาบตวัดไปทางโหยวเป่ยโต้ว มีกระบองหนึ่งด้ามพุ่งมาสกัดทางหนีของทั้งสองคนเอาไว้ และมีพู่กันพิพากษาที่พุ่งมาตามลมปราณของโหยวเป่ยโต้ว

สีหน้าของโหยวเป่ยโต้วคร่ำเครียด ครุ่นคิดว่าบุตรนอกสมรสของฝ่าบาทผู้นี้เป็นเพียงแค่ตะเกียงไร้น้ำมัน หากมิมีเขาที่อยู่ ณ ที่นี้ ข้าคงใช้กลยุทธ์เดินหน้าเพื่อเอาชนะทีละคนไปแล้ว

แต่ในตอนนี้เขามิเพียงแต่จะเคลื่อนตัวมิได้ เขายังต้องคุ้มกันความปลอดภัยให้กับฟู่เสี่ยวกวนอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่าการต่อสู้ครานี้มันมิยุติธรรมยิ่ง

มือของฟู่เสี่ยวกวนได้กุมปืนที่อยู่ในแขนเสื้อมาเนิ่นนานแล้ว

สายตาของเขาจับจ้องไปยังใบหน้าของผู้ที่แทงหนึ่งกระบี่มาทางเขา เขาคือผู้อาวุโสจั่วซีสุ่ยแห่งป่ากระบี่ !

โหยวเป่ยโต้วทันทีที่แสดงตัวออกมา ก็ได้เดินวนเป็นวงกลมนั้นไปแล้วหนึ่งรอบภายในชั่วพริบตา

สองมือของเขากลายเป็นขาวผ่องราวกับหยก ในช่วงเวลาที่วนอ้อม สองมือของเขาและอาวุธนับสิบที่ถูกส่งมาก็ฟาดกระทบเข้าด้วยกัน !

“ปังปังปัง… ! ” เกิดเสียงดังขึ้นมาหลายครา คนนับสิบที่ล้อมรอบต่างถอยหลังไปราวแปดก้าว ใบหน้าของพวกเขาปรากฏร่องรอยของความตื่นตะลึง นี่คือพลังของปรมาจารย์เยี่ยงนั้นหรือ

หนึ่งต่อสิบ ความเร็วนั้นไร้ที่เปรียบ อีกทั้งกำลังยังมหาศาลอีกด้วย

หนึ่งดาบของต้วนหยุนโฉวฟันลงมาจากชั้นบรรยากาศ จนเกิดเสียง “ตูม… ! ” ดังขึ้นกลางอากาศ หลังจากที่สองเส้นกากบาทที่โหยวเป่ยโต้วได้วาดเอาไว้สั่นไหวได้สองอึดใจ ฟู่เสี่ยวกวนก็เห็นว่ามันแตกสลายไปทันพลัน

พลังของดาบยังคงแข็งแกร่ง กระบวนท่ายังสงบนิ่ง มีประกายพาดผ่านในดวงตาของต้วนหยุนโฉว แต่แล้วเขาก็เห็นดาบยาวกำลังฟาดฟันมาบนร่างของโหยวเป่ยโต้ว

“ระวัง ! ” ฟู่เสี่ยวกวนพลันลุกพรวดขึ้นยืน โหยวเป่ยโต้วเพิ่มกำลังภายในให้มากยิ่งขึ้น ในชั่วพริบตามือของเขาก็เหวี่ยงใส่ดาบเล่มนั้นจนแยกออกภายในคราเดียว !

ฝ่ามือเปรียบดังกระบี่ !

กระบี่ไร้ลักษณ์ !

แต่ต้วนหยุนโฉวที่อยู่กลางอากาศกลับเลิกคิ้วขึ้นมา พลังภายในของเขาพุ่งเข้าไปในดาบอย่างบ้าคลั่ง ตัวดาบเปล่งแสงออกมา จนทางเดินเบื้องหน้านั้นสว่างขึ้น ดังนั้นฟู่เสี่ยวกวนจึงได้เห็นว่าใต้ดาบเล่มนั้นมีดอกเหมยสีใสบานขึ้นมา

โหยวเป่ยโต้วใช้ฝ่ามือแทนกระบี่ และปล่อยกระบวนท่ากระบี่ดอกเหมยสามลีลาออกไป !

ดังนั้น คาดว่าจะเป็นดอกเหมยสามดอก

หนึ่งดอกบานใต้ดาบ อีกหนึ่งดอกบนดาบ และอีกหนึ่งดอก…

ทันใดนั้นต้วนหยุนโฉวก็พลิกร่างกลางอากาศ ดาบเล่มยาวในมือของเขาก็พลิกตามมือของเขาไปด้วยเช่นกัน จากท่วงท่าสับแปรเปลี่ยนเป็นตบ !

ดาบนั้นตบเข้าที่ดอกเหมยด้านล่าง ดาบยาวดีดออก และตบเข้าที่ดอกเหมยด้านบนอีกครา ดอกเหมยสองดอกนั้นได้สลายหายไปแล้ว เขาขบกรามแน่นและได้ยื่นมือซ้ายออกไปคว้าดอกเหมยอีกหนึ่งดอกไว้กลางอากาศ ฟู่เสี่ยวกวนจึงเห็นเลือดสีแดงสดไหลรินมาจากฝ่ามือของเขา

คาดมิถึงว่าเขาจะจับดอกเหมยช่อนั้นไว้ได้ ทั้งยังบีบจนดอกเหมยนั้นแตกกระจาย !

โหยวเป่ยโต้วขมวดคิ้วมุ่น ต้วนหยุนโฉว คาดมิถึงว่าจะก้าวเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์ไปแล้วครึ่งก้าว !

ต้วนหยุนโฉวล้มลงกับพื้น เขามองไปที่ดาบยาวเล่มนั้น และหันไปมองทางมือซ้าย เขามิได้กล่าวอันใดออกมา แต่สองมือกลับจับดาบไว้แน่นอีกครา

อีกสิบกว่าคนที่เหลือยังคงดาหน้าเข้ามาในเวลาเดียวกัน ในชั่วพริบตาประกายดาบและเงาของกระบี่ก็ปกคลุมทั่วทั้งลานแห่งนี้ไปโดยปริยาย โหยวเป่ยโต้วยังคงเดินวนไปรอบ ๆ เขาโจมตีไปที่ดาบเล่มหนึ่ง และทันใดนั้นก็ได้มีกระบี่สองเล่มพุ่งถลาเข้ามาหาเขา ทั้งยังตัดพู่กันพิพากษาให้ตกหล่นไป แต่ดาบของต้วนหยุนโฉวกลับทำให้ผู้คนเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว

พลังทั้งหมดของเขาถูกทุ่มไปที่อีกเจ็ดคนที่เหลือ ฟู่เสี่ยวกวนเองก็จับตามองการต่อสู้ที่น่าตื่นตาตื่นใจนี้อย่างเคร่งเครียดเช่นกัน มือขวาของเขาค่อย ๆ ดึงออกมาจากชายเสื้ออย่างช้า ๆ

เยี่ยงไรเสียพวกเขาในที่นี้ก็คือผู้มีฝีมือระดับสูงทั้งสิบสองคน

อีกหนึ่งคนที่เหลือนั้นไปอยู่ที่ใดกัน ?

ฟู่เสี่ยวกวนและโหยวเป่ยโต้ว ต่างก็มิทราบเช่นกัน