บทที่ 92 กลืนน้ำลายตัวเอง

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

ในที่สุดชาร์ลีและเรียวจิก็ถูกชายร่างกำยำสองคนหิ้วออกไป แม้เรียวจิจะพูดถึงความลับที่เทาเท่ไม่รู้ ค่าตอบแทนของพวกเขาก็ไม่ได้สักบาท

ชายร่างกำยำทั้งสองคนไม่เพียงแต่ที่จะหิ้วตัวพวกเขาออกไป ยังตามพวกเขาไปถึงที่พักของตัวพวกเขาเอง เพื่อให้เห็นกับตาว่าพวกเขาได้เก็บกระเป๋าและนำตัวพวกเขาไปส่ง

หลังจากที่ชาร์ลีสองพ่อลูกได้ถูกหิ้วตัวออกไปแล้ว โซเมนก็เอามือล้วงกระเป๋าเดินเข้ามาในที่นั่ง

เขามานั่งอยู่ด้านข้างของเทาเท่ โซเมนเอ่ยปากขึ้นมาอย่างเบาๆว่า “ฉันไม่เข้าใจแกจริงๆว่าตอนนี้ในใจกำลังคิดอะไรอยู่? ได้ยินมาว่าแกยังให้นทีบดีออกหน้าโพสต์จดหมายทนายลงบล็อคนั้นอยู่เลยนิ?”

เทาเท่ไม่พูด โซเมนถอนหายใจพลางพูดว่า “ถ้าแกชอบจริงๆ งั้นก็จีบเลย”

โซเมนหยุดไปชั่วขณะ แล้วพูดเสริมขึ้นว่า “แม้ว่าคนข้างกายพวกเราจะยังไม่มีใครจีบอดีตภรรยา แต่นายก็เป็นหัวโจกนำก่อนได้ไม่ใช่หรอ?”

คำพูดของโซเมนนั้นมีความสะใจไปกับความโชคร้ายของคนอื่น ทำให้เทาเท่มองตาค้อนใส่เขา

แต่ว่าคำพูดของโซเมนก็ไปสะกิดต่อมในใจของเทาเท่ ถ้าเขากลับมาจีบหลินจือจริงๆ คงทำให้พวกโซเมนขำแน่ๆ แล้วไหนยังจะมีพวกคนที่รู้เรื่องราวก่อนๆของเขากับหลินจืออีก คงต้องขำกันตายแน่ๆ

ครั้งแรกเขาไม่อยากได้หลินจือ ไม่ยอมที่จะเป็นสามีของหลินจือ ตอนที่หย่ากันเขาถึงขนาดรู้สึกว่าตัวเองนั้นได้หลุดพ้นแล้ว….

โซเมนถามอีกว่า “ตอนนี้แกยังรู้สึกว่าเธอนั้นหลบแกเหมือนที่หลบอสรพิษ แบบเหมือนเล่นตัวงั้นหรอ?”

เทาเท่เอาหมอนที่อยู่ข้างกายเขวี้ยงใส่ใบหน้าอันหล่อเหลาของโซเมนอย่างไม่เกรงใจ เขาควรรีบหุบปากสักทีเถอะ!

โซเมนเป็นคนที่ไม่รู้เรื่องไหนมักถามถึงเรื่องนั้นจริงๆ ตอนแรกที่หลินจือเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ เขาแน่ใจว่าหลินจือมีเยื่อใยต่อเขาและแน่ใจว่าหลินจือกำลังเล่นตัว

แต่ตอนนี้กลับดีขึ้นแล้ว ระหว่างเขากับหลินจือเหมือนจะเปลี่ยนไป

โซเมนขำจนท้องแข็ง หลังจากที่หัวเราะเสร็จก็พูดหน้าตาขึงขังว่า “ฉันคิดว่าหลินจือก็ใช้ได้เหมือนกันนะ นิสัยใจคอถ้าเทียบกับซุปตาร์ซูซีดีกว่าตั้งเยอะเลย”

“อีกอย่างก็เป็นหญิงน้อยที่เรียนเอกภาษาจีน มีศิลปะและมีรสนิยม” โซเมนพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกอิจฉา “ฉันดูข้อความคำและวลีที่เธอโพสต์ลงในเน็ต ช่างน่าดึงดูดความสนใจของผู้คนจริงๆ”

“ถ้ามีผู้หญิงคนไหนเขียนประโยคสวยๆให้ฉันอย่างนี้นะ ฉันต้องใจละลายแหงๆ”

เทาเท่หัวเราะหึๆ “อย่าพูดถึงตัวเองดีขนาดนั้น ตอนที่แกเรียนสาวๆเขียนจดหมายรักถึงแกก็ไม่น้อยไม่ใช่หรอ แกเคยใจละลายต่อสาวคนไหนบ้าง?”

โซเมน “…….”

หลังจากที่โซเมนถอนหายใจออกมาอย่างเบาๆแล้ว เลยพูดแก้ต่างให้ตัวเองว่า “นั่นเป็นเพราะตอนนั้นอายุยังน้อยไม่ใช่หรอ? ตอนนี้มาอายุขนาดนี้แล้ว จากที่ผ่านอะไรต่อมิอะไรมา ถึงรู้ว่าการที่ได้มีคนรักที่รู้ใจนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”

เทาเท่ชำเลืองมองเขา “วันนี้แกกินยาผิดขนาดป่ะหวะ? ทำไมถึงปลงได้อย่างนี้? ในเรื่องความสัมพันธ์แกชอบทำตามอารมณ์ตัวเองไม่ใช่หรอหวะ?”

โซเมนเป็นคาสโนวาตัวพ่อ หัวใจของเขาคงไม่หยุดให้กับผู้หญิงคนไหน แล้วก็คงไม่เสียใจร้องไห้ให้กับผู้หญิงคนไหนด้วย

โซเมนนั่งบนโซฟาแล้วพูดอย่างเฉยเมยว่า “ก็ในอนาคตอาจได้แต่งงานไง ก็เลยพูดปลงๆออกมา”

“แค่ทะเบียนสมรสใบเดียวจะมาขวางความเป็นอิสระของแกได้หรอหวะ” เทาเท่เข้าใจโซเมนมากกว่าที่คนอื่นเข้าใจ ก็เลยไม่คิดว่าการแต่งงานจะทำให้โซเมนมีความกลุ้มใจอะไร

“เดิมทีฉันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆนั้นแหละ” โซเมนพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและมองเขา “แต่ว่าช่วงนี้หลังจากที่ได้เห็นปฎิกริยาของแก ฉันก็หยุดชะงักเลย”

“ฉันกลัวว่าหลังจากที่แต่งงานไปจะดูหมิ่นการแต่งงานและต่อมาก็จะมากลืนน้ำลายตัวเองน่ะสิ”

เทาเท่ “…….”

คำพูดที่อดรนทนไม่ได้ ได้ปะทุออกมา “นี่แกวอนหาเรื่องฉันใช่มั้ย?”

โซเมนพูดแก้ต่างให้ตัวเองอย่างจนปัญญาว่า “ไม่ใช่นะโว้ย!”

อยู่ดีๆก็โดน แค่เขาโดนการกระทำของเทาเท่เข้าไปก็หมดสง่าแล้ว โอเคเปล่า

สำหรับโซเมนในเรื่องความสัมพันธ์แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับสิ่งใด

เขาไม่ได้เห็นความรักนั้นสำคัญ และก็ไม่ได้เห็นเรื่องการแต่งงานเป็นสิ่งที่สำคัญด้วย

อย่างมากก็แค่เลิกกัน อย่างมากก็แค่หย่ากัน ยังจะมีอะไรได้อีก?

ก็ขนาดตอนแรกที่เทาเท่และหลินจือหย่ากัน ไวท์โน้มน้าวให้เทาเท่ใจเย็น เขาก็เห็นดีเห็นงามไปด้วย

ยังไงเทาเท่ก็ไม่ได้รักหลินจือ ยังไงคนที่ขอหย่าก็เป็นหลินจือ เขารู้สึกว่าเทาเท่ตัดสินใจหย่าเด็ดขาดก็ดี

สุดท้ายแล้วในตอนนี้ท่าทีที่ไม่ชัดเจนของเทาเท่ที่มีต่อหลินจือ ไม่เพียงแต่เทาเท่จะถูกแฉ แต่เขาจะยังถูกแฉอย่างหนักด้วย

เขาสงสัยเกี่ยวกับมุมมองความรักและการแต่งงานของตัวเองอย่างหนักว่ามันถูกต้องหรือเปล่า ถึงขนาดหวาดกลัวว่าถ้ามีวันใดวันนึงเขาเหมือนกับเทาเท่ในตอนนี้ที่ตัดผู้หญิงคนเดียวไม่ลง เขาควรทำอย่างไร?

น่ากลัวเหลือเกิน

เทาเท่จ้องมองอยู่ครู่นึงก็เข้าใจความคิดของโซเมนจนทำให้เขาโกรธจนลุกขึ้นเดินออกไป

“เฮ้ยๆ นี่แกเป็นไรเนี่ย ยังไม่ได้กินไรเลยไม่ใช่หรอ?” โซเมนเรียกไล่หลังเขาอย่างไม่รู้ความผิดของตน เทาเท่ไม่หันกลับมาทางเขา

โซเมนกลับมายังโซฟาอีกครั้ง เริ่มที่จะไตร่ตรองว่าจะยอมรับการแต่งงานที่ครอบครัวจัดการไว้ให้หรือเปล่า

วันที่สองตอนกลางวัน ควีนถือโอกาสไปทำธุระข้างนอก เธอไปห้างช่วยหลินจือซื้อปากกาให้กับเทาเท่แล้วก็สั่งพนักงานให้ทำการห่ออย่างประณีต

ในกล่องนั้นหลินจือได้ใส่การ์ดที่เขียนด้วยมือลงไปว่า ท่านประธานเทาเท่ ขอบคุณมากนะคะสำหรับการช่วยเหลือในครั้งนี้ ของที่ให้แม้จะเล็กน้อยแต่ตั้งใจให้จริงๆค่ะ ขอให้คุณสมปรารถนาในทุกๆเรื่องนะคะ

ตอนที่ควีนเห็นหลินจือตั้งหน้าตั้งตาเขียนการ์ดอย่างจริงจัง กว่าจะข่มรอยยิ้มของตัวเองเอาไว้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

หลินจือถือว่าเทาเท่เป็นผู้มีพระคุณ และไม่มีอะไรแอบแฝงใดๆเลย

หลังจากที่กลับมาที่บริษัทสิ่งแรกที่ควีนทำคือไปที่ห้องทำงานของเทาเท่ เทาเท่เลิกคิ้วมองไปทางกล่องที่ห่ออย่างประณีตที่ควีนวางไว้ด้านหน้าของตัวเขาเอง ในใจรู้สึกมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี

“ท่านประธานเทาเท่คะ นี่เป็นของขวัญที่หลินจือให้ฉันช่วยเอามาให้คุณ” ควีนพูดถึงจุดนี้ก็เห็นสีหน้าของเทาเท่บอกบุญไม่รับ ควีนกลั้นใจรีบพูดต่อให้จบว่า “เธอบอกว่าเพื่อเป็นการขอบคุณที่ครั้งนี้ได้ช่วยเธอไว้ค่ะ”

ควีนพูดจบก็ถอยออกมาอย่างมีสติ เธอยอมรับว่าสีหน้าของเทาเท่ในเวลานี้เหมือนอยากที่จะฆ่าคน และเธอก็มีความรู้สึกที่อยากจะขำออกมา

แน่นอนล่ะว่า เธอกลั้นขำเอาไว้อย่างสุดความสามารถ

เทาเท่โกรธจนทนไม่ไหว มีชั่วแวบนึงเขารู้สึกว่าตัวเองนั้นจะเป็นลมไป

ก่อนที่ควีนจะเข้ามา ไวท์ก็ส่งข้อความหาเขา บอกว่าหลินจือได้ติดต่อเขาเพื่อชวนเขากินข้าว ให้เขานั้นนัดเวลามา

เจตนารมณ์ของไวท์นั่นคือทางที่ดีให้เขามีเวลาเหมือนกัน พวกเขาจะได้ไปด้วยกัน

สุดท้ายแล้วควีนก็ยื่นของขวัญนี้ให้กับเขา ชัดเจนว่าหลินจือไม่ได้แพลนที่จะชวนเขากินข้าว

เธอจะสองมาตรฐานเกินไปหน่อยหรือเปล่า?

ให้ความช่วยเหลือเหมือนกัน แต่สำหรับตัวเขานั้นส่งของขวัญให้ ไม่มาเจอหน้า แต่ดันชวนไวท์กินข้าว

เพราะด้วยความโกรธ เทาเท่ก็ลืมเวลาไปเสียสนิท ปากกาของเขาด้ามนี้แพงกว่าอาหารมื้อนึงมากกว่าเป็นไหนๆ