บทที่ 272 อาการป่วยของคิว แปลกประหลาดอยู่เล็กน้อย

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 272 อาการป่วยของคิว แปลกประหลาดอยู่เล็กน้อย
แต่เรื่องนี้เธอไม่มีทางเลือก

เธอไม่สามารถที่จะมองดูแต่งฝันไปทำร้ายผู้ชายคนนั้นได้อีก และเธอยิ่งไม่สามารถเห็นเขาถูกทำลายจนพังพินาศแบบนี้ได้

ไม่มีทางเด็ดขาด!

เส้นหมี่กลับมาที่รถ เมื่อประตูรถปิดลง หมอกในดวงตาของเธอที่พยายามอดกลั้นเอาไว้ก็ร่วงหล่นกรูลงมา เหมือนกับลูกปัดที่เส้นด้ายขาดไปอย่างไรอย่างนั้น

“ขอโทษนะคะ คุณลุง คุณป้า”

เส้นหมี่อยู่ในรถซักพักหนึ่ง แล้วถึงได้สตาร์ทรถเตรียมออกไป

เธอยังอยากจะไปหาคุณหมอผู้หญิงที่ชื่อแครอทคนนั้น เธออยากจะไปทำความเข้าใจ ว่าในตอนนั้นเธอรักษาผู้ชายคนนั้นอย่างไรกันแน่?

และยังมีประโยคนั้นที่เธอพูดเอาไว้ตอนสุดท้ายเมื่อคืนนี้ บอกว่าเธอเส้นหมี่นั่นเป็นระเบิดเวลา หมายความว่าอะไรอีกกัน?

เส้นหมี่เอาอุปกรณ์นำทางออกมา แล้วค้นหาทิศทางของตระกูลลัดดาวัลย์ที่เขตเมืองเก่า และกำลังจะไปนั้นเวลานี้เองจู่ๆโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นมา

“ฮัลโหล?”

“คุณเส้นหมี่ คุณจะกลับมาเมื่อไหร่คะ? พวกคุณชายเล็กถูกส่งกลับมาแล้วเมื่อครู่นี้ คุณชายเล็กคิวคิวไม่สบายนิดหน่อยค่ะ บอกว่าเมื่อคืนที่เจอกับอากาศหนาวที่คฤหาสน์หลังเก่า คุณจะมาดูตอนนี้เลยไหมคะ?”

“อะไรนะ? คิวคิวไม่สบายเหรอ?”

เส้นหมี่ได้ยินแล้ว ก็ไม่มีความคิดที่จะไปที่นั่นอีกแล้ว วกกลับไปที่เรืองรองทันที

ดลธีที่ตามอยู่ทางด้านหลังรถอยู่ห่างมาตลอดนั้นเห็นฉากนี้แล้วก็โทรหานายด้วยเช่นกัน : “ท่านประธานครับ คุณเวินกลับไปแล้วครับ”

แสนรักยังคงยุ่งอยู่ในออฟฟิศที่สะอาดสะอ้านเป็นระเบียบ ได้ยินคำพูดนี้แล้วก็ตอบกลับไปนิ่งๆด้วยเช่นกัน : “เจออะไรแล้ว?”

ดลธีนึกย้อนกลับไปถึงเมื่อครู่นี้ แล้วส่ายหน้า : “ไม่มีครับ เธออยู่ทางด้านในไม่นานก็ออกมา แต่หลังจากที่ออกมาผมเห็นว่าเธอหลบอยู่ในรถซักพักหนึ่งถึงได้ออกมา”

แสนรัก : “…….”

หลบอยู่ในรถ? หลบอยู่ในรถทำอะไร?

หรือว่าถูกผู้ใหญ่สองคนนั้นด่าว่ามาอีก? เพื่อปกป้องลูกสาวของพวกเขา?

แววตาของเขาคมกริบขึ้นมา ลมหายใจในร่างกายของถูกความเยือกเย็นล้อมรอบขึ้นมาทันที

“สองวันนี้ส่งคนไปคอยจับตาดูเอาไว้ อย่าปล่อยความเคลื่อนไหวข้างในให้หลุดรอดไปแม้แต่นิดเดียว โดยเฉพาะแต่งฝันนั่น!”

“ครับ ท่านประธาน!”

ดลธีรีบจัดการอย่างรวดเร็ว

เส้นหมี่รีบกลับมาที่ตึกวังฬาหนึ่งด้วยความร้อนรน เห็นสภาพจิตใจที่ดูไม่ดีนักของลูกชายที่คฤหาสน์เป็นแบบนั้นจริงๆ

“เป็นอะไรไปครับ? คิวคิว ทำไมจู่ๆถึงได้ไม่สบายล่ะลูก?” เส้นหมี่รู้สึกสงสาร หลังจากที่เห็นแล้ว ก็เข้ามาอุ้มเด็กน้อยที่พี่ภากำลังอุ้มอยู่ไป

แม้แต่คุณท่านที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอก็มองข้ามไปแล้วชั่วคราว

คิวคิวจะไม่สบายน้อยมากจริงๆ

ตอนเด็กๆเขาไม่ดื้อ เส้นหมี่ดูแลลูกทั้งสองคน ที่ทำให้เธอรู้สึกสบายใจไม่ต้องกังวลที่สุดก็คือลูกคนนี้ แม้แต่ต้องให้นมในตอนกลางคืนกับเขาก็น้อยมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกับการไม่สบายเลย

แต่ตอนนี้เขากลับไม่สบาย แรงที่จะเรียกหม่ามี๊ก็ยังไม่มีเลยเสียด้วยซ้ำ

“หม่ามี๊ ขอโทษครับ”

ชินจังเห็นท่าทางกังวลของหม่ามี๊แล้ว ก็มายืนข้างๆหม่ามี๊ในทันทีด้วยความรู้สึกละอายใจ

เส้นหมี่เห็นแล้ว จึงรีบลูบศีรษะของเขา “เด็กโง่ จะโทษหนูได้ยังไงล่ะลูก? ไม่เป็นไรนะ”

“หม่ามี๊ พี่ชายไปที่บ้านคุณอาเล็กมาถึงได้ไม่สบายค่ะ ต่อไปพวกเราจะไม่ไปแล้ว”แต่เวลานี้จู่ๆหนูรินจังก็เดินเข้ามา เสียงเด็กน้อยเอ่ยพูดเรื่องนี้ขึ้นมา

บ้านคุณอาเล็ก?

เส้นหมี่รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาในทันที จึงเงยหน้าขึ้นมาและถึงได้สังเกตเห็นคุณท่านที่ยืนอยู่ข้างๆมาโดยตลอดเลยด้วยเช่นกัน

“คือแบบนี้ เมื่อวานหลังจากที่พวกเขาสามคนไป คนที่บ้านก็ดีใจกันมาก เลยอยากจะพาพวกเขาไปเที่ยวเล่นกัน ฉันก็เลยจัดไปตามลำดับอาวุโส ให้พวกเขาไปที่บ้านของอาเล็กเธอก่อน ใครจะรู้ล่ะว่ากลับมาคิวจะไข้ขึ้น หลังจากนั้นก็ให้หมอมาดู ว่าเป็นหวัด คาดว่าช่วงบ่ายคงเล่นอยู่ในลานหนัก เหงื่อออกด้วย”

คุณท่านค้ำไม้เท้าเอาไว้ แล้วอธิบายอย่างละเอียดกับเส้นหมี่

นี่คงจะเป็นการพูดคุยกันอย่างเป็นทางการครั้งแรกหลังจากเรื่องครั้งที่แล้วของทั้งสองคน ครั้งที่แล้วตอนที่มาที่นี่กับแป้งร่ำ เนื่องจากว่าเกิดเรื่องขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทั้งสองคนจึงไม่ได้เอ่ยพูดกัน

แต่ครั้งนี้ หลังจากที่เส้นหมี่ฟังจบแล้ว ยังคงพยักหน้าลงอย่างนิ่งๆ แล้วอุ้มลูกขึ้นไปด้านบน

พี่ภา : “…….”

แล้วก็ตามเข้ามาด้วยพ่อบ้านโรจน์คฤหาสน์หลังเก่า : “…….”

เด็กนี่ใจกล้าแบบนี้ เป็นครั้งแรกที่เห็นจริงๆ

เส้นหมี่อุ้มลูกขึ้นมาที่ห้องนอนของเธอที่อยู่ชั้นสอง หลังจากนั้นก็ให้ลูกทั้งสองคนที่ตามหลังมา คนหนึ่งไปหยิบกล่องยาที่ชั้นสาม และอีกคนหนึ่งไปรินน้ำอุ่นมาให้

“คิวคิว ไม่ต้องกลัวนะครับ หม่ามี๊อยู่นี่แล้ว เดี๋ยวหม่ามี๊ดูให้นะ เดี๋ยวหนูก็ไม่รู้สึกไม่สบายแล้ว โอเคไหมครับ?”

“ครับ….”

ปกติแล้วเด็กที่ร่าเริงและเชื่อฟังขนาดนั้น เวลานี้ขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของหม่ามี๊ อ่อนเพลียเหมือนกับลูกแมวตัวหนึ่งเลยอย่างไรอย่างนั้น

เส้นหมี่เห็นแล้วก็อดที่จะรู้สึกสงสารขึ้นมาไม่ได้

รีบวางเขาลงบนเตียง เธอจับชีพจรตรงข้อมือเล็กๆของเขา กลับพบว่าชีพจรที่ปกติแล้วจะเต้นแรงเวลานี้ดูอ่อนแอไม่มีแรงเป็นอย่างมาก

อีกทั้งยังเต้นช้ามากอีกด้วย เหมือนกับลอยอยู่บนน้ำแบบนั้น

ชีพจรแบบนี้ ชัดเจนว่าเป็นอาการของกระเพาะลำไส้ จะเป็นหวัดได้อย่างไรกัน?

เส้นหมี่ขมวดคิ้วขึ้น แต่ไม่ได้สนใจที่จะซักถามอะไรมากมายขนาดนั้น หากระเป๋าเข็มของตัวเองออกมาแล้วทิ่มลงบนจุดลมปราณบนร่างของลูก

ทิ่มลงไปแล้ว สีหน้าของลูกนั้นก็ดีขึ้นมามากอย่างที่คิดไว้จริงๆ

“หม่ามี๊ ผมหิวแล้วครับ”

“ได้สิครับ เดี๋ยวหม่ามี๊ไปทำข้าวต้มลูกเดือยให้นะครับจะได้อุ่นท้อง” เส้นหมี่รู้สึกโล่งใจและรีบตอบรับขึ้นมา