บทที่ 273 ภรรยาถูกหาเรื่องทะเลาะ

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

เด็กๆอีกสองคนเห็นแล้วนั้นก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะชินจัง หลังจากที่เขาได้ยินน้องชายพูดว่าเริ่มอยากจะกินแล้ว ก็ยิ่งรีบวิ่งลงไปบอกกับน้าภาทันที

เมื่อข่าวแพร่ออกมาแล้ว บรรยากาศในคฤหาสน์นั้นก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย

จัดการเรื่องลูกเสร็จแล้ว เส้นหมี่เห็นว่าท้องฟ้ามืดแล้ว จึงอยากจะลงมาช่วยพี่ภาทำอาหาร

แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลังจากที่เธอลงมาแล้ว กลับพบว่านานขนาดนี้แล้ว แต่คุณท่านที่อยู่ด้านล่างนั้นยังไม่ไป แต่นั่งดูข่าวในโทรทัศน์อยู่ที่โซฟาคนเดียว พลางดื่มชาไปด้วย

นี่เขา….กำลังรอเธออย่างนั้นหรือ?

เส้นหมี่สัมผัสได้ว่าทั้งร่างกายรู้สึกไม่สบายขึ้นอีกครั้ง

แม้กระทั่งรู้สึกไม่สบายใจอีกด้วย

เรื่องของตระกูลสิริศร ทางคฤหาสน์หลังเก่าจนถึงตอนนี้แล้วก็ยังไม่ได้ยินการเคลื่อนไหวเลยแม้แต่นิดเดียว เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีข่าวคราวส่งออกไป ดังนั้น ตอนนี้เขายังไม่ไป จะเป็นเพราะสาเหตุนี้หรือเปล่า?

“ลูกไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม? มานั่งนี่สิ”

เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ หลังจากที่เห็นว่าเธอลงมาแล้ว คุณท่านที่อยู่ในห้องรับแขกดื่มชาไปหลายกาแล้วนั้น ก็โบกมือให้เธออย่างอ่อนโยน

ร่างของเส้นหมี่นั้นแข็งทื่อไป แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ยังเดินเข้าไป

“นั่งสิ เธอไม่เคยมาชงชาให้ฉันนานแล้วนะ ชาที่ฉันเอามาจากทางนั้น เป็นผลิตภัณฑ์พิเศษของทางบ้านเกิดตระกูลวชิรนันท์ของพวกเธอ ชงมาแล้วพวกเราลองชิมดูดีกว่า”

คนสูงวัยหยิบเอากระปุกใบช้ามาจากโต๊ะชา แล้วยื่นส่งให้ตรงหน้าเส้นหมี่

เส้นหมี่ : “………”

ในขณะนั้นเธอก็รู้สึกแสบปลายจมูกขึ้นมา จนทำให้ขอบตาของเธอแดงขึ้นมาบ้างแล้ว

ชาตันฉง เขายังจำได้

เธอบิดนิ้วที่ซีดขาว แล้วชั่วครู่หนึ่ง ก็นั่งลงข้างๆตามคำพูดของเขา หลังจากนั้นก็ลืมที่บอกกับตัวเองไว้ตอนงานเลี้ยงของตระกูลโรแกนไปเป็นการชั่วคราว เริ่มชงชาเหมือนกับปกติ

“ได้ข่าวว่าพ่อของเธอทำตัวดีมากตอนอยู่ในคุก ช่วงนี้ก็ได้ลดโทษมาอีกแล้ว”

“จริงเหรอคะ?”

ข่าวดีที่มาอย่างกะทันหัน เป็นการทำลายความเงียบของเส้นหมี่ขึ้นมาทันที เธอเงยหน้าขึ้นมองคนสูงวัยคนนี้อย่างเซอร์ไพรส์

พ่อได้ลดโทษแล้วอย่างนั้นเหรอ?

ดีจัง พวกเขาพ่อลูกก็จะได้เจอกันในอีกไม่นานแล้ว

“อืม ลดมาสามปี บวกกับที่อยู่ในนั้นแล้วหกปี ก็เป็นเก้าปี นับดูแล้วก็อีกปีนึงเธอก็จะได้เจอกับพ่อของเธอแล้ว”

ดูแล้วคุณท่านเหมือนจะอารมณ์ดีด้วยเช่นกัน

เส้นหมี่รู้สึกอึ้ง

สิบปี?

ก่อนหน้านี้ไม่ใช่บอกว่าสิบห้าปีหรอกหรือ? ทำไมจู่ๆถึงได้เปลี่ยนเป็นสิบปีแล้ว? หรือว่าเธอจำผิด?

เส้นหมี่รู้สึกงุนงงเล็กน้อย แต่ไม่นานเธอก็ไม่ได้ไปคิดถึงเรื่องพวกนี้แล้ว สิบปีก็ยิ่งดีไม่ใช่เหรอ? เธอก็สามารถได้เจอพ่อแล้ว

“อย่างนั้น….สองวันนี้ฉันไปเจอเขาได้ไหมคะ? ฉัน…..สองสามปีนี้ฉันอยู่ต่างประเทศตลอด ไม่ได้เคยเขาเลย ฉันอยาก….อยากไปหาเขา”

“แน่นอนสิ เธออยากจะไปตอนไหนก็ได้ ฉันจะจัดการให้เธอเอง”

คุณท่านตอบรับอย่างตรงไปตรงมา

ถึงตอนนี้แล้ว บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนนั้นผ่อนคลายลงมาในที่สุด กลับไปเหมือนกันหน้านี้ที่มีความรักใคร่กลมเกลียวกันชั่วคราว

“วันนี้ที่กำลังรอฉันอยู่ตรงนี้ อยากจะถามเรื่องที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับตระกูลสิริศรหรือเปล่าคะ?”

อาจจะเป็นความรู้สึกซาบซึ้งใจในบุญคุณ หลังจากที่เส้นหมี่ดื่มชาไปสองสามแก้วแล้ว เห็นว่าคุณท่านไม่ได้เอ่ยพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เธอต่อสู้ดิ้นรนอยู่นาน จนในที่สุดก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมา

แต่นั่นทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจมาก ไม่คิดว่าคุณท่านจะส่ายหน้า

“ไม่ใช่ ฉันอยู่ที่นี่ก็เพราะจะบอกเรื่องพ่อของเธอ เธอว่าเรื่องนี้ ตอนนี้ฉันก็ไม่ได้อยากจะสนใจแล้ว นี่เป็นเรื่องของแสนรักเอง แม้แต่เขาก็เชื่อเธอขนาดนี้แล้ว ฉันไม่จำเป็นต้องเข้าไปร่วมด้วยหรอก”

“อีกทั้ง ฉันเองก็ต้องขอโทษเรื่องที่ฉันมีอคติต่อเธอก่อนหน้านี้ด้วย เธอเป็นเด็กดีมากคนนึง ฉันก็เห็นเธอโตขึ้นมา เธอเป็นคนยังไง ฉันรู้ดีกว่าใครทั้งนั้น หัวใจดวงนั้นที่เธอมีให้กับแสนรัก ฉันเองก็ไม่ควรไปสงสัย เพราะฉะนั้น ตอนนี้ฉันไม่ควรแทรกมือเข้าไปยุ่งเรื่องนี้อีก แต่ควรจะขอร้องให้เธอยกโทษให้ฉันครั้งนี้ ไม่รู้ว่าเธอจะยอมหรือเปล่า?”

คนสูงวัยคนนี้ ถือแก้วชาขึ้นมาตอนสุดท้าย แล้วขอร้องเส้นหมี่ด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด

เส้นหมี่รู้สึกตะตะลึงไปแล้ว!

ไม่คิดว่าเขา….จะกำลังขอร้องให้เธอยกโทษให้?

เขาไม่โทษเธอ ไม่ซักถามเธอ แต่กลับขอโทษเธอกับเรื่องก่อนหน้านี้ ขอร้องให้เธอยกโทษให้อย่างนั้นเหรอ?

เส้นหมี่รู้สึกว่าเหมือนกับตัวเองกำลังฝันอยู่อย่างไรอย่างนั้น

แต่เธอไม่สามารถปฏิเสธได้เลย หลังจากที่เธอได้ยินเรื่องพวกนี้แล้ว หัวใจที่เคยปิดสนิทของตัวเอง หัวใจที่สร้างแนวป้องกันเอาไว้อย่างแข็งแกร่งเพื่อใช้ปกป้องนั้นก็เริ่มค่อยๆพังทลายลง

“อย่าพูดแบบนี้เลยค่ะ เรื่องบางเรื่อง ฉัน….ก็ทำผิดจริงๆ”

“แต่เธอมีหัวใจที่เฝ้าปกป้องรักษาเขาจริงๆ นี่ก็เพียงพอแล้ว”

สุดท้ายแล้วตอนที่คุณท่านจะไปนั้น ทิ้งประโยคนี้เอาไว้

และดูเหมือนกับถึงตอนนี้ เขายอมรับเส้นหมี่คนนี้จากความหมายที่แท้จริง การมีอยู่ในชีวิตของแสนรัก เขายินยอมให้เธอเฝ้าปกป้องรักษาเขาไปตลอดชีวิตนี้

ตอนที่แสนรักได้ยินข่าวนี้และกลับมานั้น คลื่นลมในตึกวังฬาหนึ่งสงบลงมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

คิวคิวที่ไม่สบายก็กำลังพักผ่อนอยู่ทางด้านบน เส้นหมี่พารินจังและชินจังมาอยู่เป็นเพื่อนที่ห้องนอนของเขา ภายในคฤหาสน์ที่ใหญ่โต หลังจากที่ฟ้ามืดและผู้คนสงบลงแล้ว ไม่มีการเล่นกันของเด็กๆ ไม่มีการเดินของร่างบางนั้น

ทำให้คฤหาสน์นี้ดูเปลี่ยนเปลี่ยวและเงียบเหงามากเป็นพิเศษ

เขาชะงักไป แล้วจู่ๆในใจก็เกิดความไม่สอดคล้องขึ้นมาอย่างรุนแรง