บทที่ 463 เกียรติของคนคนหนึ่ง

Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]

บทที่ 463 เกียรติของคนคนหนึ่ง

บทที่ 463 เกียรติของคนคนหนึ่ง

กลุ่มคนมากมายเริ่มหลั่งไหลเข้ามายังเขตป่าแห่งนี้ จนมันถึงระดับที่หูเสี่ยวหูไม่สามารถกันไว้ได้ พวกเขาหลุดออกจากการกักบริเวณของเธอและเข้าไปยังเขตป่าได้ในที่สุด

“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”

“เวรเอ๊ย!”

ทว่าเมื่อเข้ามาถึงจุดเกิดเหตุ พวกเขาทั้งหมดก็ต้องงุนงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ภายในเขตป่านั้น ตอนนี้มันกำลังวุ่นวายเอาเสียมาก ๆ มีการปะทะกันไปทั่ว และหลังจากที่ความงุนงงเริ่มจางหายไปจากหัวพวกเขา คนเหล่านี้ก็เข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ไม่เพียงแต่ผู้ที่หมายจะมาฆ่าน้องสาวของเจ้าแห่งฮีลเลอร์เพื่อสร้างปัญหาเท่านั้น แต่ผู้คนอีกหลายกลุ่มก็มาเพื่อจะดูสถานการณ์ด้วย

“นั่น! ท่านไนท์คูนเนอร์!”

“เด็กสาวผมบลอนด์คนนั้น น้องสาวเจ้าแห่งฮีลเลอร์เหรอ? เป็นเด็กสาวที่สวยจริง ๆ!”

“เดี๋ยวนะ! นั่นมันมือสังหารสีชาดนี่!? อยู่ที่นี่กันจริง ๆ ด้วย!”

“ต้องใช่แน่ ๆ! พวกเขามาที่นี่กันก็เพื่อปกป้องน้องสาวเจ้าแห่งฮีลเลอร์! ในโลกแห่งเกมนี้น่ะ นอกจากน้องสาวเจ้าแห่งฮีลเลอร์แล้ว ไม่มีใครคนไหนที่ควรค่าแก่การให้มือสังหารระดับสูงของมิดซัมเมอร์มาคอยดูแลหรอก!”

“ไปเร็ว! กิลด์วูล์ฟกำลังตกที่นั่งลำบากแล้ว! รีบเข้าไปช่วยเร็ว!”

“ใช่แล้ว ลุยกันเลย!”

กลุ่มคนจากรอบทิศทางที่เพิ่งเข้ามาในเขตป่าได้รีบโถมเข้าร่วมกับการต่อสู้ในครั้งนี้ ทว่ามันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย เพราะการมาของพวกเขา นอกจากจะไม่ได้ช่วยอะไรแล้ว มันยังทำให้สนามรบที่นอกเมืองนี้วุ่นวายกว่าเดิมอีกด้วย

นั่นเพราะกลุ่มคนเหล่านี้ ล้วนต่างก็มาจากกิลด์แตกต่างกัน เว้นจากผู้ที่มาจากกิลด์เดียวกันเท่านั้นจะเห็นผู้เล่นอื่นในสถานะเป็นพันธมิตร หากเป็นกิลด์ต่างกัน พวกเขาจะเห็นพลังชีวิตเป็นสีแดงทั้งหมด มันทำให้พวกเขาไม่สามารถแยกแยะในจังหวะชุลมุนไม่ได้ว่าผู้ที่กำลังจะโจมตีนั้นเป็นพันธมิตรหรือศัตรู สิ่งเดียวที่ทำได้คือ ต่อสู้!

ในตอนนี้ นอกจากพันธมิตรกิลด์เดียวกันแล้ว คนอื่นล้วนกลายเป็นเป้าหมายการโจมตีได้หมดเลย

ยกตัวอย่างกองทหารที่ 19 ของกิลด์วูล์ฟก็ได้ พวกเขาจัดขบวนตั้งรับโดยที่มีเป้าหมายเดียวคือปกป้องผู้ที่อยู่ภายในวงล้อม ยามที่เขาเห็นกลุ่มผู้เล่นอื่นตรงเข้ามา ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเป็นพันธมิตรหรือไม่ ไม่สนว่าคนคนนั้นจะเป็นใคร หากเป็นชื่อสีแดง พวกเขาก็พร้อมจะเปิดฉากการโจมตีทั้งหมด และเมื่อการโจมตีเกิดขึ้น ทุกคนที่อยู่ใกล้ ๆ ก็จะตื่นตระหนก ภาพความวุ่นวายที่ไร้ขอบเขตนี้ก็จะเริ่มทวีคูณความหนักหน่วงมากขึ้นไปเรื่อย ๆ กลายเป็นว่าทุกคนล้วนห้ำหั่นกันเองท่ามกลางความไม่รู้เช่นนี้

แสงสว่างสีขาวมากมายปรากฏขึ้นหลังการโจมตีดำเนินไปได้สักพัก แสงเหล่านี้คือสัญลักษณ์แสดงให้เห็นว่ามีผู้เล่นล้มตายและสภาพกลายเป็นแสงเพื่อกลับสู่เมืองไปเกิดใหม่ นี่เป็นผลจากการที่ต่างฝ่ายต่างก็สู้กันเองอย่างเละเทะก่อนหน้านี้นั่นเอง!

ไม่มีคำว่ามิตรหรือศัตรู พวกเขาไม่มียั้งมือกันเลยเมื่อเห็นแถบพลังชีวิตสีแดง ไม่เว้นแม้แต่คนของกองทหารที่ 19 เองยังมีบ้างที่โดนลูกหลงจากการโจมตีมั่วซั่วนี้จนตาย และผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดจากการฆ่ามั่วซั่วนี้ ก็คือ ชื่อของพวกคนที่ฆ่ากันเองนั้นเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง มันเข้มขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นสีดำในที่สุด!

“พี่ชาย! หยุดก่อน อย่าเพิ่งเข้าใจผิด! นั่นคนของฉันเอง!”

“อ้าว เฮ้ย! พวกนายมาจากกิลด์วูล์ฟไม่ใช่เหรอ? จะมาโจมตีฉันทำบ้าอะไรวะ ฉันมาเพื่อช่วยนะเว้ย!”

ความวุ่นวายหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ ในสนามรบแห่งนี้ รวบรวมกิลด์ระดับสูงไว้แทบจะหมดทุกกิลด์แล้ว แต่ไม่ว่ากิลด์นั้นจะเป็นกิลด์อะไร พวกเขาต่างก็มึนงงและสับสน เว้นแต่กองทหารที่ 19 ของกิลด์วูล์ฟ ที่หนักแน่นในขบวนตั้งรับ พวกเขาไม่สนใจว่าผู้ที่เข้ามาจะมาช่วยหรือมาลอบสังหาร หน้าที่หลักที่สำคัญ คือการป้องกันไม่ให้ใครผ่านไปหาผู้ที่อยู่ท่ามกลางวงล้อมได้อย่างเด็ดขาด!

[ประกาศจากพื้นที่ : หยุดได้แล้ว ทั้งหมดเลย! – แด๊ด]

อย่างไรก็ตาม ความวุ่นวายอันหนักหน่วงเหล่านี้ไม่ได้คงอยู่นานนัก ณ เวลานั้น บนฟากฟ้าเหนือสมรภูมิชั่วคราว เสียงประกาศอันดังกึกก้องก็กังวาลไปทั่วเขต สะท้อนหวนในหัวของผู้เล่นทุกคน

ทุกอย่างหยุดลงในทันทีเนื่องจากผู้เล่นทุกคนต่างก็ต้องพากันแหงนหน้ามองขึ้นมาบนฟ้าอย่างพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย และที่บนฟากฟ้านั้น พวกเขาก็ได้เห็น ร่างที่สูงโปร่งและสง่างามของยูนิคอร์นแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์กำลังทะยานฟ้าลงมายังใจกลางสมรภูมินี้!

ที่ด้านข้างยูนิคอร์นตัวใหญ่นั้น ร่างของนางฟ้าหกปีกที่มาพร้อมกับดาบศักดิ์สิทธิ์เล่มโตเองก็กำลังพุ่งลงมาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดด้วยเช่นกัน

“นั่น เจ้าแห่งฮีลเลอร์!”

“เจ้าแห่งฮีลเลอร์มาที่นี่งั้นเหรอ!?”

“เป็นไปได้ยังไงกัน! เจ้าแห่งฮีลเลอร์ควรจะอยู่ที่เมืองไอรอนครอสซิตี้สิ! เกิดอะไรขึ้นกับอีกฝั่งหนึ่งกันแน่น่ะ ฉันไม่ได้ตามสถานการณ์ทางนั้นเลย!?”

หลังจากที่การต่อสู้ภาคพื้นดินสงบลงไปพักหนึ่ง อันเนื่องมาจากทุกคนต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็นไปพร้อม ๆ กัน พวกเขาก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันน่าพิศวงที่ถูกปลดปล่อยลงมาจากผู้มาเยือนเหนือฟากฟ้า พลังที่ยิ่งใหญ่ ของบุคคลผู้เป็นหนึ่งในใต้หล้า!

“เจ้าแห่งฮีลเลอร์ พวกเราคือสัมพันธมิตรแจ็กด์…” ความเงียบคงอยู่ไม่นาน และผู้ที่ทำลายมันก็คือ ผู้เล่นจากกิลด์ระดับสูงอย่างสัมพันธมิตรแจ็กด์ จุดประสงค์ของการที่พวกเขามายังสถานที่แห่งนี้ ก็คือการได้น้องสาวของเจ้าแห่งฮีลเลอร์เป็นเครื่องต่อรอง ดังนั้นเมื่อเห็นเจ้าแห่งฮีลเลอร์มาปรากฏตัวด้วยตนเอง พวกเขาจึงไม่พลาดที่จะแสดงตัวออกมาก่อน

[ประกาศจากพื้นที่ : ออกไปจากที่นี่ซะ! – แด๊ด]

แต่โชคช่างไม่เข้าข้าง เพราะยังไม่ทันพูดจบประโยค เซียวเฟิงก็ชิงขับไล่เขาออกไปก่อนด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแสแต่อย่างใด นั่นไม่ใช่สิ่งที่บอกแก่สัมพันธมิตรแจ็กด์เพียงฝ่ายเดียว แต่หมายถึงทุกฝ่ายที่มารวมกันอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ตอนนี้

“เอ่อ…ถะ…ถ้างั้นพวกเราไม่รบกวนก็แล้วกัน”

สมาชิกอาวุโสของสัมพันธมิตรแจ็กด์ถึงกับไปไม่เป็น เขานิ่งแข็งก่อนจะพูดขอตัวลาอย่างไม่ลังเล เพียงไม่นานนัก คนของสัมพันธมิตรแจ็กด์ก็ถอนตัวออกจากพื้นที่กันหมด พวกเขากลัวว่าหากฝืนอยู่ต่ออาจจะทำให้เจ้าแห่งฮีลเลอร์หัวเสียได้ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น นั่นหมายถึงพวกเขาอาจจะกลายเป็นเพียงอดีตในหน้าประวัติศาสตร์ไปด้วยอีกราย

“งะ…งั้นพวกเราก็ไม่รบกวนเช่นกันครับ”

“ชะ…ใช่! ใช่แล้ว! เฮ้ย พวกแก ใช้คัมภีร์เมืองแล้วรีบ ๆ กลับเมืองได้แล้ว!”

เมื่อเห็นสัมพันธมิตรแจ็กด์ออกตัวล้อฟรีไปก่อนแล้ว กิลด์ขนาดใหญ่กิลด์อื่นก็พากันจรลีตาม ๆ กันไป ไม่ว่าพวกเขาจะมีจุดมุ่งหมายอะไรในตอนแรกก็ตาม พวกคนที่คิดจะลอบสังหารเซียวหลิง หรือแม้แต่คนที่หมายจะมาช่วยปกป้อง พวกเขาใช้โอกาสนี้แยกย้ายไปตามทางของตนอย่างเร็วที่สุด

ไม่ถึงสองนาที เขตป่าที่เคยเป็นจุดเกิดสมรภูมิก่อนหน้านี้ก็กลับสู่ความสงบอีกครั้ง ไม่มีใครอยู่แล้วนอกเสียจากเซียวหลิงและคนอื่น ๆ รวมไปถึงกิลด์วูล์ฟด้วย

“สมเป็นเจ้าแห่งฮีลเลอร์ที่น่าเกรงขามและยิ่งใหญ่จริง ๆ แค่ประโยคเดียวก็ทำเอาคนพวกนั้นทำอะไรกันไม่ถูกเลย”

หูเสี่ยวหูยกมือป้องปากไว้แล้วยิ้มน้อย ๆ เธอตาเป็นประกายตั้งแต่ที่ได้เห็นเซียวเฟิงบินลงมาจากฟากฟ้าแล้ว

“เป็นอะไรหรือเปล่า?”

เซียวเฟิงไม่ได้สนใจหูเสี่ยวหูเลย เขาลูบหัวเสี่ยวเสวียเบา ๆ เพื่อให้ร่างนั้นค่อย ๆ ลงไปยืนตรงหน้าซือเยี่ยจิ๋ง เซียวหลิงและหนิงเคอเค่อ เมื่อถึงพื้นแล้ว เซียวเฟิงจึงเอ่ยถามขึ้น

“ก็ต้องไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว นี่มันเรื่องเล็กน้อยจะตายไป”

ซือเยี่ยจิ๋งเชิดหน้าขึ้นแล้วพูดตอบ เธอไม่ต้องทำอะไรในสถานการณ์ครั้งนี้เลย ดังนั้นมันก็ชัดเจนแล้วว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรนัก

“อย่าให้เซียวหลิงออกนอกเขตของมิดซัมเมอร์อีกในอนาคต สถานะของตัวเธอน่ะ เป็นที่จับตามองมาก ๆ แล้วตอนนี้”

ได้ยินเช่นนั้นเซียวเฟิงก็พูดต่อด้วยความปวดหัว สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เซียวเฟิงเผลอมองข้ามไปเมื่อครั้งที่ตัดสินใจเข้าโจมตีกิลด์กางเขนเหล็กเพื่อล้างแค้นให้เซียวหลิง เขาไม่ทันได้คิดว่าการล้างแค้นนั้นจะกลายเป็นการชี้ลู่ทางให้แก่คนที่ไม่ประสงค์ดีต่อคนอื่นมองชีวิตของเซียวหลิงเป็นเครื่องมือแก้แค้นซึ่งกันและกัน

“อ่าฮะ ฉันก็รู้สึกแบบนั้น รู้ตั้งแต่เห็นนายไปก่อปัญหาแล้ว”

นักฆ่าสาวพยักหน้าก่อนจะกรอกตาใส่เซียวเฟิง แน่นอนว่าเซียวเฟิงเองก็มีส่วนผิด เพราะงั้นเขาจึงได้แต่ส่ายหน้าด้วยความหนักอึ้ง ชายหนุ่มมองไปยังเซียวหลิง ทว่าตอนนั้นเด็กสาวผมสีบลอนด์ก็วิ่งเข้าไปหาเสี่ยวไป๋หมายจะกอดและเล่นกับปีกทั้งหกนั้นอย่างคิดถึง

ดาบศักดิ์สิทธิ์ของเสี่ยวไป๋ในมือนั้นกลายเป็นละอองสีทองแล้วจางหายไป เช่นเดียวกับชุดเกราะตามตัวเองก็หายไปด้วย ในส่วนของเกราะหัวเองก็สลายไปเผยให้เห็นใบหน้าอันงดงามภายใน เจ้าตัวเล็กหุบปีกก่อนจะวิ่งสวนเซียวหลิงเข้าไปจับมือที่อบอุ่นของเซียวเฟิงไว้แทน

“เจ้าทาสนิสัยไม่ดี! ใครอนุญาตให้เอาเสี่ยวไป๋ของฉันไปไว้กับตัวเองน่ะ! ส่งเธอคืนมาให้องค์หญิงเซียวหลิงเดี๋ยวนี้เลยนะ!”

เซียวหลิงกระทืบเท้าด้วยความโกรธก่อนจะเดินกลับไปหาเซียวเฟิง มือของเธอเท้าเอวตนเองไว้ด้วยท่าทีน่ารัก ในขณะเดียวกันแววตาสีฟ้าครามก็จ้องมองไปยังเซียวเฟิงยังไม่ละสายตาอีกด้วย

เซียวเฟิงส่ายหน้าอีกครั้ง เขาลูบหัวเสี่ยวไป๋เบา ๆ ภายใต้สายตาขี้อิจฉาของเซียวหลิงและพยายามปล่อยมือเสี่ยวไป๋แม้ว่าเจ้าตัวจะขัดขืนก็ตาม ในท้ายสุด เซียวหลิงจึงได้เสี่ยวไป๋ไปกอดไปหอมดังที่ตั้งใจ

“ยังไงก็เถอะ เซียวหลิง…นี่ของเธอ”

ทันใดนั้น เซียวเฟิงก็นึกอะไรขึ้นได้บางอย่าง เขาหยิบเอาหนังสือเวทมนตร์ออกมาจากกระเป๋าและส่งมันให้เสี่ยวหลิง สิ่งนี้คืออาวุธที่เซียวเฟิงเก็บได้จากเมื่อตอนอยู่ในเขตฮันกึล แม้หน้าตามันจะเหมือนหนังสือ แต่จริง ๆ แล้วเป็นอาวุธประเภทคทา และคุณภาพมันก็อยู่ในระดับอาร์ติแฟกต์เลย

“แสงสีม่วง!? มันคืออาร์ติแฟกต์เหรอ? หนังสือเล่มเนี้ยอ่ะนะ? เดี๋ยวก่อนสิ! อย่าบอกนะว่า มันคือ คัมภีร์ของมหานักเวทผู้ยิ่งใหญ่ในอันดับอาวุธน่ะ!?”

พลันเมื่อได้เห็นสิ่งที่เซียวเฟิงยื่นให้ เซียวหลิงก็อดที่จะอุทานออกมาไม่ได้ “กะ…กะ…กะอีแค่ของฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ องค์หญิงผู้เลอโฉมและใจดีอย่างฉันจะไม่รังเกียจที่จะรับของที่ทาสนิสัยเสียมอบให้ก็แล้วกัน กะ…ก็ไม่ได้อยากรับไว้หรอกนะ!”

เพราะมันเป็นถึงระดับอาร์ติแฟกต์ เซียวหลิงจึงเผลอสติแตกไปในครู่แรกที่ได้เห็น เธอแอบอ่านคุณสมบัติกับมันบ้างแล้ว แต่ก็ต้องพยายามไม่ตื่นตระหนกต่อหน้าเซียวเฟิงมากเกินไปอยู่ดี

“เจ้าแห่งฮีลเลอร์เนี่ย ใจดีกับน้องสาวคนสวยจังเลยนะคะ สมควรแล้วที่กางเขนเหล็กจะโดนแบบนั้น อาวุธอาร์ติแฟกต์ชิ้นนี้น่ะ ราคาตลาดน่าจะสูงถึงร้อยล้านเหรียญแล้ว เงินขนาดนั้น น่าจะซื้อบริษัทได้สบาย ๆ เลย”

หูเสี่ยวหูที่อยู่ในเหตุการณ์พูดขึ้นด้วยความอิจฉาลึก ๆ

ขณะเดียวกันนั้น เซียวเฟิงก็รู้สึกได้ว่าตนเองกำลังถูกเตะจากด้านหลัง เมื่อเขาหันกลับไปดู ก็พบว่าซือเยี่ยจิ๋งกำลังมองเขาด้วยแววตาไม่พอใจอยู่

“ของเธอไว้จะเอามาให้วันหลัง” เซียวเฟิงให้สัญญาด้วยคำพูด แต่แค่นั้นก็ทำให้ซือเยี่ยจิ๋งพึงพอใจมาก ๆ

“แล้วปัญหาของกิลด์วูล์ฟล่ะ คืออะไร?” ทันใดนั้น เซียวเฟิงก็หันไปพูดกับหูเสี่ยวหู

“ตอนนี้กิลด์ทั่วทั้งฮัวเซียคงจะไม่อยากผูกมิตรกับพวกเราแล้วมั้ง คราวนี้รู้หรือยังล่ะคะว่าปัญหาคืออะไร เจ้าแห่งฮีลเลอร์?” หูเสี่ยวหูยิ้มน้อย ๆ โดยที่ไม่ได้เบ่งอำนาจแต่อย่างใด

“กิลด์วูล์ฟเป็นผู้ปกครองจักรวรรดิออร์ค ท่ามกลางกิลด์ระดับสูงทั่วทั้งฮัวเซีย อิทธิพลกิลด์ของเธอน่าจะยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว เพราะงั้นพวกเธอจะเอาฉันเข้าไปเป็นพวกเพื่ออะไรอีก? กลัวแพ้กิลด์อื่นหรือไง?” เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะพูดอะไรต่อ เซียวเฟิงจึงปฏิเสธแต่เนิ่น ๆ แล้วยิ้มให้

“เข้าใจแล้ว ๆ ในเมื่อรู้ใจกันขนาดนี้ฉันก็จะไม่อ้อมค้อมก็แล้วกันนะ เขตแดนในฟากใต้ของนายเองก็ใหญ่ไม่ใช่เล่น ๆ เพราะงั้นนายก็ไม่ควรจะมาเที่ยวเล่นในจักรวรรดิออร์คบ่อย ๆ ได้แล้ว มันจะพลอยทำให้พวกฉันวุ่นวายไปด้วย”

หูเสี่ยวหูลดระดับความเป็นทางการในภาษาลง เธอดูจะไม่ได้เกรงกลัวเซียวเฟิงที่เพิ่งจะผ่านการปะทะกับกิลด์ขนาดใหญ่ด้วยตัวคนเดียวผู้นี้เลย

เธอน่ะเป็นผู้เล่นที่มีความยึดมั่นในศักดิ์ศรีของตนมาก ๆ ซึ่งนี่เองก็เป็นสิ่งที่สมาชิกกิลด์วูล์ฟยึดถือกันด้วย ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เป็นฝ่ายไปทาบทามผู้เล่นระดับสูงก่อน แต่พวกเขาก็ไม่ยอมลดเกียรติของตนแม้จะต้องเผชิญหน้ากับผู้เล่นระดับนั้นเช่นกัน เกียรติยศของพวกเขาหนักแน่น ไม่ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหน้าจะเป็นใครก็ตาม อีกอย่างหนึ่งนั่นก็เพราะกิลด์วูล์ฟนั้นมีการจัดการภายในกิลด์ที่ค่อนข้างจะหละหลวมกว่ากิลด์อื่นเมื่อเทียบกันแล้ว หากพวกเขาให้อภิสิทธิ์แก่ผู้เล่นระดับยอดฝีมือ มันจะทำให้ระบบกิลด์ของเขาพังเสียหายมากกว่านี้

ด้วยเหตุนี้ หูเสี่ยวหูจึงพูดออกมาตรง ๆ ยังไงเสียเธอก็มั่นใจอยู่แล้วว่า ไม่มีทางที่กิลด์วูล์ฟจะได้เซียวเฟิงมาเป็นสมาชิกกิลด์ได้ เช่นนั้นเธอก็ต้องไม่ให้เซียวเฟิงนำปัญหามาให้พวกเธอด้วยเช่นกัน

“ฮ่ะ ๆๆ ถ้างั้นฉันไม่รบกวนเธอแล้ว ไปกันเถอะ”

เซียวเฟิงไม่ได้ติดใจคำพูดของเธอแต่อย่างใด เขายังคงยิ้มให้ ก่อนจะหยิบนำคัมภีร์เมืองแห่งความโศกเศณ้าออกมาและจากไปพร้อมกับซือเยี่ยจิ๋งกับอีกสองสาวที่มาด้วยกัน