บทที่ 91 มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“นี่มัน……”

เมื่อเห็นภาพนี้ ทุกคนอึ้งกันไปอย่างอดไม่ได้

มู่หยุนเทียนทอดสายตาไปที่เย่เทียน “น้องคนนี้สายตาเฉียบแหลมดีนี่ ขนาดฉันเองยังเกือบมองพลาดไป”

เมื่อคำพูดนี้ถูกเอื้อนเอ่ยออกไป ทุกคนจึงได้รู้ว่าถังซานฉ่ายที่ราคาไม่เบานี้เป็นของปลอมอย่างไม่ต้องสงสัย

ส่วนลิ่วหรั่นสีหน้าซีดเผือดไปทันตา คนทั้งคนตัวสั่น ทรงตัวไม่อยู่จนฟุบลงไปอยู่ที่พื้น วิญญาณแทบหลุดออกจากร่า เขากลัวจนสองขาสั่นงึกงัก

ถึงยังไงทุกคนในที่นี้ต่างเป็นคนใหญ่คนโตในเจียงหนัน แม้แต่เยี่ยนจื่อเฉินที่มาจากเมืองจินยังมีอำนาจล้นฟ้า

ไปหลอกลวงคนแบบนี้ ต่อให้เขาไม่ตายก็คงต้องพิการ

“คุณชายเยี่ยน….คุณ คุณฟังผมอธิบายก่อนนะครับ…..”

เมื่ออยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ลั่วหรั่นไม่กล้าคิดอะไรมากไปกว่านี้ เขารีบปริปากแก้ตัว

“อธิบาย? แกไปคิดหาทางรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้เถอะ”

เยี่ยนจื่อเฉินพูดด้วยสีหน้าเย็นเยียบ

เขาสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของสีหน้าลิ่วหรั่น จะไม่รู้ได้ยังไงว่าตัวเองโดนหลอก สายตาเขาจ้องเขม็งไปที่ลิ่วหรั่นราวกับพ่นไฟได้

ระหว่างที่พูดอยู่ เขาเบนสายตาไปที่จี้เจิ้งโก๋

ถึงยังไงก็ไม่ใช่ถิ่นตัวเอง เรื่องบางเรื่องเขาก็ยังต้องหวังพึ่งตระกูลจี้

“เด็กๆ นำตัวเขาไป!”

จี้เจิ้งโก๋เข้าใจทันที จึงออกคำสั่งโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า

ทันใดนั้น ก็มีบอดี้การ์ดตัวล่ำบึ้กสามสี่คนเดินเข้ามา ลากลิ่วหรั่นออกไปโดยไม่สนใจการดิ้นรนกระเสือกกระสนของเขา

และในนาทีนั้น เยี่ยนจื่อเฉินก็ทอดสายตาไปที่เย่เทียน

“แกรู้แต่แรกแล้วว่าม้าสามสีนั้นเป็นของปลอม แค่เช็ดถูก็จบ แกจะทุ่มมันลงพื้นทำไม!”

“ถ้าว่ากันตามเหตุผลก็ใช่”

เย่เทียนหัวเราะคิกคัก “แต่ฉันคิดว่าหลังจากแกรู้ว่านี่เป็นของปลอมแล้วก็ต้องทุ่มลงพื้นอยู่ดี ยังไงก็ต้องทุ่มอยู่ดี ฉันก็ฉวยโอกาสนี้ทำเอาสะใจไง”

“ทุ่มโหลเส็งเคร็งราคาสิบสามล้านไม่ได้สะใจธรรมดาเลยนะ!”

“แก!”

เยี่ยนจื่อเฉินโมโหจนกัดฟันกรอด

เงินไม่กี่สิบล้านไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขา

แต่ท่าทางของเย่เทียนเยาะเย้ยเขาชัดๆ!

อีกอย่าง ถังซานฉ่ายเป็นของปลอม อีกสองชิ้นก็คงเป็นของปลอมเช่นกัน

แต่เย่เทียนกลับรอจนเขาประมูลมาถึงชิ้นที่สามถึงพูดอธิบาย จงใจชัดๆ!

คนระดับเขาเห็นหน้าตาเป็นสิ่งสำคัญ ทีแรกเขายังดูถูกคนที่ถูกทอดทิ้งอย่างเย่เทียน แต่เวลานี้เขาเองเป็นคนที่ต้องอับอายขายขี้หน้า

“แกอะไรอีก? ฉันช่วยแกไว้นะ ช่วยทลายแผนหลอกลวงนี้ให้แก แกควรจะขอบคุณฉันไม่ใช่หรอ?”

เย่เทียนไม่สนความมุ่งร้ายในสายตาของเขา และถามอย่างหยอกล้อ

หลังจากคำพูดนี้ถูกเอื้อนเอ่ย เยี่ยนจื่อเฉินโมโหจนแทบระเบิดอารมณ์เสียตรงนั้น!

“แก…..แกรอก่อนเถอะ เดี๋ยวเราได้เห็นดีกัน!”

เยี่ยนจื่อเฉินกำหมัดแน่น ทิ้งคำพูดโหดเหี้ยมไว้ก่อนจะหันหลังเดินออกไป

“เดี๋ยวสิ แกนี่ขี้งกชะมัดเลย โดนหลอกไปตั้งสามสิบกว่าล้าน แบ่งให้ฉันสักล้านแปดแสนเป็นค่าแรงจะเป็นอะไรไป?”

เหมือนเย่เทียนกลัวว่าอีกฝ่ายจะโกรธไม่พอ ถึงราดน้ำมันบนกองไฟเพื่อแทงใจดำเขา

เยี่ยนจื่อเฉินเท้าสะดุดจนเกือบล้มลงกับพื้น ความเกลียดชังที่มีต่อเย่เทียนยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีก

พอเห็นท่า เย่เทียนแอบหัวเราะในใจ เขาลูบคลำหนึ่งในชิ้นส่วนของถังซานฉ่ายและเก็บเข้ากระเป๋าตัวเอง

เห็นเยี่ยนจื่อเฉินออกไปอย่างมีน้ำโห คิ้วเรียวของหลินอ้าวเสว่ขมวดเป็นปม

ไม่ว่ายังไงเยี่ยนจื่อเฉินก็เป็นคนของตระกูลเยี่ยนแห่งเมืองจิน การกระทำของเย่เทียนก่อนหน้านี้เรียกได้ว่าเป็นการล่วงเกินเขาอย่างสมบูรณ์

หากเยี่ยนจื่อเฉินคิดจะทำอะไร ด้วยความสามารถของเขาไม่มีใครหยุดเขาได้หรอก!

ต่อให้เย่เทียนเกาะต้นไม้ใหญ่อย่างตระกูลฉินได้ก็เถอะ!

“เย่เทียน นายจะหยิ่งยโสเกินไปแล้ว นายไปมีเรื่องกับเยี่ยนจื่อเฉิน เขาจะยอมปล่อยให้นายได้มีชีวิตต่อไปดีๆได้ยังไง?”

หลินอ้าวเสว่ทั้งโกรธทั้งร้อนใจ

โกรธที่เย่เทียนไม่รู้จักเจียมตัว บังอาจไปเป็นศัตรูกับเยี่ยนจื่อเฉิน

ถึงยังไงเย่เทียนในตอนนี้ก็ไม่ได้เป็นคนของตระกูลเย่แล้ว เขาเป็นเพียงคนที่ถูกทอดทิ้งเท่านั้น จะเอาอะไรไปสู่กับเยี่ยนจื่อเฉิน?

แต่เธอก็กังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเย่เทียน ด้วยความร้อนใจจึงเดินเข้ามาอย่างอดไม่ได้

“เย่เทียน นายออกมากับฉัน เราต้องคุยกันหน่อย”

“มีอะไรคุยกันตรงนี้เลยก็ได้”

เย่เทียนหันมองที่เธอและเอ่ยถามด้วยหน้าตายิ้มแย้ม

“ที่นี่ไม่สะดวก เอาเป็นว่านายออกมากับฉันก่อน”

หลินอ้าวเสว่สูดหายใจเข้าลึก พูดจบก็เดินออกไปข้างนอก

เย่เทียนยักไหล่ คิดไปคิดมาก็เดินตามออกไปข้างนอก

“เย่เทียน นายไม่ควรไปล่วงเกินเยี่ยนจื่อเฉิน”

หลินอ้าวเสว่ยืนอยู่ที่ทางเดินนอกประตูและเอ่ยขึ้นทันที

“นายน่าจะรู้ว่าเยี่ยนจื่อเฉินเป็นคนตระกูลเยี่ยนแห่งเมืองจิน ด้วยฐานะของนายในตอนนี้ไม่อาจต่อกรด้วยได้เลย ถ้าเขาอยากจะเอาคืนนาย นายจะไม่เหลือทางรอด!”

“ฟังที่ฉันเตือนเถอะ นายไปกับฉัน ไปขอโทษเยี่ยนจื่อเฉิน ฉันเชื่อว่าเขาจะใจกว้างและยอมให้อภัยนาย”

เย่เทียนฟังแล้วอดหัวเราะเบาๆไม่ได้

ตระกูลเยี่ยนแห่งเมืองจินที่ว่านั้นไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรเลยในสายตาเขา กับแค่เยี่ยนจื่อเฉินคนเดียวจะมีค่าอะไร

“เธอมองเยี่ยนจื่อเฉินเก่งเกินไป และมองฉันต่ำเกินไป เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันจะกลัวเขาเยี่ยนจื่อเฉิน”

“เย่เทียน!”

เห็นเย่เทียนไม่สะทกสะท้ายแล้วหลินอ้าวเสว่เดือดขึ้นมาในใจ “สังคมนี้ไม่ใช่ว่าแค่พูดจาใหญ่โตก็จะเอาตัวรอดไปได้ทุกที่หรอกนะ นายไม่รู้เลยว่าภูมิหลังของตระกูลที่อยู่มาเป็นร้อยปีนั้นน่ากลัวขนาดไหน ขืนนายยังยโสโอหังอยู่แบบนี้ช้าเร็วนายได้ล้มแน่นอน”

เย่เทียนหัวเราะโดยไม่โต้เถียงอะไร แอบถอนหายใจและเอ่ยเรียบๆ “ด้วยสายตาของเธอ จะรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ระดับไหน”

หลินอ้าวเสว่คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนจะดื้อด้านขนาดนี้ เธออดหัวเราะเย็นๆไม่ได้ “นายอยู่ระดับไหน? ก็แค่คนที่ถูกตระกูลเย่ทอดทิ้งและขับไล่ออกมานี่”

“ฉันเคยบอกเธอก่อนหน้านี้แล้วไง ว่าไม่ว่าจะเป็นตระกูลเย่ ตระกูลเยี่ยน หรือแม้กระทั่งตระกูลหลินของเธอ สำหรับฉันแล้วไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร”

สีหน้าของเย่เทียนค่อยๆเย็นยะเยือกลง พลางเอ่ย “ส่วนความกังวลพวกนั้นของเธอ สำหรับฉันแล้วเป็นเพียงเรื่องที่จัดการได้ในหมัดเดียว”

“จัดการได้ในหมัดเดียว?”

หลินอ้าวเสว่ผงะไป อดมองเย่เทียนอย่างพินิจพิเคราะห์ตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่ได้

มูลค่าทั้งตัวเขาไม่ถึงสามร้อยหยวน ไม่มีความสามารถ ไม่มีกำลังวังชา กล้าดียังไงมาพูดจาโอหังเช่นนี้

แต่พอนึกถึงท่าทางหยิ่งยโสเมื่อกี้ของเย่เทียน เธอก็หงุดหงิดขึ้นมาในใจ

เธอหวังดีแท้ๆ ทำไมไอ้นี่ถึงต้องรั้นขนาดนี้ด้วย? ทำไมถึงไม่ยอมก้มหัวให้ความเป็นจริงล่ะ

“ช้าเร็วก็ต้องมีสักวันที่นายจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูด”

คุยกันไม่ถูกคอก็อย่าคุยดีกว่า หลินอ้าวเสว่หมดหวังกับเย่เทียน ทิ้งไว้เพียงประโยคเดียวแล้วก็หันหลังเดินออกไปเลย ไม่แม้กระทั่งจะหันมองเขาอีกสักครั้ง

เย่เทียนมองหลินอ้าวเสว่เดินจากไปจนลับสายตาก่อนจะส่ายหัว

“ฉันไม่ใช่เย่เทียนในวันวานแล้ว ฉันในเมื่อก่อนเดินทางไปทั่วโลก แม้แต่อิทธิพลสูงสุดของโลกใบนี้ยังต้องยำเกรงในตัวฉัน เพราะฉันมีพลังที่แข็งแกร่งกว่า!”

“ต่อให้คุณจะมีอำนาจล้นฟ้า ทรัพย์สินมากมาย ขอเพียงฉันควบคุมชีวิตความเป็นความตายของคุณได้ ทั้งหมดนั่นจะไปมีความหมายอะไร”

เย่เทียนยืนอยู่ที่เดิม คิดในใจ

“เย่เทียน คุณหลินคุยอะไรกับคุณหรอคะ?”

ขณะนั้นเอง จี้เยียนหรันเดินออกมาจากข้างใน ขัดความคิดของเย่เทียน

“ไม่มีอะไรหรอก แค่เพื่อนเก่าคุยกันเรื่อยเปื่อย”

เย่เทียนได้สติกลับมาและตอบเรียบๆฃ

“อย่างนั้นหรอ?”

จี้เยียนหรันมีสายตาประหลาด คนฉลาดเช่นเธอจะดูไม่ออกได้ยังไงว่าความสัมพันธ์ระหว่างเย่เทียนและหลินอ้าวเสว่ไม่ธรรมดา

แต่เธอไม่ได้ถามมาก เพียงแต่ยิ้มหวานให้ “คุณปู่ของฉันเชิญคุณกลับเข้าไป บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วยค่ะ”

“เรื่องสำคัญ?”

เย่เทียนใจเต้นิดหน่อย เขาพยักหน้าและกลับเข้าไปในห้องส่วนตัว