“นี่มัน……”
เมื่อเห็นภาพนี้ ทุกคนอึ้งกันไปอย่างอดไม่ได้
มู่หยุนเทียนทอดสายตาไปที่เย่เทียน “น้องคนนี้สายตาเฉียบแหลมดีนี่ ขนาดฉันเองยังเกือบมองพลาดไป”
เมื่อคำพูดนี้ถูกเอื้อนเอ่ยออกไป ทุกคนจึงได้รู้ว่าถังซานฉ่ายที่ราคาไม่เบานี้เป็นของปลอมอย่างไม่ต้องสงสัย
ส่วนลิ่วหรั่นสีหน้าซีดเผือดไปทันตา คนทั้งคนตัวสั่น ทรงตัวไม่อยู่จนฟุบลงไปอยู่ที่พื้น วิญญาณแทบหลุดออกจากร่า เขากลัวจนสองขาสั่นงึกงัก
ถึงยังไงทุกคนในที่นี้ต่างเป็นคนใหญ่คนโตในเจียงหนัน แม้แต่เยี่ยนจื่อเฉินที่มาจากเมืองจินยังมีอำนาจล้นฟ้า
ไปหลอกลวงคนแบบนี้ ต่อให้เขาไม่ตายก็คงต้องพิการ
“คุณชายเยี่ยน….คุณ คุณฟังผมอธิบายก่อนนะครับ…..”
เมื่ออยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ลั่วหรั่นไม่กล้าคิดอะไรมากไปกว่านี้ เขารีบปริปากแก้ตัว
“อธิบาย? แกไปคิดหาทางรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้เถอะ”
เยี่ยนจื่อเฉินพูดด้วยสีหน้าเย็นเยียบ
เขาสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของสีหน้าลิ่วหรั่น จะไม่รู้ได้ยังไงว่าตัวเองโดนหลอก สายตาเขาจ้องเขม็งไปที่ลิ่วหรั่นราวกับพ่นไฟได้
ระหว่างที่พูดอยู่ เขาเบนสายตาไปที่จี้เจิ้งโก๋
ถึงยังไงก็ไม่ใช่ถิ่นตัวเอง เรื่องบางเรื่องเขาก็ยังต้องหวังพึ่งตระกูลจี้
“เด็กๆ นำตัวเขาไป!”
จี้เจิ้งโก๋เข้าใจทันที จึงออกคำสั่งโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
ทันใดนั้น ก็มีบอดี้การ์ดตัวล่ำบึ้กสามสี่คนเดินเข้ามา ลากลิ่วหรั่นออกไปโดยไม่สนใจการดิ้นรนกระเสือกกระสนของเขา
และในนาทีนั้น เยี่ยนจื่อเฉินก็ทอดสายตาไปที่เย่เทียน
“แกรู้แต่แรกแล้วว่าม้าสามสีนั้นเป็นของปลอม แค่เช็ดถูก็จบ แกจะทุ่มมันลงพื้นทำไม!”
“ถ้าว่ากันตามเหตุผลก็ใช่”
เย่เทียนหัวเราะคิกคัก “แต่ฉันคิดว่าหลังจากแกรู้ว่านี่เป็นของปลอมแล้วก็ต้องทุ่มลงพื้นอยู่ดี ยังไงก็ต้องทุ่มอยู่ดี ฉันก็ฉวยโอกาสนี้ทำเอาสะใจไง”
“ทุ่มโหลเส็งเคร็งราคาสิบสามล้านไม่ได้สะใจธรรมดาเลยนะ!”
“แก!”
เยี่ยนจื่อเฉินโมโหจนกัดฟันกรอด
เงินไม่กี่สิบล้านไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขา
แต่ท่าทางของเย่เทียนเยาะเย้ยเขาชัดๆ!
อีกอย่าง ถังซานฉ่ายเป็นของปลอม อีกสองชิ้นก็คงเป็นของปลอมเช่นกัน
แต่เย่เทียนกลับรอจนเขาประมูลมาถึงชิ้นที่สามถึงพูดอธิบาย จงใจชัดๆ!
คนระดับเขาเห็นหน้าตาเป็นสิ่งสำคัญ ทีแรกเขายังดูถูกคนที่ถูกทอดทิ้งอย่างเย่เทียน แต่เวลานี้เขาเองเป็นคนที่ต้องอับอายขายขี้หน้า
“แกอะไรอีก? ฉันช่วยแกไว้นะ ช่วยทลายแผนหลอกลวงนี้ให้แก แกควรจะขอบคุณฉันไม่ใช่หรอ?”
เย่เทียนไม่สนความมุ่งร้ายในสายตาของเขา และถามอย่างหยอกล้อ
หลังจากคำพูดนี้ถูกเอื้อนเอ่ย เยี่ยนจื่อเฉินโมโหจนแทบระเบิดอารมณ์เสียตรงนั้น!
“แก…..แกรอก่อนเถอะ เดี๋ยวเราได้เห็นดีกัน!”
เยี่ยนจื่อเฉินกำหมัดแน่น ทิ้งคำพูดโหดเหี้ยมไว้ก่อนจะหันหลังเดินออกไป
“เดี๋ยวสิ แกนี่ขี้งกชะมัดเลย โดนหลอกไปตั้งสามสิบกว่าล้าน แบ่งให้ฉันสักล้านแปดแสนเป็นค่าแรงจะเป็นอะไรไป?”
เหมือนเย่เทียนกลัวว่าอีกฝ่ายจะโกรธไม่พอ ถึงราดน้ำมันบนกองไฟเพื่อแทงใจดำเขา
เยี่ยนจื่อเฉินเท้าสะดุดจนเกือบล้มลงกับพื้น ความเกลียดชังที่มีต่อเย่เทียนยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีก
พอเห็นท่า เย่เทียนแอบหัวเราะในใจ เขาลูบคลำหนึ่งในชิ้นส่วนของถังซานฉ่ายและเก็บเข้ากระเป๋าตัวเอง
เห็นเยี่ยนจื่อเฉินออกไปอย่างมีน้ำโห คิ้วเรียวของหลินอ้าวเสว่ขมวดเป็นปม
ไม่ว่ายังไงเยี่ยนจื่อเฉินก็เป็นคนของตระกูลเยี่ยนแห่งเมืองจิน การกระทำของเย่เทียนก่อนหน้านี้เรียกได้ว่าเป็นการล่วงเกินเขาอย่างสมบูรณ์
หากเยี่ยนจื่อเฉินคิดจะทำอะไร ด้วยความสามารถของเขาไม่มีใครหยุดเขาได้หรอก!
ต่อให้เย่เทียนเกาะต้นไม้ใหญ่อย่างตระกูลฉินได้ก็เถอะ!
“เย่เทียน นายจะหยิ่งยโสเกินไปแล้ว นายไปมีเรื่องกับเยี่ยนจื่อเฉิน เขาจะยอมปล่อยให้นายได้มีชีวิตต่อไปดีๆได้ยังไง?”
หลินอ้าวเสว่ทั้งโกรธทั้งร้อนใจ
โกรธที่เย่เทียนไม่รู้จักเจียมตัว บังอาจไปเป็นศัตรูกับเยี่ยนจื่อเฉิน
ถึงยังไงเย่เทียนในตอนนี้ก็ไม่ได้เป็นคนของตระกูลเย่แล้ว เขาเป็นเพียงคนที่ถูกทอดทิ้งเท่านั้น จะเอาอะไรไปสู่กับเยี่ยนจื่อเฉิน?
แต่เธอก็กังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเย่เทียน ด้วยความร้อนใจจึงเดินเข้ามาอย่างอดไม่ได้
“เย่เทียน นายออกมากับฉัน เราต้องคุยกันหน่อย”
“มีอะไรคุยกันตรงนี้เลยก็ได้”
เย่เทียนหันมองที่เธอและเอ่ยถามด้วยหน้าตายิ้มแย้ม
“ที่นี่ไม่สะดวก เอาเป็นว่านายออกมากับฉันก่อน”
หลินอ้าวเสว่สูดหายใจเข้าลึก พูดจบก็เดินออกไปข้างนอก
เย่เทียนยักไหล่ คิดไปคิดมาก็เดินตามออกไปข้างนอก
“เย่เทียน นายไม่ควรไปล่วงเกินเยี่ยนจื่อเฉิน”
หลินอ้าวเสว่ยืนอยู่ที่ทางเดินนอกประตูและเอ่ยขึ้นทันที
“นายน่าจะรู้ว่าเยี่ยนจื่อเฉินเป็นคนตระกูลเยี่ยนแห่งเมืองจิน ด้วยฐานะของนายในตอนนี้ไม่อาจต่อกรด้วยได้เลย ถ้าเขาอยากจะเอาคืนนาย นายจะไม่เหลือทางรอด!”
“ฟังที่ฉันเตือนเถอะ นายไปกับฉัน ไปขอโทษเยี่ยนจื่อเฉิน ฉันเชื่อว่าเขาจะใจกว้างและยอมให้อภัยนาย”
เย่เทียนฟังแล้วอดหัวเราะเบาๆไม่ได้
ตระกูลเยี่ยนแห่งเมืองจินที่ว่านั้นไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรเลยในสายตาเขา กับแค่เยี่ยนจื่อเฉินคนเดียวจะมีค่าอะไร
“เธอมองเยี่ยนจื่อเฉินเก่งเกินไป และมองฉันต่ำเกินไป เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันจะกลัวเขาเยี่ยนจื่อเฉิน”
“เย่เทียน!”
เห็นเย่เทียนไม่สะทกสะท้ายแล้วหลินอ้าวเสว่เดือดขึ้นมาในใจ “สังคมนี้ไม่ใช่ว่าแค่พูดจาใหญ่โตก็จะเอาตัวรอดไปได้ทุกที่หรอกนะ นายไม่รู้เลยว่าภูมิหลังของตระกูลที่อยู่มาเป็นร้อยปีนั้นน่ากลัวขนาดไหน ขืนนายยังยโสโอหังอยู่แบบนี้ช้าเร็วนายได้ล้มแน่นอน”
เย่เทียนหัวเราะโดยไม่โต้เถียงอะไร แอบถอนหายใจและเอ่ยเรียบๆ “ด้วยสายตาของเธอ จะรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ระดับไหน”
หลินอ้าวเสว่คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนจะดื้อด้านขนาดนี้ เธออดหัวเราะเย็นๆไม่ได้ “นายอยู่ระดับไหน? ก็แค่คนที่ถูกตระกูลเย่ทอดทิ้งและขับไล่ออกมานี่”
“ฉันเคยบอกเธอก่อนหน้านี้แล้วไง ว่าไม่ว่าจะเป็นตระกูลเย่ ตระกูลเยี่ยน หรือแม้กระทั่งตระกูลหลินของเธอ สำหรับฉันแล้วไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร”
สีหน้าของเย่เทียนค่อยๆเย็นยะเยือกลง พลางเอ่ย “ส่วนความกังวลพวกนั้นของเธอ สำหรับฉันแล้วเป็นเพียงเรื่องที่จัดการได้ในหมัดเดียว”
“จัดการได้ในหมัดเดียว?”
หลินอ้าวเสว่ผงะไป อดมองเย่เทียนอย่างพินิจพิเคราะห์ตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่ได้
มูลค่าทั้งตัวเขาไม่ถึงสามร้อยหยวน ไม่มีความสามารถ ไม่มีกำลังวังชา กล้าดียังไงมาพูดจาโอหังเช่นนี้
แต่พอนึกถึงท่าทางหยิ่งยโสเมื่อกี้ของเย่เทียน เธอก็หงุดหงิดขึ้นมาในใจ
เธอหวังดีแท้ๆ ทำไมไอ้นี่ถึงต้องรั้นขนาดนี้ด้วย? ทำไมถึงไม่ยอมก้มหัวให้ความเป็นจริงล่ะ
“ช้าเร็วก็ต้องมีสักวันที่นายจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูด”
คุยกันไม่ถูกคอก็อย่าคุยดีกว่า หลินอ้าวเสว่หมดหวังกับเย่เทียน ทิ้งไว้เพียงประโยคเดียวแล้วก็หันหลังเดินออกไปเลย ไม่แม้กระทั่งจะหันมองเขาอีกสักครั้ง
เย่เทียนมองหลินอ้าวเสว่เดินจากไปจนลับสายตาก่อนจะส่ายหัว
“ฉันไม่ใช่เย่เทียนในวันวานแล้ว ฉันในเมื่อก่อนเดินทางไปทั่วโลก แม้แต่อิทธิพลสูงสุดของโลกใบนี้ยังต้องยำเกรงในตัวฉัน เพราะฉันมีพลังที่แข็งแกร่งกว่า!”
“ต่อให้คุณจะมีอำนาจล้นฟ้า ทรัพย์สินมากมาย ขอเพียงฉันควบคุมชีวิตความเป็นความตายของคุณได้ ทั้งหมดนั่นจะไปมีความหมายอะไร”
เย่เทียนยืนอยู่ที่เดิม คิดในใจ
“เย่เทียน คุณหลินคุยอะไรกับคุณหรอคะ?”
ขณะนั้นเอง จี้เยียนหรันเดินออกมาจากข้างใน ขัดความคิดของเย่เทียน
“ไม่มีอะไรหรอก แค่เพื่อนเก่าคุยกันเรื่อยเปื่อย”
เย่เทียนได้สติกลับมาและตอบเรียบๆฃ
“อย่างนั้นหรอ?”
จี้เยียนหรันมีสายตาประหลาด คนฉลาดเช่นเธอจะดูไม่ออกได้ยังไงว่าความสัมพันธ์ระหว่างเย่เทียนและหลินอ้าวเสว่ไม่ธรรมดา
แต่เธอไม่ได้ถามมาก เพียงแต่ยิ้มหวานให้ “คุณปู่ของฉันเชิญคุณกลับเข้าไป บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วยค่ะ”
“เรื่องสำคัญ?”
เย่เทียนใจเต้นิดหน่อย เขาพยักหน้าและกลับเข้าไปในห้องส่วนตัว