ตอนที่ 326 ใบหน้าของพนักงานขาย / ตอนที่ 327 ข้ออ้าง

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

ตอนที่ 326 ใบหน้าของพนักงานขาย

หลูจื้อไม่ลังเลเลยที่จะบอก “แน่นอน แค่นายมีความสุขก็พอ แต่ยังไงไม่นานนายก็ต้องกลับไปเรียน ถึงตอนนั้นก็ต้องลาออกอยู่ดี ปัญหาอยู่ที่ช้าหรือเร็วก็เท่านั้น แล้วทำไมนายไม่หางานที่ตัวเองมีความสุขล่ะ”

ชุยหังคิดอยู่สักพักดูเหมือนว่าต้องเป็นแบบนั้น

ชุยหังเอ่ยตอบ “ถ้างั้นวันจันทร์นี้ฉันจะไปบอกผู้จัดการ ดูเหมือนว่าการอนุมัติลาออกจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”

“อะไรคือง่ายหรือไม่ง่าย บริษัทใหญ่แบบนั้นคงไม่เจ๊งเพราะนายคนเดียวหรอก”

“แน่นอนว่าไม่ใช่ ฉันเป็นแค่พนักงานใหม่ยังไม่คุ้นเคยกับผู้จัดการ ฉันเชื่อว่าพวกเขาไม่รั้งฉันไว้หรอก” ชุยหังเอ่ยตอบ

หลูจื้อเอ่ยบอก “ถ้างั้นไม่ดีเหรอ พวกเขาคิดว่าไม่ใช่บริษัทที่ต้องการนาย แต่เป็นนายที่ต้องการเงินจากพวกเขา นายก็อย่าคิดมากเกินไปเลย อยากออกก็ออกเลย แค่มีความแน่วแน่ก็พอ แต่ถ้าผู้จัดการถามเหตุผลในการลาออก นายอย่าพูดถึงบริษัทไม่ดีนะ ไม่งั้นเขาอาจจะกลั่นแกล้งนายได้”

ชุยหังรู้ว่าหลูจื้อกำลังช่วยอธิบายประสบการณ์ชีวิตให้ฟัง ดังนั้นเขาจะจดจำมันไว้

“ฉันเข้าใจแล้ว งั้นฉันจะบอกว่าฉันจะกลับบ้านเกิดเพราะที่บ้านกำลังมีปัญหาจึงขอให้ฉันกลับบ้าน” ชุยหังเอ่ยตอบ

หลูจื้อพยักหน้าและเอ่ยบอก “ข้ออ้างนี้ใช้ได้กับทุกอย่างจริงๆ นะ คิดว่าหลายคนใช้ข้ออ้างนี้ในการลาออก เพราะเป็นข้ออ้างที่ถูกปฏิเสธยากจริงๆ ถ้านายคิดดีแล้วก็ทำอย่างที่คิดไว้เถอะ”

ชุยหังรู้สึกมั่นใจมากขึ้นเมื่อได้ยินหลูจื้อเห็นด้วยกับเขา

ถึงอย่างไรตัวเองก็ไม่อยากอยู่บริษัทนั้นอีกต่อไป ไม่อย่างนั้นเขาคงจะรู้สึกอึดอัดมาก

ถึงแม้ว่าทุกธุรกิจจะต้องมีการโอ้อวดส่วนประกอบ แต่เขาไม่ชอบธุรกิจนี้จริงๆ

คนกลุ่มนี้ไม่ค่อยเข้าหาพ่อแม่ของตัวเอง แต่ทุกวันจะหาวิธีใกล้ชิดกับคุณลงคุณป้าที่ไม่เคยเจอหน้าผ่านทางเสียงโทรศัพท์เพื่อเอาเงินออกจากกระเป๋าของพวกเขาและตัวเองจะได้ค่าคอมมิชชั่น 0.06% พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ถ้าพวกเขาเหล่านั้นควักเงินออกมาให้ 1,000 หยวน ตัวเองก็จะได้ 6 หยวนในมือ

เพราะมีคนแบบนี้จึงทำใหผู้สูงอายุเหล่านั้นไม่พอใจลูกของตัวเอง

ลูกๆ ของพวกเขาต่างก็ทำงานยุ่ง จึงทำได้เพียงส่งเงินให้ทุกเดือนเพราะไม่มีเวลาอยู่กับคนสูงอายุเหล่านั้นมากนัก ด้วยเหตุนี้คนเหล่านี้จึงใช้ประโยชน์จากตัวเองเพื่อให้ผู้สูงอายุยอกควักเงินออกมา ทำให้ผู้สูงอายุเหล่านั้นคิดว่าลูกๆ ไม่ดีเหมือนพวกเขาซึ่งมีน้ำใจและห่วงใยผู้อื่น

พวกเขาไม่คิดเลยว่าถ้าพวกเขาไม่ซื้อของอีกต่อไป คนเหล่านี้จะยังคงปฏิบัติต่อพวกเขาราวกับเป็นพ่อแม่ของพวกเขาอยู่ไหม

เมื่อกลับบ้านหลังจากที่กินข้าวเสร็จหลูจื้อก็ไปอาบน้ำ ส่วนชุยหังก็เก็บเสื้อผ้าที่หลลูจื้อถอดไว้

ความจริงชุยหังก็ขี้เกียจเก็บข้าวของของตัวเอง บางครั้งเสื้อผ้าอะไรก็ใส่ได้หมด แตสำหรับหลูจื้อนั้น เขาเป็นคนที่เอาใจใส่มาก

เมื่อมือถือของหลูจื้อดังขึ้น ชุยหังจึงไปบอกกับหลูจื้อ หลูจื้อจึงบอกให้ชุยหังส่งมือถือมาให้เขาโดยตรง

หลังจากที่ชุยหังส่งมือถือให้เขา เหมือนว่าจะได้ยินหลูจื้อเรียก “แม่”

ดูเหมือนว่าจะเป็นแม่ของหลูจื้อที่โทรเข้ามา

ชุยหังรู้สึกระวนกระวายใจอย่างมาก เพราะสายที่โทรเข้ามาตอนนี้ดูเหมือนจะมีบางอย่างไม่ค่อยปกติ

ตอนที่เธอโทรเข้ามาก่อนหน้านี้เหมือนว่าจะเป็นช่วงเช้า แต่ครั้งนี้เป็นตอนเย็น

ดูเหมือนว่าเธอจะรู้ว่าหลูจื้อได้หยุดพักผ่อนแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นน่าจะหาวิธีทำให้หลูจื้อกลับไปบ้าน

ตอนที่ 327 ข้ออ้าง

ชุยหังจงใจเดินออกไปเพราะไม่อยากได้ยินเรื่องที่หลูจื้อคุยกับแม่ของเขา

เขากำลังกังวลว่าตัวเองควรจะทำอย่างไร ถ้าสิ่งที่เขาเดานั้นเป็นเรื่องจริง คืนนี้เขาคงต้องนอนไม่หลับอีกแล้ว

เขาหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาเปิดเพลง หลังจากนั้นก็เสียบหูฟังเพราะไม่อยากรบกวนคนอื่น

เขาไม่ได้ยินจริงๆ ว่าหลูจื้อกำลังพูดอะไร โลกของเขาตอนนี้มีเพียงเสียงเพลงเท่านั้น

ไม่นานหลูจื้อก็ออกมาโดยที่ไม่สวมเสื้อผ้าอะไรเลย

“วันนี้ฉันคงต้องกลับแล้ว แม่ของฉันเหมือนจะไม่ค่อยสบาย”” หลูจื้อเอ่ยบอก

ชุยหังรู้สึกว่าในเวลานี้เขาคงไม่สามารถพูดอะไร

ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าแม่ของหลูจื้อกำลังแกล้งป่วย แต่เขาจะทำอย่างไรได้

เขาไม่สามารถบอกกับหลูจื้อตามตรงได้ว่า แม่ของเขากำลังแกล้งป่วยไม่จำเป็นต้องกลับไป

ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงอดทนเท่านั้น

แม้ว่าเขาจะฟังหรือไม่ฟังหรือว่าแสร้งทำเป็นไม่รู้ก็ตาม แต่คนอื่นควรรู้ว่าสิ่งไหนควรพูดและไม่ควรพูด

ชุยหังรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนโง่ที่หลอกตัวเอง ช่างน่าขำเสียจริง

“โอเค ถ้างั้นนายก็รีบกลับไปไปดูคุณป้าเถอะ หรือไม่ก็พาไปโรงพยาบาลดูนะ” ชุยหังเอ่ยบอก

หลูจื้อถอนหายใจออกมา ความจริงแล้วเขารู้อะไรบางอย่างในใจ แต่กลัวว่าจะเป็นเรื่องจริง

เขาไม่มีทางเลือกอื่นทำได้เพียงกลับไปเท่านั้น

หลูจื้ออยู่ในห้องคนเดียวมองดูเสื้อผ้าที่หลูจื้อเพิ่งเปลี่ยน จากนั้นก็หยิบขึ้นมาและนำไปซักในห้องน้ำ

ตอนนี้ถ้าหากเขาอยู่เงียบๆ เกินไปจะทำให้เขาคิดมาก ดังนั้นจึงต้องหาอะไรให้ตัวเองทำ

อย่างไรก็ตามเสื้อผ้าของหลูจื้อมีเพียงสองชิ้นเท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะซักทั้งคืน

เมื่อหลูจื้อกลับไปที่นั่นคงไม่สะดวกที่จะคุยกับตัวเอง

หลูจื้อส่งข้อความถึงเขาในตอนเที่ยงคืน

[นายหลับหรือยัง]

ชุยหังรีบตอบกลับ [ยัง แต่นอนอยู่บนเตียง]

[ฉันเพิ่งทำธุระเสร็จ แม่ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว นายไม่ต้องเป็นห่วง] หลูจื้อตอบกลับ

ชุยหังไม่ได้กังวลเพราะเขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าอีกฝ่ายกำลังทำธุระอยู่

เขาและหลูจื้อต่างก็รู้ดี แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ก็เท่านั้น

[นายวางใจเถอะ ถ้าครั้งหน้าแม่ของฉันใช้แผนนี้อีก ฉันจะไม่เชื่อแล้ว] หลูจื้อให้ความมั่นใจกับชุยหัง

ชุยหังครุ่นคิดอยู่สักพัก เขารู้สึกว่าไม่ควรสนับสนุนให้หลูจื้อทำแบบนี้ นี่ไม่ใช่นิทานเรื่องเด็กเลี้ยงแกะ หลังจากผ่านไปหลายครั้ง ถ้าเป็นเรื่องจริงขึ้นมาล่ะ

ถ้าถึงตอนนั้นพวกเขาทั้งสองจะต้องเสียใจทีหลังแน่นอน

[คุณย่าของนายสบายดีไหม] ชุยหังเปลี่ยนเรื่อง

[สบายดี ตอนนี้ท่านไม่รู้เรื่องอะไรเลย แค่คิดว่าฉันไม่เหมาะสมกับผู้หญิงคนนั้น] หลูจื้อตอบ

ชุยหังพูดไม่ได้ว่ามีความสุขหรือไม่มีความสุข เขามักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างขาดหายไป

[พรุ่งนี้ฉันไม่ได้ไปที่นั่น ฉันต้องอยู่ที่บ้านกับพวกเขา นายก็ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ] หลูจื้อส่งข้อความถึงชุยหัง

[อืม เข้าใจแล้ว นายก็เหมือนกันนะ] ชุยหังไม่อยากให้เขากังวลใจ

[โอเค งั้นฝันดีนะ]

[อืม ฝันดี]

แม้ว่าเขาจะบอกฝันดี แต่ชุยหังก็หลับไม่ลงจริงๆ เหมือนว่าจะมีบางอย่างติดอยู่ในใจของเขา จะเอาออกก็ไม่ได้ จะปล่อยวางก็ทำไม่ลง

เขานอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียง แต่โชคดีที่พรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์ เขาจึงไม่ต้องไปทำงาน ถึงแม้ว่าคืนนี้จะไม่ได้นอน แต่พรุ่งนี้ก็นอนตอนกลางวันทดแทนได้

อย่างไรก็ตามระหว่างเขากับหลูจื้อ ความสัมพันธ์ที่ขาดหายไป ไม่ง่ายเลยที่จะเติมเต็มส่วนที่ขาดให้กลับคืนมา

ชุยหังทำได้เพียงปลอบใจตัวเอง ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นอิสระ ถ้าหลูจื้ออยากกลับไปกลับตัวเองในอนาคตจริงๆ ถึงแม้ว่าเขาจะตัดสินใจแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าครอบครัวของเขาจะมีความเห็นอย่างไร

ดังนั้นพวกเขายังมีหนทางอีกยาวไกล