ตอนที่ 1814 ตระกูลฉีหาเรื่องใส่ตัว (5) / ตอนที่ 1815 ตระกูลฉีหาเรื่องใส่ตัว (6)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1814 ตระกูลฉีหาเรื่องใส่ตัว (5)

แปะ แปะ แปะ!

เสียงปรบมือดังขึ้นแล้วทันใดนั้นก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะเยาะและเหยียดหยามของบุรุษ

“นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ข้าได้เห็นคนลำเอียงขนาดนี้ บุตรคนรองของเจ้าพยายามอย่างหนักจนประสบความสำเร็จ เหตุใดเจ้าถึงให้เขายกผลลัพธ์ของเขาให้คนอื่นเล่า”

“เจ้าเป็นใครถึงกล้ามายุ่งเรื่องของตระกูลฉีของพวกเรา!” ฉีเจิ้งถามลอดไรฟันขณะที่มองนายท่านรองฉีที่เดินเข้ามาช้าๆ ด้วยสายตาโกรธจัด

พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!

ทันทีที่เขาพูดจบ องครักษ์ลับหลายคนก็บินลงมาจากท้องฟ้าและวางกระบี่ยาวที่เย็นเยียบบนคอของเขา

ฉีเจิ้งหน้าถอดสีไปทันที แต่ว่าตอนนี้เขากำลังอยู่ภายใต้คมกระบี่ของคนอื่นดังนั้นเขาจึงไม่กล้าพูดอะไรออกมาอย่างผลีผลาม

“เจ้าอีกแล้ว!” ฉีมั่วจำบุรุษผู้นี้ได้ทันที “เจ้ามีความสัมพันธ์อะไรกับฉีซูกันแน่ เหตุใดเจ้าถึงคอยช่วยเขาครั้งแล้วครั้งเล่า”

นายท่านรองฉีส่งเสียงขึ้นจมูก “ข้าจำเป็นต้องซื้อน้ำยารวบรวมพลังฌานจากเขาดังนั้นข้าก็ต้องช่วยเขาแน่นอนอยู่แล้ว”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น ฉีเจิ้งก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ถ้าน้ำยารวบรวมพลังฌานเป็นอย่างเดียวที่ท่านต้องการก็ไม่มีปัญหา ให้ผู้คุ้มกันของท่านปล่อยข้า แล้วหลังจากที่ข้าได้ตำรับยามาแล้ว ข้าจะมอบน้ำยารวบรวมพลังฌานให้ท่าน”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นฉีซูก็สะดุ้ง ก่อนที่จะย้ายสายตาไปมองนายท่านรองฉีอย่างกังวล เขากลัวว่านายท่านรองฉีจะตกลง

ถ้าเป็นแบบนั้นละก็ แผนของเขากับอวิ๋นลั่วเฟิงก็จะเปล่าประโยชน์

ในทางตรงกันข้าม อวิ๋นลั่วเฟิงยังคงความใจเย็นอยู่ตลอดเวลา มือนางลูบแผ่นหลังของฉีหลิงอย่างอ่อนโยนโดยที่ดวงตาสงบนิ่งของนางไร้ซึ่งการสั่นไหวใดๆ

ฉีหลิงซ่อนตัวในอ้อมกอดของอวิ๋นลั่วเฟิงมีแค่ศีรษะเล็กๆ เท่านั้นที่โผล่ขึ้นมาแอบดูฉีเจิ้งและฉีมั่วอย่างขลาดกลัว

ใบหน้าของฉีเจิ้งปรากฏความคาดหวังส่วนฉีซูก็แสดงความกังวล นายท่านรองฉีหัวเราะเบาๆ และพูดขึ้นว่า “ฟังดูเป็นความคิดที่ค่อนข้างดีแต่ว่า…”

นายท่านรองฉีหยุดก่อนจะยกยิ้ม “ถ้าข้าต้องร่วมมือกับคนหน้าไม่อายอย่างตระกูลฉี…ข้าเลือกฉีซูดีกว่า อย่างน้อยข้าก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับนิสัยของเขา”

สีหน้าของฉีเจิ้งเปลี่ยนไปอย่างมาก ขณะที่มองนายท่านรองฉีที่แน่วแน่ด้วยสายโกรธแค้น

“ฉีซูไม่ได้แข็งแกร่งหรือมีอำนาจอะไร แต่ตระกูลฉีเป็นตระกูลใหญ่และมีธุรกิจที่ทรงอิทธิพล เจ้าจะต้องเสียใจที่ปฏิเสธตระกูลฉีแล้วเลือกร่วมมือกับฉีซู”

“ข้าก็ไม่รู้หรอกว่าข้าจะเสียใจหรือไม่” นายท่านรองฉีฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันราวขาวไข่มุกจนทำให้เขาดูน่าขนลุกและเย็นชา “แต่ข้ารู้ว่าเจ้าจะต้องเสียใจแน่นอน ไสหัวไป!”

ปัง!

นายท่านรองฉีเตะเข้าที่กลางอกของฉีเจิ้งอย่างแรงจนเขากระเด็นออกไปทันที เขาสะบัดแขนเสื้อแล้วดึงขากลับมาขณะพูดอย่างเย็นเยียบว่า “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ถ้าเจ้ากล้าก้าวเข้ามาในนครเฟิงหลินแม้แต่ก้าวเดียว ข้าจะส่งคนมาหักขาเจ้า!”

ฉีเจิ้งหวาดกลัวความแข็งแกร่งของนายท่านรองฉี เขาตะเกียกตะกายลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีไป

ฉีมั่วเองก็ตะลึงงัน เขารีบไล่ตามฉีเจิ้งไปทันทีโดยที่ไม่รอให้นายท่านรองฉีบอก

นายท่านรองฉีหันมาหาฉีซูแล้วยิ้มบาง “คุณชายรองฉี ก่อนหน้านี้เจ้าพูดว่าเรื่องของครอบครัว เจ้าไม่อยากให้คนอื่นเข้ามาพัวพันดังนั้นข้าก็เลยไม่ได้ทำอะไรนอกจากช่วยไล่พวกเขาไป ข้าเชื่อว่าพวกเขาจะเสียใจเมื่อเจ้าแข็งแกร่งขึ้น”

ฉีซูมีพรสวรรค์มากที่สุดในตระกูลฉี ไม่อย่างนั้นอวิ๋นเยว่ชิงคงไม่รับเขาเป็นศิษย์ แต่ว่าเขายังเด็กเกินไปและยังมีหนทางอีกอย่างไกลที่ต้องเดิน เขาเพียงต้องการเวลาเท่านั้น สุดท้ายทั้งตระกูลฉีก็จะตกอยู่ในกำมือของเขา

นี่จึงเป็นเหตุผลที่นายท่านรองฉีพูดว่าฉีเจิ้งจะต้องเสียใจ!

…………………………

ตอนที่ 1815 ตระกูลฉีหาเรื่องใส่ตัว (6)

ฉีซูหันกลับมาแล้วเดินไปหาฉีหลิงด้วยสายตาเจ็บปวดใจ “เสี่ยวหลิง เจ้าโทษพี่หรือไม่ที่ไม่แก้แค้นตระกูลฉีให้เจ้า”

ฉีหลิงส่ายหน้า ความมุ่งมั่นของนางยังไม่สั่นคลอน “ข้ารู้ว่าท่านพี่ต้องการปกปิดความแข็งแกร่งและซื้อเวลาจนกว่าท่านพี่จะมีอำนาจพอจะทำให้ตระกูลฉีล่มจมโดยไม่มีโอกาสได้ฟื้นตัว ความทุกข์ของข้าอยู่แค่ชั่วคราวแล้วท่านพี่ก็จะแก้แค้นให้ข้าเองเจ้าค่ะ”

ฉีหลิงเติบโตขึ้นมาในสถานที่แบบจวนตระกูลฉีและยังมีอวิ๋นเยว่ชิงคอยสั่งสอนดังนั้นนางจะเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ใสซื่อได้อย่างไร

การที่ฉีซูไม่จัดการกับตระกูลฉีไม่ใช่ปัญหาในเมื่อตอนนี้เขายังแข็งแกร่งไม่พอ ทันทีเขาแข็งแกร่งพอก็จะเป็นวันสุดท้ายของตระกูลฉี!

“เสี่ยวหลิง อาณาจักรของตระกูลฉีเป็นอาจารย์ที่สร้างขึ้น ดังนั้นพี่จะเอาสิ่งที่เป็นของพวกเรากลับมาทีละน้อย!” ฉีซูหลุบตา ดวงตาของเขาเป็นประกายชั่วร้าย

อาจารย์ของเขาช่วยตระกูลฉีเพิ่มความแข็งแกร่งก็เพื่อให้ตระกูลฉีเป็นเกราะป้องกันให้เขา และเพื่อให้มั่นใจว่าเขาจะปลอดภัยไปตลอดชีวิต อาจารย์ของเขาเป็นคนพิชิตหุบเขาดังนั้นหุบเขาจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเขา แต่หลังจากที่อาจารย์หายตัวไปคนพวกนั้นก็ขู่ว่าจะทำร้ายเสี่ยวหลิงและบังคับให้เขายกหุบเขาให้ เขาทำได้แค่ยกทรัพย์สินให้คนพวกนั้นเพื่อความปลอดภัยของน้องสาว

หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง อวิ๋นลั่วเฟิงก็พูดขึ้น “ฉีซู ในเมื่อร้านโอสถเป็นของตระกูลฉี เจ้าก็คืนพวกเขาไป”

ลุงจ้าวขมวดคิ้วแล้วพูดด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร “แม่นาง จนถึงตอนนี้คุณชายรองฉีเป็นคนดูแลร้านโอสถตระกูลฉี เหตุใดต้องยกความพยายามของเขาให้คนพวกนั้นด้วย ข้ารู้ว่าท่านเป็นสหายของคุณชายรองฉี แต่อย่าได้ข้ามเส้นเข้ามาตัดสินเรื่องนี้แทนเขา”

ในทางกลับกัน นายท่านรองฉีก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างแล้วมองอวิ๋นลั่วเฟิงด้วยสายตานับถือ ไม่แปลกใจเลยที่ฉีซูชอบสตรีผู้นี้ นางมีความสามารถโดดเด่นมากจริงๆ นางวิเคราะห์ปัญหาได้ทะลุปรุโปร่งมากกว่าคนอื่น

เมื่อสังเกตการที่ฉีซูคอยเก็บอวิ๋นลั่วเฟิงไว้ข้างตัวอย่างชัดเจนเช่นนั้น นายท่านรองฉีก็สรุปได้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาย่อมไม่ธรรมดา แต่ไม่ได้คิดว่านางเป็นคนผลิตน้ำยารวบรวมพลังฌานแม้แต่น้อย

“ร้านโอสถอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลฉีและเป็นทรัพย์สินของตระกูลฉีใช่หรือไม่” อวิ๋นลั่วเฟิงไม่สนใจลุงจ้าวแต่ยังคงมองหน้าฉีซู

ทันใดนั้นฉีซูก็เข้าใจบางอย่างก่อนจะพยักหน้า

“ถึงแม้ว่าวันนี้องค์ชายรองจะช่วยข้าไล่คนของตระกูลฉีออกไปแต่ร้านโอสถตระกูลฉีก็ยังเป็นของตระกูลฉีอยู่ดี เป็นเรื่องธรรมดาที่ข้าจะไม่สามารถดูแลร้านโอสถตระกูลฉีได้” ฉีซูยิ้ม “ลุงจ้าว แม่นางอวิ๋นเป็นสหายที่ดีและนางก็ให้คำแนะนำที่ดี ถ้าท่านต้องการจะติดตามข้า เหตุใดพวกเราไม่เปิดร้านโอสถใหม่เล่า ท่านว่าอย่างไร”

ถึงอย่างไรหนึ่งเดือนมานี้ สมุนไพรภายในร้านโอสถตระกูลฉีก็ขายออกไปหมดแล้วและได้เงินมาเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเขาก็มีทุนพอที่จะหลุดออกจากการควบคุมของตระกูลฉี

ตอนนั้นเองลุงจ้าวก็พลันเข้าใจแล้วหน้าแดงด้วยความอับอาย “นี่คือแผนของแม่นางอวิ๋นนี่เอง ข้าเข้าใจท่านผิดแล้ว ร้านโอสถตระกูลฉีก็เป็นของตระกูลฉีจริงๆ ไม่ว่าพวกเราจะทำสำเร็จมากแค่ไหน ตระกูลฉีก็สามารถเอากลับไปเมื่อไหร่ก็ได้ ดังนั้นเหตุใดพวกเราไม่สร้างร้านโอสถของพวกเราเองล่ะ”

ลุงจ้าวหยุดไปชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “นายน้อย บ่าวชราคนนี้ยินดีติดตามนายน้อยและจะไม่กลับไปที่ตระกูลฉีเพื่อรับใช้คนโง่พวกนั้นอีกแล้วขอรับ!”

“ดีมาก!” ฉีซูพึงพอใจ “ลุงจ้าว เหตุใดครั้งนี้พวกเราไปเปิดร้านโอสถที่เมืองจักรพรรดิ ข้าจะทำให้ตระกูลฉีไม่สามารถอยู่ในเมืองจักรพรรดิได้อีกต่อไป!”