ตอนที่ 1816 ตระกูลฉีหาเรื่องใส่ตัว (7) / ตอนที่ 1817 ตระกูลฉีหาเรื่องใส่ตัว (9)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1816 ตระกูลฉีหาเรื่องใส่ตัว (7)

เขาร่วมมือกับองค์ชายรองของอาณาจักรเทียนฉีและยังมีน้ำยารวบรวมพลังฌานกับหุ่นเชิด ดังนั้นอีกไม่นานเขาก็จะล้มตระกูลฉีได้!

“ท่านพี่…” หัวใจของฉีหลิงบีบตัวและนางก็เผลอกำมือของฉีซูขณะที่กัดปากแน่นก่อนจะเอ่ยถาม “…พวกเราจะกลับไปที่เมืองจักรพรรดิหรือเจ้าคะ”

สถานที่นั้นเป็นฝันร้ายในจิตใจของฉีหลิง เมื่อได้ยินคำว่า ‘เมืองจักรพรรดิ’ นางก็เริ่มตัวสั่นและหน้าถอดสี

“เสี่ยวหลิง ครั้งที่แล้วพวกเราจากมาด้วยสภาพน่าอดสูแต่ครั้งนี้พวกเรากำลังจะกลับไปอย่างยิ่งใหญ่!” ฉีซูปลอบความคิดที่บอบบางของฉีหลิง “ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าไม่อยากเจอท่านแม่หรือ”

ฉีหลิงตัวสั่นเทาแล้วก้มหน้า จากนั้นสักพักนางถึงเงยหน้าขึ้นมา “ข้าไม่อยากเจอท่านแม่ ข้าอยากเจอท่านป้าอวิ๋น”

ฉีซูยิ้มยังหมดหนทาง ตอนที่พวกเขาถูกเตะออกมาจากจวนเมื่อปีที่แล้ว มารดาแท้ๆ ของพวกเขาอ่อนแอจนไม่สามารถทำอะไรได้นอกอย่างมองพวกเขาจากมาอย่างสิ้นหวัง

ถ้าอย่างนั้นพวกเขาสามารถโทษนางได้หรือไม่

ก่อนหน้านี้ตอนที่อาจารย์ยังอยู่ที่นี่ก็ทำให้ตำแหน่งของมารดาของพวกเขาสูงขึ้นและฉีเจิ้งก็เคารพนางมาก แต่ว่าหนึ่งปีหลังจากที่อาจารย์หายตัวไป คนพวกนั้นก็เชื่อมั่นว่าอาจารย์เสียชีวิตแล้วและฐานะของมารดาของพวกเขาก็ตกต่ำลงจนแย่ยิ่งกว่าบ่าวในจวนเสียอีก

พรสวรรค์ของนางไม่ได้สูง แม้ว่าอาจารย์จะช่วยนางพัฒนา นางก็ทำไม่ได้ ดังนั้นเรื่องนี้จึงโทษนางไม่ได้…

“ท่านพี่ ข้าไม่อยากเป็นขยะอีกต่อไปแล้ว” ฉีหลิงเงยหน้าด้วยดวงตากลมโตที่เป็นประกาย “ข้าอยากฝึกพลังฌาน ข้าจะอดทนไม่ว่าจะเจ็บปวดสักแค่ไหน ถ้าข้าแข็งแกร่ง ข้าก็จะสามารถไปตามหาท่านป้าอวิ๋นที่ป่าบททดสอบสวรรค์ได้ นางต้องยังมีชีวิตอยู่แน่…”

“เสี่ยวหลิง ร่างกายของเจ้าไม่สามารถทนได้” หัวใจของฉีซูกระตุก เขาก้มมองเด็กผู้หญิงตรงหน้าเขาด้วยดวงตาที่ฉายแววสิ้นหวัง

“ท่านพี่ ข้าอยากลองอีกครั้งเจ้าค่ะ…”

ภายในจิตใจที่ยังเยาว์ของฉีหลิงทำให้นางเชื่ออย่างสุดหัวใจว่าอวิ๋นเยว่ชิงจะกลับมาอยู่ข้างพวกเขาแน่นอนตราบใดที่นางสามารถฝึกพลังฌานได้

อวิ๋นลั่วเฟิงยืนอยู่ข้างๆ สองพี่น้องขณะที่ดวงตาของนางมืดลงเหมือนว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่

“ท่านพี่ หลิงเอ๋อร์ไม่กลัวความเจ็บหรือความตายเจ้าค่ะ! ข้าแค่ต้องการให้ท่านป้าอวิ๋นกลับมาเท่านั้น!”

ถ้าให้ฉีหลิงได้เลือกอีกครั้ง นางไม่มีทางยอมให้อวิ๋นเยว่ชิงออกไปเสี่ยงชีวิตในสถานที่อันตรายอย่างนั้นแน่นอน

แต่ว่าตอนนั้นฉีหลิงไม่รู้เรื่องอะไรและก็ไม่รู้ว่าอวิ๋นเยว่ชิงตั้งใจจะทำอะไร จนกระทั่งนางโตขึ้นถึงพึ่งเข้าใจว่าสตรีที่อบอุ่นเหมือนมารดาผู้นั้นจู่ๆ ก็หายตัวไป

“ถ้านางอยากลอง ก็ให้นางลอง”

ทันทีที่ฉีซูตั้งใจจะปฏิเสธนาง ก็มีเสียงดังขึ้นจนทำให้เขาสะดุ้ง

ฉีซูรีบดึงสติกลับมาจากอาการตะลึงแล้วยิ้มอย่างบิดเบี้ยว “แม่นางอวิ๋น รากฐานของฉีหลิงค่อนข้างพิเศษ เมื่อใดก็ตามที่นางฝึกพลังฌาน นางจะเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ถ้านางฝืนฝึกพลังฌาน ของเหลวในร่างกายของนางก็จะระเบิดออกและนางก็จะตาย”

เขามองฉีหลิงอีกครั้งด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน “ตอนที่หลิงเอ๋อร์อายุสองปี อาจารย์ก็ตั้งใจจะสอนให้นางฝึกพลังฌานแต่ก็พบว่าร่างกายของนางผิดปกติ ดังนั้นนางจึงเดินทางไปที่ป่าบททดสอบสวรรค์เพื่อตามหาสมุนไพรพลังฌานที่ชื่อว่าผลพลังฌานเก้าดารา ผลไม้ชนิดนี้จะช่วยให้ฉีหลิงฝืนฝึกพลังฌานได้ ใครจะรู้ว่านางจะไปแล้วไม่ได้กลับมาอีกเลย…”

อวิ๋นลั่วเฟิงหรี่ตาลงเล็กน้อย นอกจากรากฐานที่พิเศษของฉีหลิงแล้วนางก็ยังพบว่าฉีหลิงมีความจำที่ดีกว่าคนทั่วไป

ปกติแล้วความทรงจำก่อนอายุสองปีของคนอื่นจะหลงลืมได้ง่ายมาก แต่นางกลับจำได้ชัดเจนและความทรงจำเกี่ยวกับอวิ๋นเยว่ชิงก็โดดเด่นมาก

…………………………

ตอนที่ 1817 ตระกูลฉีหาเรื่องใส่ตัว (9)

หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง อวิ๋นลั่วเฟิงเงยหน้าแล้วพูดว่า “ถ้าเจ้าเชื่อใจข้า ยกฉีหลิงให้ข้าแล้วข้าจะช่วยนางเอง”

ไม่ต้องพูดถึงผลพลังฌานเก้าดารา แม้แต่ผลเก้าดาราธรรมดาก็หาซื้อยากมากและคนที่ต้องการก็จำเป็นต้องเดินทางไปป่าบททดสอบสวรรค์ ดังนั้นนางจึงต้องใช้วิธีอื่นเพื่อช่วยฉีหลิง

ฉีซูสะดุ้งและเริ่มขมวดคิ้วคิด ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อใจอวิ๋นลั่วเฟิงแต่การทำให้ฉีหลิงฝึกพลังฌานได้เป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้

ดังนั้นหลังจากผ่านไปสักพักเขาก็หันไปมองฉีหลิง “ข้าจะให้เสี่ยวหลิงตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เรื่องแบบนี้ข้าตัดสินใจแทนนางไม่ได้”

หลังจากที่ตะกูลฉีถอยกลับไปอย่างทุลักทุเล ฝูงชนรอบตัวพวกเขาก็หายไปแทบจะหมดทันที นอกจากผู้ติดตามของฉีซูแล้วก็มีแค่นายท่านรองฉีและคนของเขาที่ยังอยู่

“ข้าอยากติดตามพี่หญิงอวิ๋น” ฉีหลิงตัดสินใจโดยไม่คิดมาก

ถึงแม้ว่าฉีซูจะรู้อยู่แล้วว่านางจะตัดสินใจอย่างไรแต่เขาก็ยังตัวสั่น “เสี่ยวหลิง เจ้ามั่นใจหรือ”

“เจ้าค่ะ” ฉีหลิงพยักหน้าและดวงตาของนางก็เริ่มแดง “ข้าอยากตามหาท่านป้าอวิ๋น แล้วข้าเอง…ก็ไม่อยากถูกท่านพ่อขายออกไปอีกครั้ง”

“ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว เจ้าก็ต้องอดทนในการเดินทางบนเส้นทางนี้” ฉีซูสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วตบไหล่ของฉีหลิง “พี่จะสนับสนุนเจ้าเองไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ตาม”

อวิ๋นลั่วเฟิงยกมือขึ้นแล้วดึงฉีหลิงมายืนข้างๆ ก่อนจะเงยหน้ามองฉีซู รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้างดงามและร้ายกาจของนาง “ข้าจะพานางออกไปหนึ่งเดือน ระหว่างหนึ่งเดือนนี้ เจ้าก็เตรียมตัวออกเดินทางไปเมืองจักรพรรดิ อีกอย่าง…”

ตอนแรกอวิ๋นลั่วเฟิงก็พูดด้วยเสียงปกติแต่หลังจากนั้นเสียงของนางก็ไม่ได้ดังผ่านหูแต่ดังขึ้นในความคิดของเขา

การส่งเสียงผ่านจิต!

สิ่งที่ทำให้ฉีซูตะลึงยิ่งกว่าก็คือเนื้อหาที่นางพูดผ่านจิต…

นี่คือตำรับน้ำยาสมุนไพรรวบรวมพลังฌานงั้นหรือ นางยกตำรับยาให้เขาจริงๆ! และยังให้เขาทำน้ำยาสมุนไพรด้วยงั้นหรือ

“ข้าจะยกธำมรงค์มิติของข้าให้เจ้าชั่วคราวเพื่อให้เจ้าเก็บรักษา ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”

อวิ๋นลั่วเฟิงดึงธำมรงค์มิติของนางออกมาวางลงตรงหน้าฉีซู

ฉีซูปล่อยพลังจิตไปล้อมรอบธำมรงค์เอาไว้แล้วก็ยิ่งตะลึง

นี่…นี่คือสมุนไพรพลังฌานที่ต้องใช้ในการทำน้ำยาสมุนไพรรวบรวมพลังฌานงั้นหรือ นางไปได้สมุนไพรพลังฌานมากมายขนาดนี้มาจากไหน ในธำมรงค์วงนี้มีสมุนไพรพลังฌานมากกว่าที่ตระกูลฉีมีเสียอีก!

แต่ว่า ฉีซูก็รู้อะไรที่เขาควรถามและอะไรที่ไม่ควรโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีคนอยู่มากขนาดนี้ ดังนั้นเขาจึงต้องกลืนคำถามลงคอก่อนที่จะหลุดปากออกไป

แต่ว่าในใจเขาก็ตัดสินใจว่าในชีวิตนี้เขาจะไม่มีทางทรยศอวิ๋นลั่วเฟิงและจะไม่ทำให้การเชื่อใจของนางเสียเปล่า!

ความจริงการที่อวิ๋นลั่วเฟิงมอบตำรับยาและสมุนไพรพลังฌานกับเขาก็ไม่ใช่เรื่องบ้าบิ่นแต่อย่างใด อย่างแรกพี่น้องคู่นี้เคยสาบานต่อสวรรค์ว่าจะภักดี และสองฉีหลิงก็อยู่ข้างกายนาง

บนโลกใบนี้ฉีหลิงเป็นครอบครัวคนเดียวที่ฉีซูให้ความสำคัญมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ในเมื่อเขากล้ายกน้องสาวของเขาให้นาง เหตุใดนางจะไม่กล้ายกตำรับยาให้เขาล่ะ

ยิ่งไปกว่านั้นฉีซูก็สร้างธุรกิจเพื่อนาง และนางก็เชื่อมั่นมากว่านางจะไม่ใช่คนที่นางระแวงและจะไม่ระแวงคนที่นางใช้! นางเลือกเขาดังนั้นนางก็ต้องไม่สงสัยในตัวเขา!

“ฉีหลิง พวกเราไปกันเถอะ” อวิ๋นลั่วเฟิงกุมมือฉีหลิงแล้วส่งสายตาให้ฉีซู “อีกหนึ่งเดือนข้าจะพาฉีหลิงกลับมาหาเจ้า” …

ภายในป่ารกแสนอันตรายที่มีพืชมีหนามและสิ่งกีดขวางมากมาย มีสตรีในชุดขาวผู้หนึ่งที่มือซ้ายถือกระบี่คอยฟันสิ่งกีดขวางและอีกมือก็จูงเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่บอบบางคนหนึ่ง