ไม่นานวิดีโอได้แพร่ไปทั่วโลกออนไลน์
“ถึงฉันจะติดตามละครฉากนี้มานานแล้วก็รู้ว่าตอบจบจะเป็นยังไงแล้ว (ยังไงคนตระกูลหันก็แค่หลอกตัวเองอยู่แล้วนี่) แต่แค่ได้เห็นไอ้สวะนั้นยอมรับผิดแล้วคิดถึงสิ่งที่ซูอวี๋ต้องเจอมาเมื่อยี่สิบปีก่อนแล้ว มันเป็นสิ่งที่ฉันคิดว่าถ้าตัวเองเป็นเธอคงไม่มีทางทนได้แน่!
“เธอทั้งถูกสามีหักหลังและทำขาหัก แล้วลูกชายยังยอมรับนังหัวขโมยว่าเป็นแม่อีก ฉันว่าที่เธอรอมาแฉเอายี่สิบปีให้หลังก็นับว่าปรานีมากแล้วนะ
“ตระกูลหันทำให้ฉันนึกถึงคำที่ว่าอย่าตัดสินคนจากภายนอกเลย ดูอย่างหันเจี๋ยสิ เขาดูเป็นผู้ชายที่มีจิตใจดี แต่กลับเป็นแค่หมาป่าในคราบแกะเท่านั้น แม้แต่ตอนที่ยังเล็กๆ เขายังรู้จักทรยศแม่ตัวเองแล้วเลย
“คนที่ร้ายกาจที่สุดก็คือนังเมียน้อยนั่น เธอแย่งคนรักของคนอื่นมาและแสดงตัวที่บ้านเพื่อกดดัน ที่แย่ที่สุดคือเธอพาผู้ชายมาด้วยเพื่อทำให้อีกฝ่ายต้องอับอายขายหน้า ผู้หญิงอย่างนี้เลวยิ่งกว่าเมียน้อยคนไหนๆ ซะอีก!”
ความคิดเห็นในโลกออนไลน์แสดงให้เห็นชัดในตัวมันเองแล้ว พวกเขาล้วนเข้าข้างซูอวี๋เพราะวิดีโอของหันซิวเช่อนั้นบอกไว้อย่างชัดเจน
แม้ว่าคุณพ่อหันจะติดต่อทนายความ และทนายความจะยืนยันว่าวิดีโอนั้นไม่เป็นความจริง ทุกคนก็มีคำตอบของตัวเองในใจอยู่แล้ว
ต่อให้เรื่องนี้จะถูกส่งขึ้นศาลแล้วซูอวี๋จะแพ้คดีเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ทุกคนก็ยังมองว่าเธอเป็นเหยื่อ นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
ตระกูลหันตกอยู่ในตื่นตระหนก อย่างไรเสียศิลปินในสังกัดของหันเจี๋ยก็ไม่อาจรักษาหน้าที่การงานไว้ได้เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้แต่สัญญาจ้างเขียนการ์ตูนของหันซิวเช่อยังถูกยกเลิก ซ้ำหุ้นยังร่วงระนาวไปหลายสิบล้านภายในวันเดียว ในขณะเดียวกันคุณพ่อหันคิดว่าด้วยระยะทางคงไม่ทำให้ธุรกิจในต่างประเทศของเขาต้องระคาย น่าเสียดายที่ถังหนิงได้กระจายข่าวบนหน้าเว็บไซต์ต่างประเทศ ทำให้ธุรกิจของคุณพ่อหันได้รับผลกระทบไปด้วย
ด้วยเหตุนี้คุณพ่อหันจึงขังตัวเองอยู่ในบ้านและเอาแต่สูบบุหรี่ทั้งวัน
ในขณะเดียวกันทั้งหันเจี๋ยและหลี่ฉิงไอ้ดูสิ้นหวังอย่างถึงที่สุด
“เธอดีกับหันซิวเช่อมานานหลายปี ใครจะคิดว่าสุดท้ายเขาจะหักหลังเธอกัน!”
หันเจี๋ยหลุดขำออกมาก่อนส่ายหน้า “ผมทำได้แค่คิดซะว่าไม่เคยมีน้องชายคนนี้เท่านั้นแหละ!”
“ถ้าฉันจะบอกว่าอยากให้ใครสักคนไปสั่งสอนเขา เธอจะว่ายังไง” หลี่ฉิงไอ้เอ่ยลองเชิง “ยังไงครอบครัวที่สงบสุขก็กลายมาเป็นอย่างนี้เพราะว่าผู้ชายคนนั้น เขาก็ควรจะชดใช้กับสิ่งที่ทำลงไปไม่ใช่เหรอ”
เธอหมุนแก้วไวน์ในมือก่อนว่าต่อ “ไม่อย่างนั้นความโกรธของฉันคงไม่มีทางหายไปแน่!”
“เรื่องของคุณสิ” ตอนนั้นหันเจี๋ยนึกไม่ถึงว่าคำตอบส่งๆ ของตัวเองจะเป็นการเอาชีวิตน้องชายตัวเองไปเสี่ยง ถึงอย่างไรเขาก็ไม่คิดว่าหลี่ฉิงไอ้จะส่งคนไปทำบางอย่างจริงๆ!
ไม่นานเธอก็ใช้โทรศัพท์ของคุณพ่อหันส่งข้อความไปให้หันซิวเช่อ บอกให้เขามาเจอกันที่ดาดฟ้าของห้องพักหันเจี๋ย
แต่เมื่อหันซิวเช่อมาถึงเขากลับถูกชายกลุ่มหนึ่งล้อมและรุมทำร้ายอย่างไม่ทันตั้งตัว
หันซิวเช่อคงนึกไม่ถึงว่าพ่อของตัวเองจะเรียกเขามาและทำร้ายร่างกายเขา…
…
เวลาเกือบเที่ยงคืน
ถังหนิงตื่นขึ้นมาเพราะสายเรียกเข้าจากหลงเจี่ย เมื่อรับสายเธอก็ต้องพบกับข่าวที่น่าตกใจ “หันซิวเช่อตกลงมาจากตึก แล้วเขาก็ส่งวิดีโอมาให้คุณด้วยค่ะ”
“อะไรนะ”
ด้วยข่าวที่น่าตกใจถังหนิงจึงยังตั้งหลักไม่ทัน ไม่กี่นาทีหลังจกนั้น เธอลุกขึ้นจากเตียงไปที่ห้องทำงานเพื่อเปิดดูข่าวออนไลน์
จากนั้นจึงดูวิดีโอที่หลงเจี่ยส่งมาให้เธอ เป็นวิดีโอที่หันซิวเช่อคุกเข่าอยู่บนพื้นทั้งร่างที่อาบไปด้วยเลือด ดูเหมือนว่าเขาจะถ่ายวิดีโอนี้เอง แต่กลับพูดออกมาไม่เป็นภาษาเล็กน้อย
ถังหนิงต้องกดเพิ่มเสียงจนสุดถึงจะได้ยินสิ่งที่เขาพูดชัดเจน
“ถังหนิง นี่คือการคุกเข่าขอโทษที่ผมติดค้างคุณเอาไว้
“แม่ครับ…ผมอยากจะขอโทษแม่จริงๆ นะ…แต่….ผมว่าคงไม่มีโอกาสนั้นแล้วล่ะ”
จากนั้นเขาจึงสลบไป
ถังหนิงโทรกลับหาหลงเจี่ยทันที “เกิดอะไรขึ้น”
“ตระกูลหันน่าจะส่งคนไปสั่งสอนหันซิวเช่อ ในระหว่างที่สู้กันบนชั้นดาดฟ้าหันซิวเช่อเลยตกลงมา แต่หลังจากที่เขาหล่นลงมา เขากลับรีบอัดวิดีโอนี้และส่งมาให้แทนที่จะเรียกรถพยาบาลค่ะ!”
“ตระกูลหันโหดเหี้ยมขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ” ถังหนิงไม่อยากจะเชื่อว่าพวกเขาจะเอาชีวิตของใครบางคนไปเสี่ยง โดยเฉพาะคนในครอบครัวเดียวกัน แต่นั่นก็เป็นอีกครั้งที่พวกเขาเคยทำอย่างนี้มาแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ แค่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเท่านั้น
“คุณน้าซูรู้เรื่องนี้หรือยัง”
“ฉันได้ยินว่าเธออยู่ที่โรงพยาบาลแล้วนะคะ หันซิวเช่อยังมีความหวังอยู่ ถึงเขาจะน่ารำคาญจริงๆ แต่การใช้วิธีนี้ขอโทษมันก็…”
คำขอโทษที่ทำให้คนที่เห็นต้องลำบากใจ
“คุณน้าซูมีคุณอาหลงอยู่ด้วย ไม่ต้องห่วงหรอก”
“เอาเถอะค่ะ ฉันแค่โทรมาบอกให้คุณรู้เฉยๆ ”
หลังจากวางสาย ถังหนิงค่อยๆ ย่องกลับไปที่ห้องนอน อย่างไรก็ตามโม่ถิงตื่นแล้วและกำลังอ่านข่าวอยู่
“คุณรู้เรื่องทุกอย่างแล้วเหรอคะ” ถังหนิงถามขณะที่เดินไปที่เตียง นั่งลงขอบเตียงก่อนเอนตัวซบโม่ถิงไว้ “ตอนนี้ฉันมาคิดเรื่องนี้ ฉันสงสัยว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันไม่คุ้มค่าเอาซะเลย ถึงฉันจะเกลียดหันซิวเช่อ แต่การเห็นเขาคุกเข่าขอโทษอย่างนี้ก็ทำฉันไม่สบายใจเลยค่ะ”
“ผมจะช่วยคุณปล่อยแถลงการณ์พรุ่งนี้เองครับ”
“โอเคค่ะ” ถังหนิงพยักหน้า เธอนอนไม่หลับจนกระทั่งเช้า
เช้าตรู่วันต่อมา ข่าวที่หันซิวเช่อได้รับบาดเจ็บสาหัสและมีอาการสมองตายได้แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกันที่โรงพยาบาลไม่มีคนจากตระกูลหันปรากฏตัวสักคน มีเพียงซูอวี๋และสามีของเธอเท่านั้น อย่างไรการที่รู้ว่าหันซิวเช่อมีอาการสมองตายก็เป็นข่าวที่พวกเขายากจะรับได้
“หมอคะ…ฉันคิดว่าเขาน่าจะยังรอดได้นะคะ วิดีโอที่อยู่ในข่าวเพิ่งถูกถ่ายเมื่อคืนเองนะคะ”
“คุณนายครับ ผมต้องขอโทษด้วย ผมรู้ว่ามันยากจะรับได้ แต่คุณต้องเข้าใจว่าคนปกติคงเสียชีวิตไปตั้งแต่หล่นลงมาด้วยความสูงขนาดนั้นแล้ว ตอนที่เขาอัดวิดีโอ ผมเองก็คิดว่าเขายังมีหวังอยู่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว อาการบาดเจ็บของเขามันรุนแรงมากเกินไปแล้วครับ ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ…”
“หมอคะ…”
ในตอนนี้เองที่คุณพ่อหันกับหันเจี๋ยรีบมาที่โรงพยาบาล
“ลูกชายผมเป็นยังไงบ้างครับ”
หมอเหลือบมองคุณพ่อหัน ในจังหวะที่กำลังจะตอบ ซูอวี๋พลันตบหน้าเขา “เมื่อยี่สิบปีก่อนฉันเป็นคนตกเป็นเหยื่อ คราวนี้ก็เป็นลูกชายของคุณ คุณนี่มันไม่มีความเป็นมนุษย์หลงเหลือเลยสักนิด! ตอนนี้ซิวเช่อจากไปแล้ว พอใจหรือยังล่ะ”
“คุณพูดไร้สาระอะไรของคุณน่ะ” เห็นได้ชัดว่าคุณพ่อหันไม่อาจยอมรับสิ่งที่ได้ยินได้
แม้แต่หันเจี๋ยยังคิดว่าซูอวี๋แค่ขู่พวกเขา “จะเกิดอะไรขึ้นกับซิวเช่อได้ยังไงกัน”
“ถ้าไม่เชื่อก็ไปดูด้วยตาตัวเองซะสิ”
พ่อลูกไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้เพียงว่าเมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้าโทรศัพท์ของพวกเขาก็ถูกปิดเครื่อง
ความจริงแล้วพวกเขาไม่รู้ว่าหลี่ฉิงไอ้ได้หนีไปแล้วด้วยซ้ำ…