กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 552
ที่ขอบของแท่นหิน มีหินหนืดสารเหลวที่มีความร้อนสูงขนาดมหึมา
อุณหภูมิของหินหนืดนั้นสูงมาก ทำให้เกิดคลื่นของเหลวกระเพื่อมเป็นครั้งคราว และทำให้กู้ชูหน่วนร้อนจนเหงื่อไหลราวกับฝน
นางเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง และจ้องมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง
ที่นี่เงียบสงัดมาก นอกจากเสียงกระเพื่อมตัวของหินหนืดแล้วก็ไม่มีเสียงดังขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว แม้แต่เสียงกรีดร้องโหยหวนเมื่อสักครู่ก็ไม่มีแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกลัวจะรบกวนสิ่งมีชีวิตบางสิ่งของที่นี่หรือไม่
“น่าแปลกมาก เหตุใดหุบเขาตันหุยถึงมีหินหนืดสารเหลวความร้อนสูง? อีกทั้งยังมีขนาดใหญ่มากเช่นนี้”
กู้ชูหน่วนก้มหน้ามองไปยังหินหนืด
ทันใดนั้น หินหนืดที่เดือดพล่านแต่เดิมก็สงบลงและมีภาพปรากฏขึ้น
ร่างกายของกู้ชูหน่วนสั่นไหวทันที จ้องมองไปที่ภาพที่ปรากฏขึ้นบนหินหนืดด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
ภายในภาพที่ปรากฏขึ้นนั้น เป็นภาพของนางและเยี่ยจิ่งหานที่กำลังแตกหักกัน นางทิ่มแทงเยี่ยจิ่งหานด้วยดาบเล่มหนึ่งจนตายและจากนั้นก็หลบหนีไป
กู้ชูหน่วนเกิดความสงสัย
เหตุใดถึงปรากฏภาพเช่นนี้ขึ้นบนสารเหลวหินหนืดนี้?
อีกทั้งแต่ละภาพที่ปรากฏขึ้นมาก็ชัดเจนราวกับเรื่องจริงที่จะต้องเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
ยังไม่ทันที่นางจะหายตกใจ ภาพที่ปรากฏขึ้นนั้นก็เปลี่ยนไป
นางควักหัวใจของนางออกมาเพื่อใช้เป็นยารักษาชีวิตของเผ่าหยก แต่สุดท้ายก็ต้องตายอย่างทุกข์ทรมานด้วยเงื้อมมือของตัวเอง ทุกคนในเผ่าหยกยืนล้อมรอบต่อหน้าร่างของนางจะร้องไห้อย่างน่าอนาถ
และยังมีอี้เฉินเฟย อี้เฉินเฟยมีผมหงอกขาวเต็มศีรษะและกระโดดเข้าไปยังหม้อเตาเผากลั่นยา และใช้ตัวของเขาเองเพื่อช่วยให้นางปรุงกลั่นยาอายุวัฒนะออกมา และหลังจากตายไปก็ไม่มีเหลือแม้แต่โครงกระดูก
“……”
ดวงตาของกู้ชูหน่วนมีน้ำตาไหลออกมา
นางยื่นมือออกมาจับกุมหัวใจของนางและหัวใจของนางก็เต้นแรงอย่างต่อเนื่อง
นางรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังหวาดกลัวและร่างกายก็สั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้
เยี่ยจิ่งหานถูกนางฆ่าแล้ว
อี้เฉินเฟยกระโดดเข้าไปยังหม้อเตาเผากลั่นยา เพื่อใช้การตายของเขาปรุงกลั่นยาอายุวัฒนะขึ้นมา……
เหตุใดสารเหลวหินหนืดต้องปรากฏภาพเช่นนี้ขึ้นมา?
หรือเป็นเพราะสารเหลวหินหนืดสามารถคาดการณ์เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างนั้นหรือ?
ไม่……
เป็นไปได้อย่างไร……
บนโลกนี้จะมีคนและสิ่งใดที่สามารถรู้เหตุการณ์ในอนาคตได้?
กู้ชูหน่วนส่ายหน้าและพยายามเก็บกลั้นความหวาดกลัวเอาไว้ในใจ จากนั้นหลับตาลงเป็นเวลานานและลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง และจ้องมองไปยังสารเหลวหินหนืดอีกครั้งหนึ่ง
สารเหลวได้เปลี่ยนคืนรูปไปยังปกติ นอกจากหินหนืดจะกระเพื่อมขึ้นเป็นครั้งราวแล้ว ก็ไม่มีภาพอะไรปรากฏขึ้นอีกเลย ราวกับว่าภาพที่ปรากฏขึ้นเมื่อสักครู่ เป็นเพราะนางคิดมากนึกถึงภาพหลอนไปเองเท่านั้น
กู้ชูหน่วนกำลังจะก้าวเท้าและคิดออกไปจากหินหนืดที่น่าพิศวงนี้
ทันใดนั้นก็เหลือบไปเห็นภาพที่ปรากฏเปลี่ยนขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว
ครั้งนี้ภาพที่ปรากฏขึ้นมานั้นไม่ใช่อี้เฉินเฟย และไม่ใช่เยี่ยจิ่งหาน แต่กลับเป็นเซี่ยวอวี่เซวียน
นั่นเป็นคืนหนึ่งที่ฝนตกอย่างหนัก เซี่อวี่เซวียนและนางกลับกลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน และนำทัพกองกำลังทหารกว่าสองแสนนายจากไปและตั้งตนเป็นจักรพรรดิ สุดท้ายก็ได้ตามล้างแค้นนางอย่างไม่จบไม่สิ้น
และภาพที่ปรากฏก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ซือม่อเฟยเปลี่ยนไปเป็นวัยชราหัวหงอกผมขาว ไร้ซึ่งศิลปะการต่อสู้ใดๆ ทั้งสิ้นและอยู่ในสภาพที่น่าอดสูอเนจอนาถอย่างมาก……
“ปัดโธ่ อะไรกันเนี่ย ข้าเป็นบ้าอะไรกัน”
กู้ชูหน่วนรู้สึกโมโหมากและก้มลงหยิบก้อนหิน จากนั้นโยนออกไปที่หินหนืดสารเหลวอย่างแรง
“ใครเป็นคนจัดตั้งค่ายกลภาพลวงตาขึ้นที่นี่? หากภาพลวงตาปรากฏภาพที่ดีก็ว่าไปอย่าง แต่กลับปรากฏเป็นภาพเหลวไหลเช่นนี้เต็มไปหมด”
เซี่ยวอวี่เซวียนและเยี่ยจิ่งหานต่างก็ดีกับนาง เหตุใดนางถึงต้องแตกหักกับพวกเขาและกลายเป็นศัตรูกันด้วย?
ท่านพี่เฉินเฟยก็อยู่ดีๆ จะกระโดดเข้าไปยังหม้อเตาเผากลั่นยาได้อย่างไร?
ซือม่อเฟยเจ้าหมอนั่น เดิมทีก็มีแค่นางเท่านั้นที่รังแกเขาได้ มีหรือที่คนอื่นจะได้เป็นฝ่ายรังแกเขา?
นางต้องการช่วยชีวิตเผ่าหยกและรวบรวมไข่มุกมังกรให้ครบทั้งเจ็ดเม็ดก็สำเร็จแล้ว
นางบ้าไปแล้วหรือที่ควักหัวใจของตัวเองออกมา นางยังอยากมีชีวิตต่อไปอีกนะ
ช่างเหลวไหลไร้สาระอย่างมาก……
ที่นี่ล้วนรายล้อมไปด้วยหินหนืดที่มีความแข็ง กู้ชูหน่วนพยายามหาทางออกก็ยังหาไม่พบและยิ่งไปกว่านั้นคือหากุญแจรูปดาวไม่เจอ
กู้ชูหน่วนจ้องไปที่ด้านบนของโซ่เหล็กขนาดใหญ่เก้าเส้น
มีโซ่เหล็กขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วนที่สลักด้วยอักษรรูนจำนวนมากและสลับซับซ้อนกันอย่างมาก มองไปไกลสุดลูกหูลูกตา
นางเกิดความหวาดกลัวขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ และรู้สึกว่าข้างบนนั้นมีความน่าสะพรึงกลัวกว่าการฝ่าภูผามีดทะเลเพลิงและรู้สึกว่าจะบุกเข้าไปได้ยากอย่างมาก
กู้ชูหน่วนกำหมัดแน่นและสูดหายใจลึก แววตาของนางมุ่งมั่นและกัดฟันคิดจะฝ่าฟันบุกเข้าไป
มือใหญ่คู่หนึ่งจับกุมข้อมือของนางไว้โดยไม่ทันระวังตัว จากนั้นเสียงที่คุ้นเคยและเย็นชาก็ดังขึ้นข้างหูของนาง
“เจ้าบ้าไปแล้วหรืออย่างไร? ไม่รู้หรือว่าข้างบนนั้นคือค่ายกลโบราณพิฆาตที่ดุร้าย?”
กู้ชูหน่วนหันไปมองคนที่จับข้อมือของนางไว้ แน่นอนว่าเป็นเยี่ยจิ่งหานไม่ใช่ใครที่ไหน
เยี่ยจิ่งหานสวมหน้ากากผีจึงทำให้ไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริง ดวงตาที่ลึกล้ำของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเคืองและนางก็ไม่รู้ว่าเขาโกรธเคืองเรื่องอะไร
“ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่ท่านควรเข้ามา” กู้ชูหน่วนพูดขึ้น
นางออกแรงสะบัดมือของเขาออก แต่แรงของเยี่ยจิ่งหานมีมากกว่าและเขากุมข้อมือของนางแน่นขึ้น ทำให้ไม่แม้แต่จะสะบัดออกได้เลย
น้ำเสียงของกู้ชูหน่วนเย็นชาขึ้น “ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้”
“ออกไปกับข้า”
เยี่ยจิ่งหานไม่สนใจว่านางจะตกลงหรือไม่และคว้าตัวนางออกไปจากที่นั่น
“เยี่ยจิ่งหาน ข้าบอกให้ท่านปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ท่านไม่เข้าใจหรืออย่างไร?”
“เจ้าแต่งงานกับข้าแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็ต้องเชื่อฟังข้า ข้าบอกให้เจ้าออกไปจากที่นี่ เช่นนั้นเจ้าก็ต้องออกไปจากที่นี่”
“ท่านบ้าไปแล้วหรือ เช่นนั้นแล้วท่านก็ควรรีบไปรักษาตัวข้างนอก การแต่งงานของเราสองคนได้ทำข้อตกลงขึ้นแล้วสามข้อ ก็เพียงแค่การแต่งงานเป็นสามีภรรยาในนามเท่านั้น ข้าอยากทำอะไรก็ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตท่าน”
“เหตุใดข้าถึงจำได้เพียงว่า เราสองคนไม่เพียงแค่แต่งงานในนามเท่านั้น”
ท่าทีของเยี่ยจิ่งหานดูแน่วแน่และมุ่งมั่น โดยไม่ที่พื้นที่ให้นางได้พูดปฏิเสธเลยสักนิด กู้ชูหน่วนถูกคว้าตัวออกไปไกล
นางได้หยิบอาวุธลับออกมาและยิงใส่ท่ามกลางความโกรธของนาง
แววตาที่เยือกเย็นของเยี่ยจิ่งหานเมื่อเห็นเข้าก็พลิกตัวหลบอาวุธลับนั้น และในขณะเดียวกัน กู้ชูหน่วนก็โยนผงยาพิษออกมาอีกหนึ่งกำมือ
เขารู้อยู่ก่อนหน้านี้ว่ากู้ชูหน่วนเชี่ยวชาญชำนาญด้านการใช้อาวุธลับและผงยาพิษ และในขณะที่เขาหลบอาวุธลับนั้นก็ได้ทำการกลั้นหายใจในขณะเดียวกัน
การโจมตีทั้งสองครั้งล้มเหลว กู้ชูหน่วนหยิบปิ่นปักผมบนศีรษะออกมาและนำมาวางที่คอของตัวเอง “เยี่ยจิ่งหาน หากท่านไม่ปล่อยข้าไป เช่นนั้นข้าจะตายลงต่อหน้าของท่านเดี๋ยวนี้”
เมื่อบีบบังคับด้วยความตาย เช่นนั้นเยี่ยจิ่งหานจึงหยุดชะงักลง
เยี่ยจิ่งหานกัดฟันและพูดขึ้นมา “กู้ชูหน่วน เจ้ามาเข้าร่วมแข่งขันการปรุงกลั่นยาที่หุบเขาตันหุยเพื่ออะไร? และเจ้าต้องการเข้าไปยังเขตหวงห้ามเพื่อค้นหาอะไร?”
มีอะไรที่สำคัญและมีค่าไปกว่าชีวิตของนางอย่างนั้นหรือ
เมื่อมองแวบแรก ค่ายกลของที่นี่ราวกับขุมทรัพย์ล้ำค่า แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยวิญญาณชั่วร้าย และเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนี้ก็สามารถทำให้เขารับรู้ถึงความน่าสะพรึงกลัวได้ ค่ายกลเช่นนี้หรือจะเป็นค่ายกลอันล้ำค่าปกติ?
เกรงว่ามันจะเป็นค่ายกลที่มีความโหดเหี้ยมยิ่งกว่าค่ายกลที่พระราชวังชิวเฟิงของเขาร้อยเท่าพันเท่ากระมัง
กู้ชูหน่วนจับข้อมือของนางที่ถูกจับแน่นและพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้ามาที่นี่จะต้องการค้นหาอะไรได้อีก หากไม่ใช่วิธีการกลั่นปรุงยาที่เก่งกาจและวิเศษที่สุด”
เยี่ยจิ่งหานหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ
นี่ไม่ใช่วันแรกที่เขารู้จักกู้ชูหน่วน
นางเป็นคนเช่นไรนิสัยอย่างไร เขาจะไม่รู้เลยอย่างนั้นหรือ
“หากเจ้ามาเพื่อการหาวิธีการปรุงกลั่นยาเท่านั้น เช่นนั้นเหตุใดถึงไม่เดินตามเส้นทางที่ระบุไว้”
กู้ชูหน่วนเปลี่ยนเรื่องพูดและมีน้ำเสียงเคร่งขรึมขึ้น “เยี่ยจิ่งหาน เขตหวงห้ามไม่ใช่สถานที่ที่ท่านควรจะมา ท่านรีบออกไปจากที่นี่เถอะ ส่วนเรื่องของข้า ท่านไม่ต้องสนใจหรอก”
“พูดจาเหลวไหล พระชายาของข้า ข้าไม่สมควรสนใจอย่างนั้นหรือ พูดมาเถอะ เจ้าต้องการค้นหาอะไร ข้าจะขึ้นไปช่วยเจ้าค้นหา”