ตอนที่ 294 ศัตรูความรักแสดงฝีมือ

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

ตอนที่ 294 ศัตรูความรักแสดงฝีมือ
ตอนที่ 294 ศัตรูความรักแสดงฝีมือ

ซูหวานหว่านยังคงไม่ได้มีท่าทีที่เปลี่ยนไปแต่อย่างใด แต่หลังจากเดินไปได้สักพัก คุณหนูสวีก็หยุดฝีเท้า ทำให้ซูหวานหว่านต้องหยุดฝีเท้าตาม

ความเกลียดชังที่หายไปจากใบหน้าของสวีซูพลันปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็มีสาวใช้สองคนพุ่งเข้ามาจับไหล่ของนางเอาไว้ ส่วนสาวใช้คนอื่น ๆ ก็ดับไฟในตะเกียงลง

ตอนนี้บรรยากาศรอบ ๆ พลันมืดสนิท ราวกับว่าเวลานี้ช่างเหมาะแก่การสังหารคน เมื่อลมหนาวพัดผ่านก็ทำให้พวกเขาอดที่จะหนาวสั่นไม่ได้

ซูหวานหว่านไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด นางกำลังรอดูว่าคุณหนูสวีผู้นี้ต้องการจะทำอะไรกันแน่

“คุณหนูสวี ฝ่าบาทเรียกข้าเข้ามาในวัง เจ้าจะทำอะไรข้า การกระทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”

“ฝ่าบาทเรียกเจ้ามา เดาไม่ออกหรอว่าเรื่องอะไร? ข้าและเจ้าก็เป็นสตรีเฉกเช่นเดียวกัน ดังนั้นข้าจะช่วยพาตัวเจ้าออกไปจากวังเอง อย่าไปฟังคำพูดของฝ่าบาทเลย เจ้าจะได้ไปสานสัมพันธ์กับองค์ชายสามต่อ หึ!” สวีซูเอ่ยสั่งสาวใช้ของตนเองทันที

สาวใช้รีบหยิบถุงกระสอบออกมา โยนลงมันลงบนพื้นแล้วพูดว่า “คุณหนูจ้าว ท่านเข้าไปอยู่ข้างในด้วยตัวเองเถอะ แล้วพวกเราจะพาท่านออกจากวังเอง”

เมื่อได้ยินคำพูดแบบนี้ ซูหวานหว่านก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ คิดว่ากลอุบายแค่นี้จะหลอกนางได้ง่าย ๆ เหรอ! ยังจะบอกว่าจะพานางออกไปจากที่นี้อีก นางทำแบบนี้เพื่อที่จะให้ฝ่าบาทลงโทษนางในความผิดฐานดูหมิ่นฝ่าบาทสินะ?

ซูหวานหว่านไม่ได้เอ่ยอะไรออกและเพียงแต่ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างประชดประชัน จนดังเข้าหูคุณหนูสวี ทำให้นางขมวดคิ้วขึ้นและพูดออกมาเคร่งขรึมว่า “จับตัวของนางยัดเข้าไปในถุงกระสอบผ้า แล้วนำตัวนางกลับไปที่จวนของข้า!”

สวีซูกำลังจะทรมานนาง! ซูหวานหว่านยังคงไม่ขยับเขยื้อน มองดูสาวใช้นำถุงกระสอบมา ในตอนนั้นเอง ซูหวานหว่านก็ยกถุงกระสอบคลุมตัวของคุณหนูสวีซูทันที เมื่อคิดถึงเรื่องพระสนมของฝ่าบาทถูกจับ นางก็แอบเปลี่ยนเป็นเสื้อคลุมสีแดงให้คุณหนูสวีซูทันที แล้วร้องตะโกนออกมาเสียงดังว่า “ช่วยด้วย!”

“ไม่มีผู้ใดอยู่บริเวณนี้หรอก! ถึงแม้ว่าจะมีคนอยู่พวกเขาก็ไม่สนใจเจ้าหรอกนะ!” สวีซูพูดออกมาอย่างเย็นชา พร้อมกับยกถุงกระสอบผ้าออกจากหัวของตัวเอง

ซูหวานหว่านที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่ได้ขัดขวางแต่อย่างใด เพียงมองดูคุณหนูสวีซูค่อย ๆ ยกถุงกระสอบผ้าออกมา จากนั้นนางก็ทำท่าทางตกใจและตะโกนร้องออกมาว่า “พระเจ้า! พระสนมสือซีเอ๋อร์ปรากฏตัว….น่ากลัวมาก! ใครก็ได้มาช่วยกันจับผีเร็ว!”

เรื่องของพระสนมเอกสือซีเอ๋อร์เป็นข้อห้ามในพระราชวัง ห้ามผู้ใดเอ่ยถึง แต่ซูหวานหว่านกลับตะโกนออกมาเสียงดังแบบนี้ แม้แต่คนที่ยืนอยู่ไกล ๆ ก็รีบวิ่งเข้ามาดูทันที แม้แต่คุณหนูสวีซูเองก็ต้องตกตะลึงอีกครั้งกับคำพูดของตัวเองที่ว่าต่อให้ตะโกนออกไปอย่างไรก็ไร้ประโยชน์

เมื่อเห็นใบหน้าของขันทีและสาวใช้ในวังที่รีบวิ่งเดินเข้ามาดู ใบหน้าของนางพลันซีดเผือด เปลี่ยนไปเป็นมีสีหน้าที่อ่อนน้อมถ่อมตนและสุภาพอีกครั้งราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น นางแสร้งบีบน้ำตา แต่ยังไม่ทันเอ่ยใส่ร้ายซูหวานหว่าน ก็โดนขี้เถ้าปาใส่หน้าของตัวเอง!

“เหตุใดเจ้าถึงสวมใส่ชุดสีแดง ไม่รู้หรือว่านี่เป็นข้อห้ามในพระราชวัง!” ขันทีคนหนึ่งตะโกนออกมาและปาขี้เถ้าในมือใส่หน้านางทันที “ใครก็ได้! จับตัวนางไปเดี๋ยวนี้ และให้นางกินขี้เถ้าชามนี่ซะ”

ทันใดนั้นเหล่าทหารก็หยิบขี้เถ้ายัดใส่ปากคุณหนูสวีทันที จนทำให้นางสำลักออกมา จากนั้นขันทีก็บีบคางของคุณหนูสวีอย่างแรง จนใบหน้าของนางเหยเก สาวใช้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ตื่นตระหนกตกใจและพูดขึ้นมาว่า “คุณหนูของข้าไม่ใช่คนธรรมดา! พวกเจ้าหยุดได้แล้ว!”

ทว่าพวกเขาไม่ฟังคำทัดทานของเหล่าสาวใช้ ยังคงจับขี้เถ้ายัดใส่ปากของคุณหนูสวีอย่างต่อเนื่องและกล่าวออกมาว่า “เรื่องนี้มันไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะสามารถตัดสินใจได้ ฝ่าบาททรงรับสั่งว่าหากสตรีในพระราชวังคนไหนสวมใส่ชุดสีแดง จะต้องถูกลงโทษให้กินขี้เถ้า!”

“คุณหนูสวี ข้าขอให้เจ้ามีความสุขกับอาหารมื้อนี้” ซูหวานหว่านยิ้มออกมาและเดินจากไป

หากแต่เมื่อซูหวานหว่านเดินออกไปไม่กี่ก้าว ก็ถูกสาวใช้ห้ามเอาไว้ สาวใช้คนนั้นขวางซูหวานหว่านห้ามเอาไว้พลางเอ่ยว่า “โปรดหยุดได้แล้ว! นางเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์จากสระเซียงไถ่ ไม่ใช่คนทั่วไป! ธิดาศักดิ์สิทธิ์มาที่นี่เพื่อมาปลดปล่อยวิญญาณของพระสนม!”

ธิดาศักดิ์สิทธิ์? คุณหนูสวีอย่างงั้นหรอ? ซูหวานหว่านหยุดเดินแล้วหันกลับมามองอีกครั้ง ผู้หญิงคนนั้นใส่ชุดขาวเรียว มีร่างกายที่บอบบาง แววตาสั่นไหว แน่นอนว่าจะต้องเป็นคนจากจวนของท่านแม่ทัพ ดูจากเสื้อผ้าและท่าทางของนางนั้นดูเหมือนจะไม่ใช่คนธรรมดา

เมื่อคิดว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้บอกว่าตัวเองคือคุณหนูสวีซู แต่กลับพูดถึงจวนท่านแม่ทัพ แน่นอนว่าเรื่องนี้จะต้องมีบางอย่างเกี่ยวกับจวนท่านแม่ทัพแน่นอน

คิดไม่ถึงเลยว่านางจะเดาผิดไป! ซูหวานหว่านกำลังคิดเรื่องนี้อยู่แต่นางก็ได้ยินเสียงสาวใช้พูดออกมาว่า “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ของเราได้ถูกส่งตัวไปยังภูเขาเซียงไถ่เพื่อทำการปลงอาบัติตั้งแต่เยาว์วัย เจ้านายของพวกเรารักและหวงแหนนางมาก อีกทั้งนางยังเป็นหน้าตาให้ฝ่าบาทอีกด้วย แล้วพวกเจ้ากลับทำกับคุณหนูของข้าอย่างนี้เหรอ!”

เมื่อได้ยินคำพูดแบบนี้ซูหวานหว่านก็ยิ่งแน่ใจว่า นางคือคุณหนูสวีที่มาจากจวนของแม่ทัพ! และก็เข้าใจทันทีว่าทำไมฝ่าบาทถึงยอมให้คุณหนูสวีแต่งงานกับฉีเฉิงเฟิงได้อย่างง่ายดาย นั้นเป็นเพราะว่าฝ่าบาทนั้นสนับสนุนคุณหนูสวี เพื่อให้เข้ามาอยู่ในวังแล้วขับไล่วิญญาณชั่วร้าย!

ต่อมาเหล่าขันทีก็หยุดการกระทำของตัวเองทันที แล้วสาวใช้ในจึงยื่นน้ำกับคุณหนูสวีเพื่อเป็นการล้างปาก สวีซูกินขี้เถ้าเข้าไปไม่น้อง นางรีบกลืนน้ำแล้วคายขี้เถ้าออกมา

สาวใช้รีบถอดเสื้อคลุมสีแดงออกจากตัวของนาง สวีซูเมื่อเห็นผ้าคลุมนางก็คิดออกทันทีว่าเป็นฝีมือของซูหวานหว่าน และพูดออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า “คุณหนูจ้าว ผ้าคลุมนี้…”

ก่อนที่จะพูดจบก็มีคนพูดขึ้นมาก่อนว่า “เชิญตัวซูหวานหว่าน!”

คำพูดของคุณหนูสวีซูถูกขัดจังหวะขึ้นมา นางคิดว่าซูหวานหว่านจะเข้าพบฝ่าบาท ดังนั้นนางจึงเดินติดตามไปด้วย และพูดกับขันทีที่หน้าห้องโถงว่า “วันนี้ข้าต้องการเข้าเฝ้าฝ่าบาทด้วย โปรดขอให้ข้าเข้าไปด้วยเถิด”

จะเป็นไปได้อย่างไร! ขันทีคนนั้นพูดออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา “คุณหนูสวี เช่นนั้นคงจะไม่ได้ ฝ่าบาททรงเรียกแค่คุณหนูจ้าวเท่านั้น”

“ท่านขันที ข้าคิดว่าเรื่องนี้ไม่ขำเป็นต้องแจ้งหรอก ข้าเพิ่งมาถึงเมืองหลวงไม่กี่วันก่อนหน้านี้ และรับรู้เรื่องราว ๆ แล้ว ร่างกายของข้าพร้อมแล้ว และก็คิดว่าฝ่าบาทจะรีบร้อนให้ข้าจัดการสิ่งชั่วร้ายโดยเร็ว ข้าต้องการจะเข้าไป”

เมื่อนางจะเดินเข้าไป ขันทีก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดนางทันที “เช่นนั้นข้าจะไปทูลฝ่าบาทก่อนได้โปรดรอสักครู่”

การที่คุณหนูสวีทำแบบนี้ ก็เพื่อที่จะดูสิว่าฝ่าบาทจะต้องให้ความสำคัญต่อนางมากกว่าคนอื่น คุณหนูสวีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปลาบปลื้มใจ นางเหลือบไปมองที่ซูหวานหว่านโดยไม่ตั้งใจ แล้วค่อย ๆ เช็ดขี้เถ้าบนใบหน้าของตนเองออก แต่จงใจเช็ดมันให้เลอะเทอะกว่าเดิมเพื่อให้ดูสกปรกมอมแมม

เมื่อเห็นแบบนี้ ซูหวานหว่านก็รู้อยู่แล้วว่าคุณหนูสวีคิดจะทำอะไร คุณหนูสวีคิดว่าคนอย่างนางจะกลัวเหรอ และนางก็ได้ยินคุณหนูสวีพูดออกมาว่า “คุณหนูจ้าว เจ้าคิดว่าเจ้าจะสู้กับข้าชนะงั้นหรือ? เข้าขอแนะนำให้เจ้าถอนตัวไปซะเสียตั้งแต่ตอนนี้!”

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการยั่วยุ ซูหวานหว่านเลือกที่จะสงบนิ่ง หากแต่คุณหนูสวีกลับอยู่ไม่สุข ริมฝีปากของนางค่อย ๆ เอ่ยออกมาเบา ๆ ให้ซูหวานหว่านได้ยินเพียงคนเดียว “ซูหวานหว่านหากเจ้าไม่หนีไปตอนนี้ เจ้าจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน”

“อือ” ซูหวานหว่านตอบอย่างเย็นชาโดยไม่สนใจคำพูดของคุณหนูสวีเลยแม้แต่น้อย

เมื่อคุณหนูสวีเห็นท่าทางของซูหวานหว่านนางก็รู้สึกโกรธ หากแต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้

ในที่สุดขันทีก็ออกมาและพูดว่า “เชิญพวกท่านทั้งสอง”

คุณหนูสวีรีบก้าวเข้าไปอย่างรวดเร็ว ทำให้คล้ายว่าซูหวานหว่านเป็นเหมือนสาวใช้ที่ติดตามมา แต่เมื่อนางหันหลังกลับไปมอง นางก็เห็นซูหวานหว่านยืนนิ่งและมีใบหน้าที่ไม่ยิ้มแย้ม

แน่นอนว่านางจะต้องทำเป็นว่ากลัวซูหวานหว่าน!

ความคิดนี้ก็ผุดขึ้นมาในใจของคุณหนูสวี และดูเหมือนว่าหัวใจที่สงบในตอนแรกของนางนั้นจะเริ่มสั่นคลอน เแต่ซูหวานหว่านกลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น นางไม่ได้เป็นคนขี้ขลาด อีกทั้งยังโหดเหี้ยม!

เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว ทั้งสองคนเดินเข้ามาในห้องโถง และคุณหนูสวีก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาทันทีเมื่อก้าวเข้าไป นางนั่งลงคุกเข่าและพูดออกมาเบา ๆ ว่า “คุณหนูจ้าว ข้าและเจ้านั้นไม่เคยมีความคับแค้นข้องใจอะไรต่อกัน เช่นนั้นจะมาปฏิบัติต่อข้าแบบนี้เป็นเพราะว่าเรื่ององค์ชายสามไม่ได้! เพราะสิ่งนี้เป็นพระประสงค์ของฝ่าบาท”