ตอนที่ 286 พี่สี่จ้าวผู้ละทางโลก
ตอนที่ 286 พี่สี่จ้าวผู้ละทางโลก
พี่สะใภ้รองจ้าวถอนหายใจ “มีแม่เลี้ยงก็มีพ่อเลี้ยง เป็นเพราะพี่ใหญ่ จ้าวเหวินอู่ถึงได้สนิทกับพวกเราขนาดนี้สินะ?”
“อันที่จริงก็ไม่ถือว่าสนิทหรอก ที่สำคัญคือตอนที่เขิญบรรพบุรุษวันข้ามปีก็คุยกันแค่สองสามคำ เวลาอื่นก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กัน ก็มีเจ้าหกนั่นแหละที่อายุเท่ากับเขา ก็เลยสนิทกัน!”
“ฉันก็ว่าแล้วเชียว ถึงได้มาหาน้องหกเพื่อขอยืมเงิน” พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าว “แต่ฉันก็แปลกใจอยู่นะ เขาบอกว่าขุดสุสานจนร่ำรวย เขาเองก็ออกไปขุดสุสานเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงกลับมายืมเงินล่ะ?”
“คุณไปได้ยินใครพูดมา ถึงได้บอกว่าขุดสุสานแล้วร่ำรวย!” พี่รองจ้าวไม่เห็นด้วย “ถ้ามันรวยง่ายขนาดนั้น ป่านนี้คงได้ไปขุดสุสานกันหมดแล้ว!”
“แล้วเขามายืมเงินจริง ๆ หรือกลัวคนอื่นรู้ว่าเขามีเงินล่ะ?”
คนในชนบทต่างก็มีความคิดไม่อยากเปิดเผยความร่ำรวยสู่ภายนอก มีเงินก็จะบอกว่าไม่มี มีคนมายืมเงินสิ่งแรกที่จะโต้ตอบกลับไปก็คือไปยืมเงินจากคนอื่นเพื่อเปลี่ยนมือสักหน่อย วิธีนี้ทุกคนต่างก็รู้ดีอยู่แก่ใจ
“ใครจะไปรู้ล่ะ ผมจะบอกอะไรให้นะ คุณอย่าได้เข้าไปยุ่งเชียว จ้าวเหวินอู่นั่นภายนอกดูดีมากก็จริง แต่ความจริงแล้วก็ไม่ได้ดีไปกว่าพี่ชายคนนั้นของเขาสักเท่าไรหรอก ลุงใหญ่กับป้าใหญ่เป็นคนแบบนั้น ลูกที่เกิดออกมาคงหล่นไม่ไกลต้น! พวกเราไม่ใช่เจ้าหกที่จะมีไหวพริบขนาดนั้น!”
พี่รองจ้าวรู้ตัวเองดี เขาทราบดีว่าจ้าวเหวินเทาน้องชายคนนี้เป็นคนที่มีไหวพริบมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของเขา และทราบว่าต่อให้อยู่ใกล้จ้าวเหวินอู่ก็ไม่เสียเปรียบ แต่ตัวเขาเองนั้นไม่ได้เป็นแบบนั้น
“เขาเองก็เป็นพวกขุดสุสานเหมือนกัน ออกไปข้างนอกนานขนาดนี้ ใครจะไปรู้ว่านิสัยจะเปลี่ยนไปขนาดไหน”
“ฉันไม่มีธุระอะไรแล้วจะไปยุ่งกับเขาทำไม ฉันก็แค่พูดไปงั้นแหละ ฉันได้ยินภรรยาเหล่าหวังสามเล่าให้ฟังว่าจ้าวเหวินอู่กลับมาครั้งนี้ก็ไม่คิดจะไปแล้ว ฉันว่าคงไปทำงานกับน้องหกนั่นแหละ ไม่งั้นคงไม่ไปขอยืมเงินน้องหกหรอก จริงสิ คุณว่าน้องหกจะให้เขายืมไหม?” พี่สะใภ้รองจ้าวถามด้วยความฉงนอีกครั้ง
ความฉงนนี้ทางฝั่งพี่สะใภ้สี่จ้าวก็มีเช่นกัน ซึ่งหล่อนกำลังถามพี่สี่จ้าว
“ผมไม่ใช่เจ้าหกสักหน่อย ผมจะไปรู้ได้ไงว่าเขาให้ยืมไหม!” พี่สี่จ้าวกล่าว “อย่าหาว่าผมด่าคุณเลย แต่คุณไปได้ยินมาจากไหนเนี่ย?”
“ภรรยาเหล่าหวังสามเล่าให้ฟัง”
“ทำไมยัยนั่นถึงได้รู้ทุกเรื่องเลย?”
“ลูกพี่ลูกน้องของหล่อนก็อยู่ในหมู่บ้านตะวันตกเหมือนกัน หล่อนได้ยินลูกพี่ลูกน้องเล่าให้ฟังอีกที ลูกพี่ลูกน้องของหล่อนบอกว่าทีแรกคิดว่าจ้าวเหวินอู่กลับมาครั้งนี้คงสร้างความตกตะลึง ไม่แน่อาจจะขับรถยนต์กลับมาก็ได้ แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือกลับมาเพื่อยืมเงิน! ฉันว่านะ เขาคงไม่ได้เงินกลับมาหรอก คุณดูน้องหกสิ ยังไม่เคยได้ยินเขาไปยืมเงินใครเลย” พี่สะใภ้สี่จ้าววิเคราะห์
พี่สี่จ้าวกลอกตาใส่ “เจ้าหกไม่ยืมเงินใครซะที่ไหน? เขาเองก็ยืมไปไม่น้อยเหมือนกัน ถึงตอนนี้ก็ยังติดหนี้นอกบ้านอยู่เลย!”
พี่สะใภ้สี่จ้าวถึงกับสะอึก “ฉันก็พูดไปงั้นแหละ! ใช่ น้องหกยืมเงิน แต่น้องหกก็มีฟาร์มกระต่ายนะ มีกระต่ายด้วย ยืมเงินมากกว่านี้ก็มีปัญญาคืน แล้วจ้าวเหวินอู่ล่ะมีอะไรบ้าง?”
“คุณรู้ได้ไงว่าเหวินอู่ไม่มี อย่าลืมนะว่าเขาเป็นคนขุดสุสาน!”
พี่สี่จ้าวทนดูภรรยาที่เป็นแบบนี้ไม่ได้เอาเสียเลย ก่อนหน้านี้ก็ไม่ชอบน้องชายเขา ตอนนี้พอน้องชายมีเงินขึ้นมาก็พูดชื่นชม ถ้าไม่ได้เหน็บแนมเขาสักสองสามประโยคคงรู้สึกไม่สบายใจ
พี่สะใภ้สี่จ้าวรีบเปลี่ยนสีหน้า “คุณบอกว่าในมือของเขามีของเหรอ มีอะไรล่ะ มีราคาเท่าไร?”
“ให้ผมไปถามจ้าวเหวินอู่กับคุณเลยไหม?” พี่สี่จ้าวพูดอย่างจริงจัง
“ไอ้คนตายด้าน!” พี่สะใภ้สี่จ้าวถลึงตามองเขา “ถ้าถามได้ยังต้องพึ่งคุณอีกเหรอ!”
พี่สี่จ้าวไม่ได้สนใจหล่อนแล้ว
“ฉันรู้ว่าจ้าวเหวินอู่ไม่เข้าตาคุณ อันที่จริงก็ไม่มีใครเข้าตาคุณทั้งนั้นแหละ เก่งจริงคุณก็ไปขุดสุสานสิ! ถ้าไม่มีความสามารถจะมาอวดอยู่ตรงนี้ทำไม! คุณดูคนอื่นสิ สร้างบ้านใหม่กันแล้ว ฟาร์มกระต่ายก็เปิดแล้ว ขุดสุสานก็ขุดแล้ว แล้วคุณล่ะ เป็นผู้ชายกลับรู้จักแต่ลงนาทำสวน มันจะรวยได้เหรอ คุณเองก็คิดบ้างสิ รอลูกชายเราคลอดออกมา คุณจะมีที่ดินแค่ไม่กี่หมู่ให้เขาไม่ได้หรอกนะ ไม่ว่ายังไงคุณก็ต้องมีธุรกิจครอบครัวทิ้งไว้ให้เขาด้วย!” พี่สะใภ้สี่จ้าวบ่นต่อ
พี่สี่จ้าวเดินออกไปทันที
“ทำไมฉันถึงได้มีชีวิตลำบากแบบนี้เนี่ย แต่งงานกับคนแบบคุณไม่มีอนาคตเลยสักนิด ไม่มีลูกชายให้ฉันยังไม่พอ ยังหาเงินไม่ได้อีก มีคุณมันจะไปมีประโยชน์อะไร!” พี่สะใภ้สี่จ้าวขึ้นเสียงบ่นตำหนิ
พี่สี่จ้าวชินแล้ว เขาไม่ได้เก็บคำพูดของพี่สะใภ้สี่จ้าวไปใส่ใจ ตั้งแต่ที่เขาทำใจเรื่องลูกชายได้แล้ว ก็สามารถพูดได้ว่าตบะของเขาสูงกว่าจ้าวเหวินเทาหนึ่งขั้นเลยล่ะ
“ร่ำรวยอะไรกันล่ะ มันจะไปมีประโยชน์อะไร วัน ๆ เอาแต่คำนวณ ไม่เหนื่อยหรือไง ชีวิตคนเราก็มีแค่กี่สิบปี กินอิ่มดื่มเพียงพอก็ดีมากแล้ว อยากได้มากมายขนาดนั้นก็เท่ากับหาความทุกข์ให้ตัวเองไม่ใช่เหรอ!” พี่สี่จ้าวส่ายหน้าขณะเติมหญ้าให้สัตว์เลี้ยง “ฉันมีลูกสาวสามคน อนาคตก็หาครอบครัวแม่สามีดี ๆ ไม่เพียงแค่ไม่ต้องสร้างบ้านยังได้สินเดิมด้วย แถมยังได้สินเดิมมาตั้งสามส่วน ตัวเองทำงานอีกไม่กี่ปี ใช้ชีวิตถึง 60-70 ปีก็พอแล้ว ไม่ได้ต้องการให้ลูกเขยมาเลี้ยงตอนแก่สักหน่อย ถึงเวลานั้นพอตายไปปัญหาทุกอย่างก็สิ้นสุดลงแล้ว จริงไหมล่ะ? พี่สามกับเจ้าหกหาเงินเก่งแบบนั้นจะเป็นอมตะได้เหรอ ต่อให้มีเงินมากกว่านี้จะไปมีประโยชน์อะไร ใช้ชีวิตมากขึ้นอีกสามสี่ปีก็ทรมานเหมือนกันนั่นแหละ! แก่ตัวไปก็รีบ ๆ ตายซะ แก่แล้วไม่ตายสักทีนั่นแหละถึงจะทรมาน!”
พี่สี่จ้าวลูบหัวลาขณะบ่น
คำพูดเหล่านี้เขาก็แค่พูดกับสัตว์เลี้ยงที่บ้าน ถ้าพูดกับคนอื่นคงมีคนคิดว่าเขาป่วยเป็นโรคประสาทแน่นอน แถมไม่ได้ป่วยน้อย ๆ ด้วย เพราะไม่มีใครรังเกียจชีวิตที่ยืนยาวแต่กังวลว่าชีวิตจะสั้นกันทั้งนั้น มีแต่เขานี่แหละที่กลัวว่าจะมีอายุขัยนานเกินไป ถึงเวลาที่กินอะไรไม่ลง จะไปไหนก็ไปไม่ได้ มีชีวิตต่อไปก็ทุกข์ทรมาน สู้ตายไปยังจะดีเสียกว่า
ลูกลากินหญ้าไปพลางฟังคำบ่นของพี่สี่จ้าวไปพลาง มันเงยหน้าขึ้นมามองเขาเป็นครั้งคราว ทั้งยังถูแขนของเขาเพื่อแสดงออกว่ากำลังปลอบใจ สำหรับมันแล้วคำพูดของพี่สี่จ้าวถูกต้องหรือไม่ มันก็ไม่สามารถแสดงความเห็นได้ มันคิดว่าต้องเคารพผลลัพธ์ทางความคิดอย่างอิสระของพี่สี่จ้าว
แสงจากดวงดาวกำลังส่องประกายทั่วทั้งฟ้า แสงจันทร์สว่างจ้าอาบบนร่างกายของพี่สี่จ้าวและลูกลา ให้กลิ่นอายบางอย่างราวกับละแล้วซึ่งทางโลก
แน่นอนว่ามีคนจำนวนมากไม่ได้ตระหนักแบบพี่สี่จ้าว ยังคงวิ่งตามชีวิตที่เต็มไปด้วยลาภยศชื่อเสียง
ผ่านไปหนึ่งวัน จ้าวเหวินอู่ก็กลับมาหาจ้าวเหวินเทาที่บ้านอีกครั้ง จ้าวเหวินเทาจึงนำเงินหนึ่งพันหยวนที่รวบรวมได้มอบให้เขา ครั้นจ้าวเหวินอู่ได้เงินแล้วก็กลับไป
“ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนซาลาเปาไส้หมูถูกหมาคาบไปแล้วไม่ได้กลับคืนมาเลยล่ะ?” จ้าวเหวินเทาพูดกับภรรยา
เย่ฉูฉู่กล่าว “เขาไปไม่กลับมาก็จริง แต่เขาก็ยังมีครอบครัวไม่ใช่เหรอคะ? ถึงเวลานั้นคุณไปหาเขาที่บ้านสิ”
“ช่างเถอะ ให้ยืมไปแล้ว จะคืนหรือไม่คืนก็อยู่ที่เขาแล้วล่ะ”
จ้าวเหวินอู่นำเงินกลับไปแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้นก็ออกจากหมู่บ้านไป ภรรยาของจ้าวเหวินอู่บอกว่าไปประกันตัวเพื่อน แต่ไปครั้งนี้ก็ไม่ได้กลับมาอีก จานและขวดโหลที่เขาขุดออกมาจากสุสานก็หายไปไม่น้อย ดูเหมือนว่าคงเอาของเหล่านี้ไปขายแล้ว ซึ่งจ้าวเหวินเทาก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน
“แกยังเอาเงินไปให้เขายืมอีก แกนี่มันไม่คิดอะไรเลยจริง ๆ สินะ!” คุณแม่จ้าวทราบเรื่องแล้วก็โกรธมาก “บ้านลุงใหญ่ของแกไม่มีคนดีสักคน จ้าวเหวินอู่นั่นก็หายไปไม่เห็นเงามาครึ่งปีแล้ว ออกไปข้างนอกทำอะไรบ้างแกรู้เหรอ ยังจะเอาเงินไปให้เขายืมอีก แถมยังยืมเยอะขนาดนั้น! แกนี่มันจริง ๆ เลย!”
คุณแม่จ้าวชี้หน้าจ้าวเหวินเทา จนแทบจะจิ้มหน้าผากจ้าวเหวินเทาอยู่แล้ว
จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม่ กลัวอะไรล่ะ ภรรยากับลูกของเขาก็ยังอยู่บ้านนะ ผมไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่กลับมาตลอดชีวิต!”
“ใครจะไปรู้ล่ะ! อยู่ข้างนอกไปหาเมียใหม่ก็ใช้ชีวิตได้เหมือนกันนั่นแหละ!” คุณแม่จ้าวถลึงตาใส่เขา “แกยังไปยืมมาจากข้างนอกอีก ฉันจะรอดูว่าแกจะเอาเงินจากไหนไปคืนเขา!”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พี่สี่จ้าวบางมุมก็ดูเหมือนเกียจคร้าน แต่บางมุมก็ดูปลงง่ายกับเรื่องต่าง ๆ และไม่เก็บอะไรมาคิดให้วุ่นวายนะคะ พี่แกควรละทางโลกแล้วบวชเป็นพระเข้าสู่ทางธรรมมากกว่าน่ะค่ะ
มาลุ้นกันต่อไปค่ะว่าเหวินอู่จะคืนเงินไหม
ไหหม่า(海馬)