ตอนที่ 285 การวางแผนของพี่สามจ้าว
ตอนที่ 285 การวางแผนของพี่สามจ้าว
“ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนกำลังเชิญบรรพบุรุษน้อยทั้งหลายกลับบ้านเลยนะ!” หลังจ้าวเหวินเทาตักข้าวแล้วราดซุปไก่ไว้อย่างดีให้ลูกแมวและลูกหมาแล้ว เขาจึงยกถ้วยออกมา
เย่ฉูฉู่ใช้ตะเกียบจุ่มลงไปในซุปไก่แล้วแตะไปที่ริมฝีปากของลูกชาย เสี่ยวไป๋หยางได้ลิ้มรสก็ส่งเสียงอย่างมีความสุข เธอพูดเคล้ารอยยิ้มว่า “คุณยังมีบรรพบุรุษน้อยอีกคนที่ยังไม่ได้ดูแลเลยนะคะ”
จ้าวเหวินเทายิ้ม “นี่คือบรรพบุรุษของบรรพบุรุษน้อย ดูแลยากเชียวล่ะ!”
เสี่ยวไป๋หยางเห็นด้วยเป็นอย่างมาก เขาโบกแขนเล็ก ๆ เพื่อแสดงออกว่าเห็นด้วยกับคำพูดของพ่อ
“ภรรยา ฝีมือการทำอาหารของคุณดีจริง ๆ เต้าหู้ซุปไก่อันนี้ก็อร่อยมาก ไม่เลี่ยนเลย คุณทำได้ไงเนี่ย”
“ฉันช้อนเอาน้ำมันออกไปแล้ว เหลือแค่ซุปใส ๆ ที่สำคัญคือเต้าหู้ของพี่สามดีด้วยล่ะค่ะ” เย่ฉูฉู่พูดจาถ่อมตน
จ้าวเหวินเทาพยักหน้า “เขาถึงได้ทำเต้าหู้ออกมาขายไง!”
“พี่สามก็ค้าขายเป็นเหมือนกันนะ”
“นั่นเป็นการค้าขายแบบเล็ก ๆ ถ้าค้าขายใหญ่ ๆ ก็ดูไม่ขึ้นแล้วล่ะ ต่อให้ดูขึ้นเขาก็ทำใจลงทุนไม่ได้หรอก พูดไปก็เปล่าประโยชน์เหมือนกัน!”
พี่สามจ้าวในตอนนี้กำลังคุยเรื่องเต้าหู้อยู่บนโต๊ะอาหาร “คนที่ฟาร์มกระต่ายบอกว่า ได้กินเต้าหู้ของผมแล้ว พอไปกินที่คนอื่นทำถึงกับกินไม่ลงเลย!”
พี่สะใภ้สามจ้าวก็ไม่ได้เถียง หล่อนเองก็ยอมรับความสามารถในการทำเต้าหู้สามี เพราะทำได้สุดยอดจริง ๆ
“เต้าหู้ที่คุณทำอร่อยนี่คือเรื่องจริง ใคร ๆ ก็รู้ รีบกินข้าวเถอะ” พี่สะใภ้สามจ้าวยอมรับ แต่ก็ทนดูท่าทางภาคภูมิใจของพี่สามจ้าวไม่ได้เหมือนกัน
มีฐานลูกค้าที่มั่นคงในฟาร์มกระต่ายแล้ว อาหารของบ้านพี่สามจ้าวก็ดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก อย่างน้อย ๆ ตอนค่ำก็ยังมีโจ๊กข้าวฟ่างให้รับประทาน มีไข่ไก่ต้มด้วย ในผักกาดดองเค็มก็ยังใส่เนื้อลงไปนิดหน่อย สิ่งนี้เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้
พี่สามจ้าวมองดูลูกทั้งสองคนที่กำลังรับประทานไข่ไก่กันอย่างเอร็ดอร่อยก็แอบใจอ่อน ที่เขาเสียดายทำใจกินและทำใจดื่มไม่ได้เพราะอะไรล่ะ ก็เป็นเพราะลูกทั้งสองคนนี้แหละ!
“ผมตัดสินใจแล้วว่าจะเปิดโรงงานเต้าหู้ คุณว่าไง?”
พี่สะใภ้สามจ้าวชะงัก ตะเกียบหล่นลงบนโต๊ะก็ยังไม่รู้ตัว
พี่สามจ้าวกล่าว “ดูคนไร้อนาคตแบบคุณสิ บอกว่าจะเปิดโรงงานเต้าหู้ตกใจจนอยู่ในสภาพนี้เลย? เจ้าหกเปิดฟาร์มกระต่ายแล้ว หมอนั่นเลี้ยงกระต่ายมากกว่าพันตัว มีคนทำงานตั้งหลายสิบคน!”
พี่สะใภ้สามจ้าวถามอย่างระมัดระวัง “แล้วคุณวางแผนว่าจะจ้างคนงานกี่คนคะ?”
พี่สามจ้าวกล่าว “ผมคำนวณดูแล้ว งานบดเต้าหู้ต้มน้ำเต้าหู้อะไรพวกนี้ใช้แค่สี่คนก็พอแล้ว มีพี่รองกับเจ้าสี่สองคนนี้ แล้วก็หาคนในหมู่บ้านเพิ่มอีกสองคน”
“พี่รองกับเจ้าสี่? งานในนาของพวกเขาก็ยุ่งจนไม่มีเวลาอยู่แล้ว ยังจะมีเวลามาบดถั่วอีกเหรอ?”
พี่สามจ้าวกล่าว “ฤดูหนาวยังมีงานอะไรให้ทำอีก!”
“ความหมายของคุณคือ คุณจะเปิดโรงงานเต้าหู้เพื่อทำเต้าหู้แค่ฤดูหนาวอย่างเดียว?”
“แบบนั้นไม่ได้อยู่แล้ว นี่ผมก็กำลังปรึกษาคุณอยู่ไง คุณเองลองคิดดูสิ ถ้าเปิดฤดูร้อนด้วยจะหาใครที่เหมาะสมได้ ยังไงก็ต้องหาคนที่สะอาดสะอ้าน และมีความซื่อสัตย์ด้วย อย่าได้หาคนหลอกลวงจนทำให้ร้านผมเจ๊งหมด!” พี่สามจ้าววางตะเกียบในมือ ยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอย “เฮ้อ เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าหาคนมันยาก ถ้าหามาไม่ดีไม่เพียงแค่ทำงานไม่ดี แถมยังสร้างปัญหาให้ตัวเองอีก! เจ้าหกพาพ่อกับแม่ไปอยู่ฟาร์มกระต่ายแล้ว แบบนี้ก็หมดห่วงเลย มีพ่อกับแม่คอยดูแลหลังบ้านให้แล้ว เงินนั่นก็อยู่ในมือเขาเต็ม ๆ!”
พี่สามจ้าวรู้สึกไม่ยุติธรรม เป็นลูกชายเหมือนกัน แต่พ่อกับแม่กลับไปดูแลฟาร์มกระต่ายให้จ้าวเหวินเทาแล้วไม่ยอมช่วยเขา ลำเอียงจริง ๆ!
แต่เขาก็ไม่คิดบ้างเลยว่าจะให้ช่วยเหลือเขาอย่างไร การบดถั่วเหลืองต้มน้ำเต้าหู้ล้วนเป็นงานอดตาหลับขับตานอนทั้งนั้น คนอายุมากขนาดนั้นโต้รุ่งไม่ไหวหรอก อีกอย่างเขาจะให้เงินสักเท่าไรกันเชียว? อย่าพูดถึงเงินเลย แม้แต่ของกินยังได้กินไม่ดี!
พี่สะใภ้สามจ้าวได้ยินก็เข้าใจถึงความหมายของสามี นี่กำลังบ่นว่าพ่อแม่ไม่ช่วยเหลือสินะ “ทำเต้าหู้เหนื่อยขนาดนั้น พ่อกับแม่ทำไม่ไหวหรอก แต่ฉันนึกขึ้นมาได้สองคนแล้ว ไม่รู้ว่าคุณคิดว่าเหมาะสมหรือเปล่า?”
“ใคร?”
“เหวินอู่กับภรรยาเขาไง”
“อะไรนะ จ้าวเหวินอู่เนี่ยนะ? คนของหมู่บ้านตะวันตก? เขาไม่อยู่บ้านไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่” พี่สะใภ้สามจ้าวกล่าว “เมื่อคืนตอนฉันไปดูข้าวสาลีบังเอิญเจอกับภรรยาของเหล่าหวังสาม หล่อนบอกกับฉันว่าจ้าวเหวินอู่กลับมาแล้ว นี่ก็กลับมาหลายวันแล้วด้วยนะ หล่อนยังบอกว่าเขายังเกี่ยวข้องกับการจับพนันที่หมู่บ้านตะวันตกครั้งนี้ด้วย!”
พี่สามจ้าวได้ยินก็หงุดหงิด “คุณพูดอะไรของคุณ เขาก็เล่นพนันด้วย? คุณโง่หรือเปล่าเนี่ย คนแบบนี้จะจ้างได้เหรอ! ต่อให้ผมขาดแคลนคนก็ไม่จ้างคนแบบนั้นหรอก!”
“อะไรกัน เขาไม่ได้เล่นสักหน่อย คนที่เขารู้จักต่างหากล่ะที่เล่น ถูกจับเข้าไปแล้ว เลยจะให้เขาช่วยเอาเงินไปประกันตัวออกมา บอกว่าต้องใช้เงินหลายพันเลย เขาต้องเดือดร้อนเรื่องเงินแน่นอน ภรรยาเขาก็พูดเหมือนกัน บอกว่ากำลังหางานทำ แถมยังบอกว่าจะไปทำงานที่ฟาร์มกระต่ายของน้องหกด้วย”
พี่สามจ้าวขมวดคิ้ว เป็นเพราะความสัมพันธ์ของคนรุ่นก่อนตึงเครียดมาก คนรุ่นพวกเขาจึงไม่ได้ไปมาหาสู่กันเท่าไรนัก แต่เรื่องนี้ก็อยู่ในส่วนของผู้อาวุโสเท่านั้น
จะว่าไปเรื่องนี้ก็แอบซับซ้อนอยู่เหมือนกัน พี่สามจ้าวจึงไม่ได้ตัดสินใจทันที
ทางฝั่งพี่รองจ้าวและพี่สะใภ้รองจ้าวก็กำลังพูดคุยเรื่องจ้าวเหวินอู่อยู่เหมือนกัน
“…ลุงที่หมู่บ้านตะวันตกแต่งงานสองบ้าน เรื่องนี้เธอรู้ใช่ไหม?” พี่รองจ้าวกล่าว
พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าว “รู้สิ ไม่ใช่ว่าภรรยาคนแรกตายเพราะภาวะคลอดยากเหรอ?”
“ใช่ ผมได้ยินแม่บอกว่าเลือดออกเยอะเลย แต่ก็เหลือลูกชายไว้ ปู่กับย่าผมเป็นคนเลี้ยงดู ภายหลังจากนั้นไม่ถึงสองเดือน ก็ได้ยินว่าลุงแต่งงานใหม่กับคนคนนี้”
“เร็วมากเลยนะ!”
“ก็นั่นน่ะสิ ได้ยินแม่บอกว่าเพิ่งจะฝังป้าคนนั้นเองมั้ง เขาก็จัดการเรื่องภรรยาใหม่แล้ว เอ้อ ลุงใหญ่ที่หมู่บ้านตะวันตกใจร้ายกับทุกคนนั่นแหละ แต่งงานกับป้าใหญ่คนนี้มีลูกสาวติดมาด้วย มาถึงนี่ก็มีลูกอีกสามคน คนแรกเป็นลูกสาว คนที่สองเป็นลูกชาย คนที่สามก็ลูกชายเหมือนกัน ก็คือจ้าวเหวินอู่นี่แหละ ได้ยินมาว่าพี่ชายของจ้าวเหวินอู่มีสภาพแย่สุดเลย ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน ตอนนั้นพ่อกับลุงใหญ่ทะเลาะกัน พ่อผมนี่เกือบตายเลยนะ ก็เลยไม่ได้ไปมาหาสู่กันอีกเลย ลูกชายคนนั้นได้ยินว่าถูกคนฆ่าตาย แต่เรื่องราวจริง ๆ เป็นยังไงก็ไม่มีใครรู้หรอก แต่ตอนที่เห็นก็เห็นว่าตายแล้ว จมน้ำตาย”
พี่สะใภ้รองจ้าวถามขึ้น “ไม่ได้ตรวจสอบอะไรเลยเหรอ?”
“จะตรวจสอบยังไงล่ะ ก็คนเป็นพ่อบอกว่าไม่รู้เรื่อง พูดถึงพี่ใหญ่ที่อยู่ในเหมือง ตอนนั้นยังเรียนหนังสืออยู่เลย ลุงใหญ่บอกว่าไม่ได้อยากได้เด็กคนนี้แล้ว ลุงรองก็ไม่มีลูกชายเลยบอกว่าอยากรับมาเป็นลูก แต่หลังจากนั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงไม่อยากได้แล้ว พ่อกับแม่ผมก็เลยทำอะไรไม่ได้นอกจากเลี้ยงดูให้ พี่ใหญ่ที่อยู่ในเหมืองนั่นอายุ 14-15 เองมั้ง ลุงใหญ่ก็มาหาบอกว่าอยากได้ลูกชายคนนี้ ก็เลยพากลับไป ผลลัพธ์ที่ได้ยังไม่ถึงปีก็ทุบตีจนพี่ใหญ่นั่นปางตายเลย คุณว่าคนแบบนี้ยังเป็นพ่อคนอยู่เหรอ?”
เรื่องนี้พี่สะใภ้รองจ้าวก็เคยได้ยินแม่สามีเล่าเหมือนกัน ตอนนั้นทะเลาะกันหนักมาก ลุงใหญ่จ้าวที่อยู่หมู่บ้านตะวันตกถือไม้ตะบองไล่ทุบลูกแท้ ๆ ตัวเอง ไล่กันทั้งวันเป็นระยะทางร้อยกว่าลี้ นางได้ยินก็แทบไม่อยากเชื่อเลย บนโลกใบนี้มีพ่อแบบนี้ด้วยเหรอ?
พี่รองจ้าวยิ้มด้วยความขมขื่น “พี่ใหญ่ที่อยู่ในเหมืองก็เลยกลัว บอกว่าถ้ายังอยู่ในบ้านไม่ว่าจะช้าหรือเร็วคงได้ถูกพ่อตีจนตาย ก็เลยไปเกณฑ์ทหาร หลังจากเปลี่ยนอาชีพก็ไปทำงานที่เหมืองจนถึงตอนนี้ อาจเป็นเพราะเห็นว่าพี่ใหญ่ได้เงินมั้ง ลุงใหญ่ก็เลยดีกับลูกชายคนนี้ พี่ใหญ่ก็ให้เงินเขาเหมือนกัน ถึงยังไงพี่ใหญ่ก็ถูกพ่อกับแม่ผมเลี้ยงดูจนโต ทางนี้ก็ยังติดต่อกันอยู่ไม่ได้ตัดขาดจากกัน สองครอบครัวก็เลยยังไปมาหาสู่ได้”
พี่สะใภ้รองจ้าวหัวเราะพรืด “ไม่ใช่ว่าฉันพูดไม่น่าฟังหรอกนะ แต่ลุงใหญ่นี่หน้าหนาดีนะ”
“ก็นั่นน่ะสิ พ่อกับแม่บอกว่าลุงใหญ่คือเดรัจฉานดี ๆ เลยล่ะ ไม่ได้มีความเป็นคนสักนิด ตอนนั้นเกลียดเสียจนทุบตีลูกจนตาย ตอนนี้ก็ใช้เงินลูกชายอีก แต่จะทำยังไงได้ล่ะ? อันที่จริงจะว่าไปแล้วก็ต้องตำหนิป้าใหญ่คนนี้นั่นแหละ ร้ายเกินไปแล้ว!” พี่รองจ้าวกล่าว
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ใครจะมาเป็นแรงงานทาสให้พี่สามจ้าวกันนะ ถ้าสวัสดิการยังย่ำแย่อยู่อย่างนี้ก็หาคนต่อไปเถอะค่ะ
ฝั่งครอบครัวของเหวินอู่ดูรันทดจังค่ะ คนบางคนมีหน้าที่แค่ให้กำเนิด แต่ไม่ได้มีความเป็นพ่อเป็นแม่อยู่เลย
ไหหม่า(海馬)