ตอนที่ 424 ชิงโอกาส
หลิงอวี่หนิงมองหน้าบิดาอย่างร้อนรน “เช่นนั้นจักทำอย่างไรดีเจ้าคะ โอกาสดีเช่นนี้กลับตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น หากฝ่าบาทมิไว้วางพระทัยพวกเราแล้วท่านอ๋องก็ยังมิช่วยอีก ตระกูลของเราจักกลับไปเป็นเยี่ยงเมื่อก่อนหรือไม่เจ้าคะ ? ”
“อวี่หนิง เจ้าลองไปคุยกับท่านอ๋องได้หรือไม่” เขามองหลิงอวี่หนิงที่อยู่ตรงหน้าพลางรู้สึกว่ามีแค่นางเท่านั้นที่สามารถเกลี้ยกล่อมท่านอ๋องได้
อย่างไรการตัดสินใจของมู่จวินฮานก็เป็นสิ่งสำคัญต่อราชสำนัก หากอ๋องมู่ช่วยแล้วฝ่าบาทต้องเปลี่ยนพระทัยแน่นอน
ในจวนอ๋องมู่แห่งนี้ผู้เดียวที่สามารถช่วยเหลือตระกูลหลิงได้ก็มีเพียงบุตรีของเขาเท่านั้น
ที่จริงในใจของหลิงอวี่หนิงเกิดความลังเล แต่เมื่อนึกถึงอนาคตของท่านพ่อและตระกูลแล้วนางจึงกัดฟันกล่าวออกไป “ได้เจ้าค่ะ ลูกจักไปช่วยเกลี้ยกล่อมท่านอ๋องให้ท่านพ่อเองเจ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินบุตรสาวตกปากรับคำแล้วแม่ทัพหลิงก็เดินออกจากจวนไปอย่างพอใจ แต่เขาก็บังเอิญเจอกับท่านอ๋องที่กำลังไปพบพระชายาเข้าพอดี
แม่ทัพหลิงรีบคำนับ เสร็จแล้วก็จากไปทันที
เมื่อเห็นว่าแม่ทัพหลิงออกมาจากเรือนที่หลิงอวี่หนิงอยู่ มู่จวินฮานจึงตัดสินใจเดินเข้าไป ทว่าหลิงอวี่หนิงยังมิทันดีใจก็ได้ยินน้ำเสียงเย็นชาของมู่จวินฮานดังขึ้น
“ท่านแม่ทัพมาหาเจ้าด้วยเหตุใด ? ” เขาเดินเข้าไปในเรือนของนางแล้วถามพร้อมแววตาสงสัย
นางย่อมมิกล้าบอกว่าเป็นเพราะเรื่องในราชสำนักอยู่แล้วจึงหัวเราะออกมาเบา ๆ “พอดีว่าท่านพ่อเพิ่งออกมาจากวังจึงแวะมาหาอวี่หนิง อีกอย่างมิได้พบกันนานแล้วท่านอ๋องก็รู้ดีว่าท่านพ่อรักอวี่หนิงมากเจ้าค่ะ”
หลิงอวี่หนิงมองมู่จวินฮานด้วยความหลงใหล
หลิงอวี่หนิงหยุดคิดครู่หนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น “อวี่หนิงได้ยินว่าฝ่าบาทส่งแม่ทัพน้อยลู่ไปจัดการเรื่องความอดอยากหรือเจ้าคะ ? ”
“ใช่” เขาพยักหน้า แววตาจ้องหลิงอวี่หนิงแล้วเอ่ยถาม “เจ้าเองก็ห่วงเรื่องนี้ด้วยหรือ ? ”
นางยิ้มออกมาอย่างเขินอายโดยมิรู้ว่าควรตอบเช่นไรดีจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “ข้าน้อยเป็นห่วงเล็กน้อยเพราะท่านพ่อบอกว่าอยากไปจัดการเรื่องนี้เอง ท่านอ๋องคิดเห็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?”
หืม ?
ดูท่าแล้วแม่ทัพหลิงผู้นี้คงประเมินบุตรีสูงไปหน่อย สำหรับเขาแล้ว คนในเรือนหลังที่กล้ากล่าวเรื่องเช่นนี้ต่อหน้าได้ก็มีเพียงอันหลิงเกอคนเดียวเท่านั้น
แต่ในเมื่อนางกล่าวถึงเพียงนี้แล้ว มู่จวินฮานก็เข้าใจความหมายได้ดีจึงหันไปตอบพร้อมสายตาเย็นชา “คาดมิถึงว่าแม่ทัพหลิงจักมาคุยเรื่องนี้กับเจ้า เขาต้องการให้เจ้ามาเกลี้ยกล่อมเปิ่นหวางใช่หรือไม่ ? ”
มิเพียงแค่วังหลังที่ห้ามยุ่งเกี่ยวกับงานราชการ ด้านเรือนหลังของเหล่าขุนนางก็ห้ามยุ่งเกี่ยวด้วยเช่นกัน
เหตุผลนี้ทุกคนต่างก็รู้ดี ทว่าแม่ทัพหลิงคงมิเข้าใจเรื่องการหลีกเลี่ยงความหวาดระแวงจริง ๆ
เป็นถึงแม่ทัพใหญ่แล้วยังคิดทำเช่นนี้อีกหรือ ?
นางรู้ว่ามิสามารถปิดบังได้แล้วจึงทำได้เพียงพยักหน้ารับ
“ท่านอ๋อง แท้จริงแล้วที่ท่านพ่อคิดก็ถูก เพราะระหว่างท่านอ๋องกับแม่ทัพน้อยลู่เคยมีความขัดแย้งกันมาก่อนมิใช่หรือเจ้าคะ ? ” หลิงอวี่หนิงเอ่ยออกมาอย่างฉลาด
“หืม ? แล้วทำไม ? ” มู่จวินฮานทำทีตั้งใจฟังแต่ความจริงเขาอยากรู้ว่าแม่ทัพหลิงบอกให้บุตรสาวมาเกลี้ยกล่อมเขาเยี่ยงไร
“เช่นนั้น มิสู้ท่านอ๋องถวายฎีกาว่าจักส่งคนของท่านอ๋องไปจัดการปัญหาความอดอยากนี้เสียเอง ท่านอ๋องลองคิดสิเจ้าคะ ท่านพ่อเป็นคนของท่าน กอปรกับมีความซื่อสัตย์ต่อฝ่าบาทถึงเพียงนี้ เขามิใช่ตัวเลือกที่ดีหรอกหรือเจ้าคะ ? ”
มู่จวินฮานส่งเสียงเย้ยหยันออกมา ช่างน่าขันเสียจริง
เรื่องจัดการความอดอยาก ลู่จ้านมีวิธีจัดการจริง ๆ และมีความสามารถอย่างแท้จริง มิเหมือนคนที่ดีแต่ปากเยี่ยงแม่ทัพหลิง
ต่อให้ระหว่างเขากับตระกูลหลิงมีส่วนได้ส่วนเสียต่อกัน ทว่ามู่จวินฮานก็เลือกนิ่งมาโดยตลอด
“ท่านอ๋องเจ้าคะ ? ”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าในต้าโจว หากสตรียุ่งเรื่องการเมืองจักโดนลงโทษเช่นไร ? ”
คำพูดของมู่จวินฮานทำให้นางถึงขั้นทรุดลงไปคุกเข่าที่พื้น “ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วย อวี่หนิงแค่อยากช่วยท่านอ๋องแบ่งเบาภาระเท่านั้นเจ้าค่ะ ! ”
เฮอะ ช่วยแบ่งเบาภาระอย่างนั้นหรือ !
“เจ้าไปรับการลงโทษจากผู้ดูแลจวนเองแล้วกัน ! ” เขากล่าวจบแล้วหลิงอวี่หนิงก็เงยหน้าขึ้นมา แต่นางก็เห็นเพียงเงาที่เดินจากไปแล้วของมู่จวินฮานเท่านั้น
เขาเดินกลับไปยังเรือนฝูหลิงก็เห็นอันหลิงเกอกำลังเคลิ้มหลับทั้งที่ในมือยังถือตำราอยู่เล่มหนึ่ง เขาจึงหัวเราะออกมาเบา ๆ แล้วเดินไปข้างกายนาง จากนั้นดึงนางมาไว้ในอ้อมกอด นางจึงลืมตาตื่นขึ้นมา “ท่านกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ ? ”
“ใช่แล้ว”
วันนี้ทั้งสองออกไปข้างนอกด้วยกัน แต่คาดมิถึงว่าจักพบกับลู่จ้านและแม่ทัพหลิง เขาจึงให้คนพาอันหลิงเกอกลับมาส่งที่จวนก่อน
เขาพยักหน้าแล้วนึกถึงเรื่องในราชสำนักขึ้นมาจึงเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “เรื่องความอดอยาก หากข้าเป็นคนไปจัดการเองเจ้าคิดว่าดีหรือไม่ ? ”
นางตกตะลึงไปครู่หนึ่ง นึกมิถึงว่าเรื่องที่เขาจักออกจากเมืองหลวงเช่นนี้ก็ยังนำมาปรึกษานาง
อันหลิงเกอนึกถึงคนที่คอยยั่วยุตลอดเวลาเยี่ยงหลิงอวี่หนิงแล้วก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา หากไร้มู่จวินฮานค่อยข่มเอาไว้ ผู้ใดจักรู้ว่าสตรีนางนี้คิดทำอันใดอีกบ้าง
เมื่อเห็นท่าทางนิ่งไปของนาง มู่จวินฮานก็รู้ทันทีว่านางกำลังคิดอันใดอยู่จึงอดรู้สึกขำมิได้ แต่เมื่อย้อนคิดไปว่าถ้าตนมิอยู่ที่จวนและหากต้องชิงโอกาสนี้ออกนอกเมืองก็มิสู้พานางไปด้วยดีกว่า
เรื่องจัดการความอดอยากมิได้มีอันตรายอันใด หากพานางไปด้วยก็ถือเป็นการท่องเที่ยวในตัว
ตอนนี้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เรียกได้ว่าผูกพันกันมากขึ้นทุกขณะ
อย่างไรการไปครั้งนี้ก็มิได้เหนื่อยยาก ทั้งยังไม่อันตรายอีกด้วย เขาแค่ลองถวายฎีกาก็มิเห็นเป็นไร เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงก้มมองคนที่อยู่ในอ้อมกอดและตัดสินใจตามที่คิดเอาไว้
แต่ตอนนี้เขายังมิอยากบอกนางจึงทำได้เพียงถามออกมายิ้ม ๆ เท่านั้น “เกอเอ๋อ มิอยากอยู่ที่จวนเพียงลำพังใช่หรือไม่ ? ”
อันหลิงเกอรีบพยักหน้าด้วยท่าทางน่าสงสาร
ปกติแล้วนางมิใช่คนทะเล้นแต่อย่างใด นางเป็นคนฉลาดและมีความสามารถ พอนางทำท่าทางออดอ้อนเช่นนี้มู่จวินฮานก็อดใจเต้นแรงมิได้
“ท่านอ๋องมิอยู่ที่จวนแล้ว เกอเอ๋อต้องคิดถึงแย่เลยเจ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินคำที่กล่าวออกมาของนาง มู่จวินฮานก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจแต่มิได้พูดสิ่งใดออกมา
อันหลิงเกอก็มิได้คาดหวังว่าจักได้ไปกับเขาเพราะอย่างไรเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องงาน หากนางเข้าไปวุ่นวายด้วยอาจดูมิดีนัก
อีกทั้งตอนนี้มู่จวินฮานก็กำลังชิงโอกาสมา ยังมิแน่ว่าจักได้ไปหรือไม่
วันต่อมาในการประชุมราชสำนัก มู่จวินฮานก็ก้าวออกไปด้านหน้า “ทูลฝ่าบาท การบรรเทาปัญหาความอดอยากในครั้งนี้กระหม่อมอยากไปช่วยแม่ทัพน้อยลู่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ ! ”
แม่ทัพหลิงที่อยู่ด้านข้างได้ยินดังนั้นก็ดีใจขึ้นมาเพราะตนก็มีโอกาสแล้วหรือ ?
เขาเองก็หวังที่จักให้ฝ่าบาทตอบตกลงเรื่องนี้เช่นกัน หากเป็นเช่นนั้นบางทีท่านอ๋องอาจกำลังทำเพื่อให้เขาได้โอกาสนี้มาก็ได้
“ข้าอนุญาต”
“กระหม่อมอยากพาพระชายาไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ ! ” แต่คำต่อมาของมู่จวินฮานกลับทำให้ทั้งท้องพระโรงเกิดเสียงดังเซ็งแซ่
แม้แต่อันอิงเฉิงก็ตกตะลึงมิน้อย พาบุตรีของตนไปด้วยอย่างนั้นหรือ?
“เจ้าไปบรรเทาปัญหามิได้ไปท่องเที่ยวแล้วจักพาพระชายาไปด้วยทำไม ? ”
ฝ่าบาทเหมือนมิเห็นด้วย แม่ทัพหลิงก็รีบเอ่ยทันที “ทูลฝ่าบาท ได้ยินว่าพระชายาเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมยิ่งกว่าบุรุษ เช่นนั้นก็ให้นางช่วยวางแผนได้มิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ ? ”
แม่ทัพหลิงก็อยากใช้โอกาสนี้ในการเอาใจมู่จวินฮานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตนเช่นกัน
“หืม ? ” ฝ่าบาททรงทราบดีว่าสตรีผู้นี้มีความสามารถจึงตรัสย้ำกับมู่จวินฮาน “อ๋องมู่คิดดีแล้วหรือไม่ ? ”
เขาพยักหน้า “ทูลฝ่าบาท แม่ทัพหลิงชื่นชมเกินไปเพราะพระชายาแม้เป็นคนฉลาดก็มิถึงขั้นฉลาดหลักแหลมยิ่งกว่าบุรุษหรอกพ่ะย่ะค่ะ”
มู่จวินฮานรู้ดีว่าแม่ทัพหลิงกำลังคิดอันใดอยู่ แต่ในเมื่อครั้งนี้ตนเสนอตัวจักไปเองก็ย่อมมิติดขัดอันใดอยู่แล้ว