ตอนที่ 425 ไปกับเขา
อันหลิงเกอเป็นคนฉลาดจริงและฝ่าบาทก็ทรงทราบว่ามิใช่ทุกคนที่สามารถแก้ปัญหาความอดอยากได้
ที่มู่จวินฮานต้องการพานางไปด้วยอาจเพราะเหตุนี้ก็ได้ แต่ที่พระองค์ทรงกังวลก็คือแม่ทัพหลิงกำลังคิดสิ่งใดอยู่กันแน่ ?
ฮ่องเต้ทอดพระเนตรไปยังแม่ทัพหลิงด้วยแววพระเนตรลุ่มลึก
ที่จริงแล้วมู่จวินฮานก็รู้สึกสงสัยมิน้อยว่าเหตุใดแม่ทัพหลิงต้องช่วยตนด้วย ? เดิมทีอีกฝ่ายอยากไปแก้ไขเหตุการณ์ในครั้งนี้เสียเอง ที่จริงควรขัดขวางสิ่งที่มู่จวินฮานทำถึงจักถูก แต่กลับมาช่วยเสียอย่างนั้น
เป้าหมายของอีกฝ่ายคืออันใด ? ภายในใจของมู่จวินฮานยังเต็มไปด้วยความสงสัยแต่สีหน้ายังเรียบนิ่งมิบ่งบอกอารมณ์ใด
ฝ่าบาทที่ประทับอยู่บนบัลลังก์ทอดพระเนตรท่าทีของทั้งสองคน
พระองค์สงสัยมิน้อยว่าเหตุใดแม่ทัพหลิงจึงช่วยอ๋องมู่ในเวลานี้ ทั้งที่เมื่อวานเพิ่งแย่งโอกาสนี้กับลู่จ้านแท้ ๆ
เมื่อเห็นฝ่าบาทมิตรัสสิ่งใดออกมา แม่ทัพหลิงก็เอ่ยต่อ “ทูลฝ่าบาท ภัยพิบัติครั้งนี้หนักหนามิใช่น้อย พระชายามู่ทรงฉลาดเฉลียวถึงเพียงนี้ กระหม่อมคิดว่ามินานต้องแก้ปัญหาได้อย่างแน่นอน เช่นนี้ท่านอ๋องก็สามารถกลับเมืองหลวงได้อย่างรวดเร็วพ่ะย่ะค่ะ”
“ในเมื่อเจ้าและแม่ทัพหลิงกล่าวถึงเพียงนี้ ข้าก็อนุญาต” แม้ฝ่าบาทมิเข้าพระทัยว่าเหตุใดแม่ทัพหลิงต้องช่วยพูดให้มู่จวินฮาน แต่ในเมื่อพวกเขากล่าวถึงเพียงนี้แล้วดูท่าผู้หญิงคนนั้นคงเก่งกว่าผู้อื่นจริง แค่พาคนไปเพิ่มอีกคนก็มิได้ส่งผลกระทบใดเลย
เมื่อทั้งสองได้ยินว่าฝ่าบาทอนุญาต ใบหน้าของแม่ทัพหลิงก็เผยรอยยิ้มออกมาทันที แต่มู่จวินฮานเพียงก้มหน้าลงเท่านั้น มิรู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดกันแน่
การกระทำในวันนี้ของแม่ทัพหลิงทำให้เขาประหลาดใจเกินไปจนอดคิดมากมิได้ เมื่อวานแม่ทัพหลิงเพิ่งบอกว่าอยากไปแก้ไขเรื่องความอดอยากเอง ทว่าวันนี้มิกล่าวถึงเรื่องนั้นอีกแต่ยังมาช่วยพูดด้วย
หรือกำลังวางแผนซุ่มโจมตีเอาไว้ ?
หลังออกจากท้องพระโรง มู่จวินฮานที่กำลังเดินอยู่ก็ถูกแม่ทัพหลิงขวางเอาไว้ “ครั้งนี้ข้าช่วยท่านอ๋องเอาไว้ มิทราบว่าท่านอ๋องเตรียมขอบคุณอย่างไรหรือ ? ”
เขาเหลือบมองแม่ทัพหลิงปราดหนึ่งแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ “ข้ามิได้บอกให้ท่านช่วย” กล่าวจบเขาก็เดินจากไป
เมื่อกลับถึงจวนเขาก็ไปหาอันหลิงเกอทันที “เมื่อวานนี้ข้าบอกเจ้าเรื่องไปนอกเมืองใช่หรือไม่”
นางพยักหน้ารับซึ่งก็มิเข้าใจว่าอยู่ ๆ เขากล่าวเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะเหตุใด “ใช่ ทำไมหรือเจ้าคะ ? ”
ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มแล้วดึงนางเข้ามากอด “วันนี้ข้าทูลขอฝ่าบาทแล้วว่าจักให้เจ้าไปด้วย ฝ่าบาทก็อนุญาตแล้วเช่นกัน”
เขามิคิดบอกเรื่องที่แม่ทัพหลิงช่วยพูดตอนอยู่ในท้องพระโรงให้นางรับรู้เพราะมิต้องการให้นางเกี่ยวข้องกับแม่ทัพหลิง อย่างไรเรื่องนี้ก็มิเกี่ยวข้องกับนางและแม่ทัพหลิงแค่สอดเท้ามายุ่งก็เท่านั้น
หลิงอวี่หนิงก็เดินไปมาทั่วจวนทำให้อดสงสัยมิได้
เมื่อได้ยินที่เขากล่าวเช่นนั้นนางถึงขั้นเบิกตาโพลงอย่างคาดมิถึง “ท่านพูดจริงหรือเจ้าคะ ? ”
“เรื่องจริงอยู่แล้ว” คาดมิถึงว่านางจักมาสงสัยถ้อยคำของเขาเสียได้
ในสายตาของนางแล้วฝ่าบาทเป็นคนไร้เหตุผลถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ?
นางหัวเราะออกมาเสียงดังแล้วใช้แขนคล้องคอของมู่จวินฮานเอาไว้ “ดีจังเลยเจ้าค่ะ ในที่สุดก็จักได้ออกไปข้างนอกแล้ว”
ตอนนั้นนางคิดว่าการต้องคอยต่อกรกับหลิงอวี่หนิงคนเดียวในจวนก็ลำบากพอแล้ว มินานมานี้ยังเพิ่มอวี๋หมิงหลันเข้ามาอีก หากนางอยู่ที่นี่คนเดียวก็คงมิรู้ว่าจักต่อกรอย่างไรจริงๆ
แต่นางคาดมิถึงว่าวันนี้มู่จวินฮานจักมีข่าวดีมาบอกว่านางสามารถออกไปกับเขาได้ ในที่สุดนางก็มิต้องอยู่เผชิญหน้ากับผู้หญิงสองคนเพียงลำพังอีกแล้ว
โดยเฉพาะหลิงอวี่หนิงที่คอยมายั่วยุตลอดเวลาจนอันหลิงเกออยากหาวิธีกำจัดเสียให้สิ้นเรื่อง
เมื่อเห็นท่าทางดีใจของนาง ใบหน้าของมู่จวินฮานก็อดยิ้มออกมามิได้ “เอาล่ะ เจ้ารีบไปเก็บของกับปี้จูเถิด มิเช่นนั้นพอถึงเวลาแล้วอาจเร่งรีบก็ได้”
นางจึงรีบออกจากอ้อมกอดของเขาทันทีแล้วพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม “เจ้าค่ะ”
ในที่สุดก็ได้ออกไปข้างนอกแล้วจักได้ออกไปเที่ยวด้วย ทั้งยังมิต้องคอยต่อกรกับพวกผู้หญิงที่มีแผนการชั่วร้ายอีก
มู่จวินฮานที่ยืนอยู่ก็เห็นเงาของนางจากไปอย่างมีความสุข ดังนั้นริมฝีปากของเขาก็อดยกยิ้มเอ็นดูขึ้นมามิได้
แค่พาออกไปข้างนอก นางก็มีความสุขถึงเพียงนี้แล้ว ดูท่าต่อไปต้องหาโอกาสพานางออกข้างนอกบ่อย ๆ เสียแล้ว
อันหลิงเกอเพิ่งกลับเข้าห้องก็มีมีดบินเล่มหนึ่งพุ่งเข้ามาจากทางหน้าต่างแล้วปักลงที่กลางโต๊ะ
จากตอนแรกที่ตกใจ ผ่านไปครู่หนึ่งก็ตระหนักได้ว่าเป็นไป๋หลี่เฉินส่งสารให้นางนั่นเอง นางหันไปมองซ้ายทีขวาทีคล้ายต้องการหาตัวคนส่งแต่มิเห็นเงาของผู้ใดทั้งสิ้น
“มาส่งสารให้ข้าตอนนี้ด้วยเหตุใด ? ” นางพึมพำเบา ๆ จากนั้นก็ดึงมีดบินออกแล้วแกะกระดาษที่ผูกเอาไว้ ด้านในเป็นลายมือของไป๋หลี่เฉินจริง
นางอ่านตัวอักษรที่อยู่บนกระดาษ ‘สืบทราบแล้วว่าหมอหญิงเผ่าพิษหนอนกู่อยู่ในเขตที่เกิดความอดอยาก’
พออ่านจบนางก็สะบัดจดหมายไปมาแล้วยักไหล่อย่างมิใส่ใจ “บังเอิญเสียจริง ! ”
นางโยนจดหมายลงบนโต๊ะแล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง มิรู้ว่าควรบอกเรื่องนี้ให้มู่จวินฮานรู้ดีหรือไม่ แต่พอลองทบทวนแล้วถ้านางบอกเรื่องนี้ให้มู่จวินฮานรู้ก็เท่ากับยอมรับว่านางติดต่อกับไป๋หลี่เฉินลับหลังเขาน่ะสิ
บุรุษขี้หึงเยี่ยงเขา หากรู้เข้าคงอาละวาดเป็นแน่
นางจึงเผาจดหมายแผ่นนั้นกับเปลวเทียนแล้วมองมันค่อย ๆ ไหม้เป็นเถ้าถ่านจนหมดและมุมปากของนางจึงเผยรอยยิ้มออกมา
ทุกคนภายในจวนอ๋องมู่ต่างกำลังวุ่นวาย
เพราะท่านอ๋องกำลังออกไปจัดการเรื่องความอดอยากจึงมีของหลายอย่างต้องเก็บและมีหลายเรื่องต้องจัดการให้เรียบร้อย
อันหลิงเกอเก็บของเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ตอนที่มู่จวินฮานบอก ตอนนี้นางจึงมิมีอันใดให้ทำ
มิรู้ว่าสาวใช้คนไหนของนางปากมากจนกล้าเอ่ยเรื่องที่นางและมู่จวินฮานจักไปนอกเมืองด้วยกันจนทำให้พวกสตรีที่อยู่ในจวนรู้เข้า
หลิงอวี่หนิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องและกำลังโมโหอย่างมาก “เหตุใดนางตัวดีจึงสามารถไปกับท่านอ๋องได้ ! ”
สาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างกายก็มองที่มือของอีกฝ่ายอย่างสงสาร “เช่อเฟย ต่อให้โมโหอย่างไรก็มิควรทำร้ายตัวเองเจ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินสาวใช้เอ่ยเช่นนั้น นางจึงรู้สึกถึงความเจ็บที่ฝ่ามือ “ก็เพราะนางอันหลิงเกอคนเดียว”
คาดมิถึงว่าขนาดท่านอ๋องไปราชการยังพานางตัวดีไปด้วย
ด้านอวี๋หมิงหลันกำลังอยู่ในช่วงเศร้าโศก หึ นางกับท่านอ๋องรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กกลับสู้อันหลิงเกอมิได้แม้แต่น้อย !
“เช่อเฟยเจ้าคะ ตอนนี้เรื่องถูกตัดสินไปแล้วท่านโมโหก็ทำอันใดมิได้ อีกอย่างเรื่องนี้แม่ทัพหลิงก็ช่วยทูลฝ่าบาทด้วยเจ้าค่ะ ! ” สาวใช้ที่ปลอบอยู่ด้านข้างบอกกับนางเป็นนัยว่านี่คือรับสั่งของฝ่าบาท หรือนางต้องการขัดรับสั่งของฝ่าบาทเล่า ?
“ถูกตัดสินไปแล้วอันใดกัน ขอเพียงยังมิได้ออกจากจวนเรื่องนี้ก็ยังมิถือว่าสิ้นสุด ! ”
แม้มิรู้ว่าเหตุใดท่านพ่อทำเช่นนั้น แต่หลิงอวี่หนิงก็มิสามารถคิดอันใดได้มากกว่านี้
ขอเพียงอันหลิงเกอมิสามารถไปกับท่านอ๋องได้ ตัวนางก็พอใจแล้ว