ตอนที่ 426 ทำชั่วอีกครา
หลิงอวี่หนิงลุกขึ้นยืนพร้อมเสียงหัวเราะเย็นเยือก “ข้ามิเชื่อหรอกว่าถ้านางได้รับบาดเจ็บแล้ว ท่านอ๋องยังพาภาระเยี่ยงนางไปนอกเมืองด้วย”
ในเมื่อตนกับท่านพ่อมิได้ไป อันหลิงเกอก็อย่าหวังว่าจักได้ไป !
เมื่อคิดได้ดังนั้น นางจึงรีบเดินไปที่เรือนของอันหลิงเกอทันที สาวใช้ก็ทำได้เพียงเดินตามไปอย่างนอบน้อม
“พระชายาเจ้าคะ” นางเคาะประตูห้องแต่พบว่าภายในห้องมิมีผู้ใดอยู่ นางจึงทำได้เพียงมองประตูห้องด้วยความริษยาเพราะมิรู้ว่าเวลานี้อีกฝ่ายอยู่กับท่านอ๋องหรือยัง
เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงกำหนดที่พวกเขาต้องออกจากจวน นางก็มิสามารถปล่อยไปโดยง่าย หากอันหลิงเกอไปนอกเมืองกับท่านอ๋องแล้ว นางคงต้องโกรธจนเป็นบ้า !
ในขณะที่นางมิรู้ว่าควรทำเช่นไรดีก็เห็นอันหลิงเกอเดินนำสาวใช้มาทางนี้พอดี
มุมปากของนางจึงโค้งเป็นรอยยิ้มแล้วก้าวไปหาอันหลิงเกอ “พระชายาจักไปที่ใดหรือเจ้าคะ ? ”
นางตั้งใจเดินไปหยุดอยู่เบื้องหน้าของอันหลิงเกอแล้วถามออกมาราวกับเป็นห่วงอันหลิงเกอเสียเต็มประดา
อันหลิงเกอมองนางปราดหนึ่ง เดิมทีแล้วมิอยากเสวนากับนางมากนัก ผู้หญิงคนนี้มักหาเรื่องให้มิหยุดมิหย่อน ตอนนี้จึงมิได้รู้สึกใด ๆ ด้วย
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมิกล่าวอันใดออกมา หลิงอวี่หนิงก็ยิ่งรู้สึกเหิมเกริมมากขึ้น “พระชายา เหตุใดมิกล่าวเลยเจ้าคะ คงมิใช่เพราะท่านอ๋องทำให้มิพอใจหรอกกระมัง ? ”
กล่าวจบนางก็ยกมือปิดปากตนเองด้วยท่าทางตื่นตกใจ
อันหลิงเกอมิอยากใส่ใจ แต่ขณะที่จะเดินไปก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นมา
เพราะกำลังนึกถึงเรื่องความอดอยากอยู่ นางจึงมิทันได้ระวัง ทันใดนั้นหลิงเช่อเฟยก็ยื่นเท้าข้างหนึ่งออกมาจึงทำให้อันหลิงเกอล้มลงกับพื้นทันที
เมื่อปี้จูเห็นพระชายาล้มลงอย่างกะทันหันและเห็นหลิงเช่อเฟยยืนอยู่ด้านข้างก็เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นทันที นางจึงรีบเข้าไปประคองอันหลิงเกอขึ้นมาและชี้ไปที่เช่อเฟย “เช่อเฟย เหตุใดท่านจึงบังอาจเช่นนี้ ! ”
หลิงอวี่หนิงได้ยินคำพูดของปี้จูก็เลิกคิ้วให้พร้อมสายตาดูแคลน “เจ้าเห็นข้าทำอันใดอย่างนั้นหรือ ? หากเจ้าบอกมิได้ว่าข้าทำอันใดแต่มาใส่ร้ายเช่นนี้ ข้าจักฉีกเนื้อเจ้า ! ”
เมื่อนางกล่าวเช่นนี้ แม้ปี้จูโมโหเพียงใดก็ทำได้แค่ก้มหน้าโดยมิกล้ากล่าวสิ่งใดออกมาอีก
อันหลิงเกอที่โดนประคองขึ้นมาก็ขมวดคิ้วมุ่นพร้อมวางมือลงบนหลังมือของปี้จู “ประคองข้ากลับไปก่อน”
เมื่อเห็นนางเดินกะเผลกเข้าไปในห้อง หลิงอวี่หนิงที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ยิ้มเยาะออกมา เห็นท่าทางของอันหลิงเกอแล้วก็มิเชื่อหรอกว่าท่านอ๋องจักพาภาระไปด้วย
เมื่อกลับถึงห้อง อันหลิงเกอก็สั่งให้ปี้จูไปตามท่านหมอ หลังตรวจดูอาการอย่างละเอียดแล้วท่านหมอก็รายงานว่า
“พระชายาเพียงข้อเท้าแพลงเท่านั้นมิได้เป็นอันใดมาก แค่ทายาและพักผ่อนสักสองวันก็หายดีขอรับ”
เมื่อได้ยินท่านหมอกล่าวเช่นนั้น สาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก หากพระชายาบาดเจ็บหนักก็คงมิสามารถไปนอกเมืองกับท่านอ๋องได้แน่ โชคดีที่มิได้เป็นอันใดมาก
เพราะเรื่องนี้ได้รับอนุญาตจากฝ่าบาทแล้วจึงมิสามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยง่าย
อันหลิงเกอเองก็โล่งใจมิน้อย เมื่อครู่นางประมาทเกินไปจึงมิทันระวังหลิงอวี่หนิง
ดูท่าแล้วเป้าหมายของอีกฝ่ายคือมิอยากให้นางตามท่านอ๋องไปนอกเมืองเป็นแน่ แต่น่าเสียดายที่ครั้งนี้ต้องทำให้ผิดหวังเสียแล้วเพราะกว่าจักถึงกำหนดออกนอกจวนยังเหลือเวลาอีกหลายวัน ดังนั้นจึงเพียงพอให้เท้าของนางหายเป็นปกติ !
ส่วนหลิงอวี่หนิงที่คิดว่าอันหลิงเกอมิสามารถออกนอกเมืองได้แล้วนั้นก็กำลังพูดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่กับสาวใช้ในห้อง
“นางเดินมิสะดวกถึงเพียงนั้น ดูสิว่าจักออกนอกเมืองกับท่านอ๋องได้หรือไม่ ! ” ในเมื่อตนมิได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วจักปล่อยให้อันหลิงเกอได้ไปหรือ
มินานก็ถึงกำหนดที่มู่จวินฮานออกนอกเมือง ขณะที่อันหลิงเกอกำลังเดินออกมาจากห้องนั้นหลิงอวี่หนิงถึงขั้นเบิกตาโพลงคล้ายสงสัยในสิ่งที่เห็นเป็นอย่างมาก คาดมิถึงว่าตอนนี้อีกฝ่ายสามารถเดินไปไหนมาไหนเองได้
“เช่อเฟย” อันหลิงเกอเดินมาหานาง
“คาราวะพระชายาเจ้าค่ะ” หลิงอวี่หนิงขบกรามแน่น กระนั้นก็ต้องทำความเคารพอีกฝ่ายอยู่
“อืม…ข้าเจ็บขาอยู่ เจ้าช่วยขยับมาหน่อยสิ” อันหลิงเกอมิยอมผู้ใดง่าย ๆ มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ยิ่งหลิงอวี่หนิงทำร้ายนางเช่นนี้แล้วจักปล่อยไปได้อย่างไร
“เจ้าค่ะ”
พอหลิงอวี่หนิงขยับเข้ามาใกล้ อันหลิงเกอก็ก้าวเข้าไปหาด้วยเช่นกันจึงทำให้เหยียบลงที่หลังเท้าของหลิงอวี่หนิงพอดิบพอดี
“ว้าย ! ” หลิงอวี่หนิงโกรธมาก นางคิดยื่นมือไปตบอันหลิงเกอแต่โดนสายตาของมู่จวินฮานสะกดไว้จนต้องถอยออกมาด้วยความหวาดกลัว
“พระชายา ท่านกำลังทำอันใดเจ้าคะ ! ” นางเอ่ยออกมาพร้อมน้ำตาไหลริน
“ไอหยา ข้าเจ็บขาจึงยืนมิมั่นคงเท่านั้นเอง” กล่าวจบอันหลิงเกอก็ทำทีเดินจากไป แต่ความจริงแล้วตั้งใจเหยียบเท้าอีกข้างหนึ่งต่างหาก
เมื่อเห็นท่าทางโกรธแต่มิกล้ากล่าวอันใดของหลิงอวี่หนิง อันหลิงเกอจึงส่งเสียง เฮอะ ออกมาให้ได้ยินแล้วเดินไปทางประตูจวนทันที
ผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในมือโดนหลิงอวี่หนิงขยำจนยับไปหมด นางมองตามอันหลิงเกอที่ขึ้นรถม้าไปพร้อมมู่จวินฮานด้วยสายตาเคียดแค้น
“เด็กคนนี้” ใบหน้าของมู่จวินฮานเต็มไปด้วยความเอ็นดู เรื่องเมื่อหลายวันก่อนเขาเองก็รู้ดี เดิมทีเขาตั้งใจไปจัดการหลิงอวี่หนิงด้วยตนเองแต่โดนเจ้าตัวแสบห้ามไว้เสียก่อน
นางถือคติ ตาต่อตาฟันต่อฟัน มาแต่ไหนแต่ไร ดังนั้นนางย่อมต้องการจัดการเอง !
สาวใช้ก็ตกใจมิน้อย แต่เมื่อเห็นท่าทางชั่วร้ายของเจ้านายแล้วก็รีบก้มหน้าลงทันทีโดยมิกล้ากล่าวสิ่งใดอีก เกรงว่าตนต้องกลายเป็นที่ระบายอารมณ์ของเจ้านายแทน
“น้องสาวเป็นอันใดหรือ ? ” มู่จวินฮานและอันหลิงเกอขึ้นรถม้าไปได้มินาน ด้านนอกก็ปรากฏเสียงคุ้นเคยขึ้นมา เป็นอวี๋หมิงหลันนั่นเอง
หลิงอวี่หนิงรีบเก็บสีหน้าที่ชั่วร้ายทันทีแล้วเดินเข้าหาอวี๋หมิงหลันด้วยความเสียใจ “ยังมีอันใดอีกนอกจากพระชายารังเกียจข้า ! ”
อวี๋หมิงหลันก็อดแปลกใจมิได้จึงเอ่ยถามออกมา “เกิดอันใดขึ้นหรือ ? ”
ทั้งสองเดินไปพลางสนทนาไปพลาง “ก็เรื่องที่ฝ่าบาทให้ท่านอ๋องไปราชการนอกเมือง คาดมิถึงว่าท่านอ๋องทูลขอให้พระชายาไปด้วย ข้าแค่อยากถามเท่านั้นก็โดนตำหนิเสียแล้ว”
อวี๋หมิงหลันแสดงสีหน้าโศกเศร้าออกมา แต่มินานก็กลบเกลื่อนไว้ด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง “น้องสาว นี่เป็นการตัดสินใจของท่านอ๋อง เราจักทำอันใดได้”
“เดิมทีข้ายื่นเท้าไปขัดขานางจนบาดเจ็บ คิดว่าพอนางบาดเจ็บแล้วท่านอ๋องคงมิพาไปด้วย” หลิงอวี่หนิงกล่าวออกมาอย่างมิพอใจ
นางเผลอพูดความจริงออกมาโดยมิได้ตั้งใจ แต่นางก็มิได้สนใจแล้ว
“ผู้ใดจักคิดว่านางสามารถเดินขึ้นรถม้าได้ด้วยตนเองด้วยซ้ำ ช่างดวงแข็งเสียจริง ! ”
เอ่ยถึงประโยคสุดท้าย ใบหน้าของหลิงอวี่หนิงก็เผยความชั่วร้ายออกมา หากตอนนี้อันหลิงเกอยืนอยู่ต่อหน้า นางคงฉีกเป็นชิ้น ๆ อย่างแน่นอน
น่าเสียดายที่นางไร้ความสามารถพอจักเอาชีวิตอันหลิงเกอได้
คำที่พูดออกมาของนางทำให้อารมณ์ของอวี๋หมิงหลันเปลี่ยนไปมิน้อย
“พี่สาว อันหลิงเกอผู้นี้มิได้เป็นคนดี วันหน้าท่านอย่าไปยุ่งกับนางมาก”
หลิงอวี่หนิงต้องการดึงอวี๋หมิงหลันมาเป็นพวกให้ได้ หากเป็นเช่นนั้นนางก็สามารถต่อกรกับอันหลิงเกอได้ง่ายขึ้น !