บทที่ 394 ผ้าไหมสีแดงที่คลุมศีรษะเจ้าสาวในงานแต่ง

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 394 ผ้าไหมสีแดงที่คลุมศีรษะเจ้าสาวในงานแต่ง
บริเวณด้านนอก ต่างก็เต็มไปด้วยความสนุกสนาน

ทีมเจ้าสาวที่รอคอยมาแสนนาน ต่างก็ผิวปากและบรรเลงเพลงด้วยการเป่าและการเคาะตี เหล่าชายหนุ่มที่สดใสแปดคนมีริบบิ้นผูกรอบเอว ยกเกี้ยวเจ้าสาวสีแดงเดินเข้ามาภายใน

รอบเกี้ยวนั้นมีหญิงสาวที่คอยช่วยเหลือเจ้าสาวสี่คนในชุดสีแดงเดินมาอย่างมีความสุข

อวี๋เซิ่งและหลัวจิงในห้าเสือแห่งเป่ยเจียง ตามมาด้วยผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีความสามารถเพียงสองสามคน ใบหน้าและการแสดงออกนั้นเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก

การเปลี่ยนการแต่งงานในระยะเวลาอันสั้น จากสภาพอารมณ์ของพวกเขานั้นย่อมไม่สามารถรับได้อย่างแน่นอน

ในเวลานั้นเขากำลังจะยกเลิกการหมั้นและกลับไปยังเป่ยเจียง

อย่างไรก็ตาม หลิวชิงเหยานั้นยืนยันว่าจะไม่จากไป เธอกล่าวว่าในเมื่อมาหยุนชวนแล้วยังไม่บรรลุเป้าหมาย เธอก็จะไม่กลับไป

ไม่มีหน้าที่จะกลับไป

ครั้นได้เห็นเกี้ยวสีแดงและได้ยินเพลงบรรเลงที่รื่นเริง แขกภายในงานต่างก็ลืมเลือนความไม่พอใจเมื่อครู่นี้ไปชั่วขณะ

เดิมทีเจ้าสาวจะต้องแต่งงานกับพี่ชาย ฉับพลันก็เปลี่ยนมาแต่งกับน้องชาย แม้ว่าจะแปลกไปหน่อย

แต่เมื่อได้ครุ่นคิดดูแล้วก็สมเหตุสมผล ดังคำกล่าวที่ว่าเรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน[1] ล้วนแล้วแต่เป็นครอบครัวเดียวกัน

เช่นนั้นแล้วทุกคนต่างก็จ้องมองเกี้ยวเจ้าสาว รอคอยการปรากฏตัวของเจ้าสาว

แม้แต่จี้ซิงเองก็หันไปเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม สายตาของเขาจ้องไปที่เกี้ยวครู่หนึ่ง จากนั้นมองข้ามเกี้ยวไป มองไปยังด้านนอก

“คนสกุลฉินนั้นไม่มาจริงหรือ? เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขานั้นคือฆาตกรที่ลงมือฆ่าจ้าวเทียนเล่อและคนอื่นๆ?”

คิ้วของเขาขมวดแน่นยิ่งขึ้น

เมื่อเทียบกับการได้เห็นฉินเทียนครั้งแรกเมื่อคืนนี้ ความตื่นเต้นที่คิดว่าตนเองได้พบเจอคู่ต่อสู้ที่ดี ตอนนี้เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

“เวลานี้ ให้พวกเราเชิญเจ้าสาวลงจากเกี้ยว”

ขณะที่เกี้ยวถูกวางลงกลางพื้นสนาม พิธีกรก็โห่ร้องอย่างตื่นเต้น

หญิงสาวที่คอยช่วยเหลือเจ้าสาวก็ค่อยๆเปิดม่านเกี้ยว ประคองหลิวชิงเหยาที่สวมชุดแต่งงานสีแดงและคลุมผ้าคลุมศีรษะ

ถึงแม้ว่าจะมองไม่เห็นใบหน้า แต่ท่าทางที่สง่างามนี้ เพียงแวบแรกที่ได้มองก็รู้ว่าเป็นหญิงงาม

“เจ้าสาวสวยมาก!”

“สมกับเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งเป่ยเจียง!” ใครบางคนตะโกนออกมาอย่างอดไม่ได้

“ชิงเหยา!” จ้าวเฟิงร้องเรียก อดไม่ได้ที่จะวิ่งเข้าหา

หญิงงาม ในที่สุดก็เป็นของเขา

เลี่ยวเจี๋ยยิ้มและพูด “คุณชาย อย่าได้ตื่นเต้นไป”

“คืนนี้เป็นคืนแรกที่ส่งตัวเข้าเรือนหอ คุณยังมีเวลาและสามารถเชยชมได้”

จ้าวเฟิงกลืนน้ำลายของเขาและอดกลั้นเอาไว้

เขาตื่นเต้นเมื่อได้เห็นหลิวชิงเหยาค่อยๆเดินขึ้นไปยังบนเวทีทีละก้าวจากการประคองของผู้ช่วยเจ้าสาว

ด้านหลัง อวี๋เซิ่ง、หลัวจิงที่รับหน้าที่คอยดูแล รวมถึงคนของเป่ยเจียง ทำได้เพียงแค่ต้องถอยหลบ

พวกเขาไร้หนทางที่จะตามไปต่อ

“เปิดผ้าคลุม!”

“ถอดผ้าคลุม!”

เมื่อเห็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวหลิวชิงเหยาและจ้าวเฟิงยืนด้วยกัน ผู้คนต่างก็เริ่มส่งเสียงเชียร์

เมื่อได้กลิ่นหอมจากร่างกายหลิวชิงเหยาในระยะใกล้ชิด ดวงใจของจ้าวเฟิงสั่นไหว อดไม่ได้ที่จะเปิดผ้าคลุมศีรษะนั้นออก

นี่เป็นส่วนสำคัญที่มีความหมายอย่างยิ่ง

ตราบใดที่เขาเปิดผ้าคลุมศีรษะ ผู้หญิงคนนี้ก็จะเป็นคนของเขาอย่างเป็นทางการ

เขารับไม้ไผ่ขนาดเล็กที่หญิงสาวผู้ช่วยนั้นส่งมา พยายามควบคุมความตื่นเต้นของเขา จากนั้นก็เหยียดมือออกไปทางผ้าคลุมศีรษะ

ภายใต้ผ้าคลุมศีรษะสีแดง หลิวชิงเหยากัดริมฝีปากของเธอไว้แน่น

เมื่อก่อนเธอเด็ดเดี่ยวและไม่ลังเล แต่ตอนนี้ในวินาทีสุดท้าย เธอกลับรู้สึกหวาดกลัวอย่างอดไม่ได้

ในตอนสุดท้ายเธอก็ยังเป็นเพียงแค่เด็กสาวคนหนึ่ง

ฉับพลันเธอรู้สึกเสียใจเล็กน้อย คิดอยากจะหนีกลับไปหาอ้อมแขนของแม่เธอ

“รอสักครู่” น้ำเสียงของเธอสั่นเครือ “ตอนนี้ฉันรู้สึกเสียใจ ยังทันอยู่หรือเปล่า?”

อะไรนะ?

รอยยิ้มบนใบหน้าของจ้าวเฟิงแข็งทื่อ นับว่ายังดีที่เสียงของหลิวชิงเหยานั้นเบามาก และเธอเอ่ยภายใต้ผ้าคลุมศีรษะ

ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดได้ยิน

เมื่อถึงตอนสุดท้าย กลับคิดกลับคำและเสียใจในภายหลัง?

นัยต์ตาของจ้าวเฟิงนั้นแสดงถึงความร้ายกาจ เขายิ้มและเอ่ยด้วยเสียงต่ำ “สามารถกลับคำได้”

“แต่ทว่าฉันจะฆ่าทุกคนในเป่ยเจียง”

“ตอนนี้ เธอยังอยากกลับคำและคิดเสียใจอยู่ไหม?”

หลิวชิงเหยาตื่นตกใจจนใบหน้าซีดเผือด ถึงแม้ว่าจะสวมผ้าคลุมศีรษะ แต่เธอสามารถสัมผัสได้ว่าจ้าวเฟิงที่อยู่ด้านข้างคนนี้ คนที่เธอกำลังจะแต่งงานด้วยนั้นคือหมาป่า!

เป็นปีศาจร้ายที่กินมนุษย์โดยไม่คายกระดูก[2]!

เธอเกือบร้องไห้ออกมา กัดฟันแน่นและเอ่ย “นายต้องสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายคนเป่ยเจียง โดยเฉพาะแม่ของฉัน”

“ต้องสัญญาว่าจะช่วยฉันแก้แค้นให้กับพ่อของฉันด้วย!”

จ้าวเฟิงยิ้มพลางเอ่ย “เด็กดี นี่สิถึงจะถูกต้อง”

“เธอวางใจได้ หลังจากนี้เป่ยเจียงและหยุนชวนล้วนแต่เป็นของเรา แค่คนอย่างฉินเทียน เพียงแค่ฉันยกมือขึ้นก็จะสลายหายไปกลายเป็นเถ้าถ่าน”

หลิวชิงเหยากัดฟัน ควบคุมความกลัวภายในใจของเธอ เตรียมพร้อมยอมรับความจริงอันโหดร้ายนี้

ไม้ไผ่ในมือของจ้าวเฟิงเกี่ยวมุมปลายผ้าคลุมศีรษะสีแดง วินาทีถัดมากำลังจะเปิดผ้าคลุมศีรษะขึ้น

กำลังจะได้เห็นเจ้าสาวแล้ว ชั่วขณะนั้นทุกคนต่างก็อยู่ภายใต้ความสงบ

ทุกคนกลั้นหายใจ รอชมใบหน้าที่แท้จริงของหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งเป่ยเจียง

ในขณะนั้นเอง บริเวณประตูใหญ่ มีเสียงที่ทำอะไรไม่ถูกดังขึ้น

“เธอแน่ใจเหรอว่าต้องการให้เขาดึงผ้าคลุมศีรษะนั้นออก?”

เสียงนี้ไม่ได้ดัง แต่กลับเป็นเหมือนระเบิดที่กำลังระเบิดสถานที่แห่งนี้

ใครกันที่ไม่เห็นคุณค่าของผู้อื่น แล้วยังมาสร้างความวุ่นวายในเวลานี้?

ไร้วิสัยทัศน์เกินไปหน่อยแล้วหรือเปล่า!

ทุกคนหันศีรษะไปมองดูพร้อมกัน

เมื่อพวกเขาเห็นผู้คนที่ประตู ราวกับว่าพวกเขาถูกระเบิด

หน้าลานประตูใหญ่นั้นเห็นเพียงแค่คนคนเดียว

บนใบหน้าหล่อเหลานั้นราวกับถูกปกคลุมไปด้วยความหนาวเย็น

นัยต์ตาคู่นั้นใสสะอาดล้ำลึกจนไร้ที่สิ้นสุด ปรากฏเจตนาแห่งการสังการ

เขายืนอยู่ที่นั่นด้วยความเงียบ จ้องมองบนเวทีโดยไม่ส่งเสียงใด

เมื่อมองไปยังร่างกายที่ดูผอมบาง แต่กลับทำให้ผู้คนถูกครอบงำโดยไร้การสั่นคลอน!

ราวกับว่าตราบใดที่เขาอยู่ที่นี่ เป็นเสมือนกับเสาแห่งท้องฟ้า[3]!

เรื่องราวใหญ่โตก็จะสงบลงได้

หลิวชิงเหยาได้ยินเสียงนี้ ร่างกายของเธอสั่นอย่างรุนแรง

เธอถอดผ้าคลุมศีรษะสีแดงของเธอออก นัยต์ตาคู่นั้นมองไปทางฉินเทียนด้วยสีหน้าตกตะลึงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

ชายที่อยู่ตรงหน้า ทำให้เธอรู้สึกแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก

เมื่อไม่เห็นฉินเทียน เห็นได้ชัดว่าเธอเกลียดเขาเข้ากระดูกดำ ไม่ลังเลเลยที่จะใช้ความสุขตลอดชีวิตเพื่อแลกกับโอกาสที่จะฆ่าเขา

แต่เมื่อเธอเห็นเขาปรากฏตัวต่อหน้าเธอ ฉับพลันหลิวชิงเหยาก็รู้สึกว่าหัวใจของเธอนั้นกลับวุ่นวาย

พูดตามความเป็นจริง รวมครั้งนี้ เธอได้พบกับฉินเทียนสามครั้งแล้ว

ครั้งแรกที่เป่ยเจียง เธอยังคงเป็นคุณหนูใหญ่ที่ไร้เดียงสาบริสุทธิ์

ไม่พอใจกับการนัดพบที่ผู้เป็นพ่อวางแผนไว้ให้ เธอควงแขนฉินเทียนไว้ทั้งยังบอกว่าจะหนีไปกับฉินเทียน

ตอนนั้น เธอคิดว่าฉินเทียนเป็นลูกน้องใต้บัญชาการของพ่อเธอ ดังนั้นจึงจงใจทำให้พ่อโกรธ

อย่างไรก็ตาม เธอต้องยอมรับว่าความประทับใจแรกของเธอที่มีต่อฉินเทียนนั้นดีเป็นอย่างมาก

เธอรู้สึกว่าร่างกายของฉินเทียนนั้นทำให้เธอสัมผัสได้ถึงความสบาย ทำให้เธออยากเข้าใกล้

ขณะที่หัวใจและความคิดของเธอกำลังฟุ้งซ่าน ข่าวร้ายก็เข้ามา

พ่อของเธอเสียชีวิตอย่างน่าอนาถ!

และชายรูปหล่อที่เดิมทีทำให้เธอรู้สึกถึงความสบายคนนั้นกลับกลายเป็นฆาตกร!

วินาทีนั้นโลกของเธอพังทลายลงในทันที

เธอสาบาน เธอจะต้องแก้แค้นเอาคืน

เช่นนั้น เมื่อมีการพบกันในครั้งที่สอง

ตอนที่อยู่หลงเจียง เธอเสนอรางวัลการสังหารฉินเทียน หลังจากที่เหล่านักฆ่าเหล่านั้นล้มเหลว เธอก็ออกโรงลงมือเอง

ครั้งนั้น เธอเห็นฉินเทียนเป็นบุคคลสำคัญแห่งการแสดงโรงละครรอบค่ำ รอบกายรายล้อมไปด้วยสาวสวยมากมาย

เธอสวมหน้ากาก เต้นรำใกล้กับร่างกายของเขา เอาชนะหญิงงามเหล่านั้นด้วยการเต้นที่ร้อนแรง ได้รับความไว้วางใจจากฉินเทียน

ฉินเทียนอุ้มเธอและตรงไปยังห้องนอนทันใด จากนั้นโยนเธอลงบนเตียงอย่างอุกอาจ

เมื่อหน้ากากร่วงหล่น ทั้งสองก็เผชิญหน้ากันอย่างดุเดือด

ท้ายที่สุด ฉินเทียนก็นิ่งงันไม่ขยับเขยื้อน ปล่อยให้เธอใช้มีดแทง

นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอทำร้ายผู้คน

ฉินเทียนไม่ได้ฆ่าเธอและส่งให้คนพาเธอกลับไปยังเป่ยเจียง

เธอแทบแหลกสลาย

ภายในใจเธอคิดอยากจะฆ่าฉินเทียนเพื่อแก้แค้น

นี่เป็นสัญชาตญาณ นี่คือผลกระทบที่ทำให้เธอยังมีชีวิตอยู่

หากปราศจากความคิดนี้ เธอไม่กล้าคิดด้วยซ้ำว่าตนเองนั้นจะเปลี่ยนไปเช่นไร

เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน[1] หมายถึง คนในเครือญาติแต่งงานกัน ทำให้ทรัพย์มรดกไม่ตกไปอยู่กับผู้อื่น

กินมนุษย์โดยไม่คายกระดูก[2] หมายถึง อุปมาสำหรับความโลภและความชั่วอย่างสุดโต่ง

เสาแห่งท้องฟ้า[3] หมายถึง เสาใหญ่ที่ยึดท้องฟ้าได้ในตำนานจีนโบราณ ต่อมาใช้เป็นคำอุปมาสำหรับผู้ที่แบกรับภาระหน้าที่หนักอึ้ง