ระหว่างทางขับรถส่งเย่เทียนกลับ สายตาที่จี้เยียนหรันมองเย่เทียนประหลาดเป็นพิเศษ
คนอื่นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องส่วนตัว แต่เธอได้ยินอย่างชัดเจน
“ไม่น่าแปลกใจที่ผู้ชายคนนี้ไม่เห็นชางหลงอยู่ในสายตา ด้วยความสามารถของเขา แค่พูดสองสามประโยคก็ตกลงธุรกิจมูลค่าหลายพันล้านได้ เป็นใครก็ไม่อยากไปตรากตรำที่กองทัพหรอก!”
จี้เยียนหรันคิดในใจ เกรงว่าภารกิจที่ผู้อำนวยการมอบให้เธอบัดนี้คงไม่มีทางสำเร็จแล้ว
เรื่องนี้ทำให้เธอลอบถอนหายใจ คนระดับนี้เป็นดั่งมังกรเหนือคน จะมาอยู่ในกรมตำรวจเล็กๆของพวกเธอได้ยังไง?
“คุณจ้องหน้าผมทำไม หรือว่ามีดอกไม้ติดอยู่บนหน้าผม?”
แน่นอนว่าเย่เทียนสัมผัสได้ถึงสายตาของจี้เยียนหรันที่เหลือบมองเป็นพักๆ ด้วยความอารมณ์เบิกบานของเขา จึงอดแซวไม่ได้
หน้าสวยๆของจี้เยียนหรันแดงก่ำหลังจากได้ยินอย่างหาดูได้ยาก “ใครบอกว่าฉันมองหน้าคุณกันคะ ฉันกำลังมองกระจกมองหลังต่างหาก!”
เย่เทียนหัวเราะร่วน ไม่จี้จุดเธอ เขาพิงเบาะหลังรถอย่างสบายใจเฉิบ นั่งคิดถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไป
ภายในห้องส่วนตัว เขาได้ตกลงกับจี้เจิ้งโก๋และมู่หยุนเทียนสองคนเรียบร้อยแล้ว
จี้เจิ้งโก๋เป็นคนรับผิดชอบในการจัดหาสมุนไพร ส่วนมู่หยุ่นเทียนรับผิดชอบด้านการตลาดภายนอก ยังไงซะผลของยานั้นเป็นที่น่าทึ่ง และสำหรับนักบู๊ธรรมดาทั่วไปมีประโยชน์มหาศาล
ด้วยความสามารถของจี้เจิ้งโก๋และมู่หยุนเทียน ไม่มีทางกินยาได้จำนวนมากขนาดนั้นหรอก
ดังนั้น พวกเขาจึงคิดว่าไหนๆแล้วก็ตีตลาดไปเลย ทำการจำหน่ายในแวดวงบูโด
เรื่องนี้ตรงกับสิ่งที่เย่เทียนคิด ยังไงซะหลังจากนี้เขาต้องเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งของโลกทหารรับจ้าง จุดประสงค์ของการทำแบบนี้สามารถทำให้เขาเป็นที่คุ้นเคยในแวดวงบูโดประเทศจีน หากเป็นไปได้จะได้ซื้อกองกำลังได้ด้วย
โดยไม่รู้ตัว รถก็มาจอดอยู่ประตูบริษัทแซ่เฉิน
“เย่เทียน เรื่องของฝั่งคุณปู่ของฉัน ฉันจะเป็นคนรับผิดชอบในการติดต่อกับคุณเองค่ะ สองสามวันนี้น่าจะรู้ข่าวคราว คุณรอโทรศัพท์จากฉันนะคะ”
หลังจากเย่เทียนลงรถแล้ว จี้เยียนหรันจึงเอ่ยบอก
เย่เทียนพยักหน้า โบกมือและเดินเข้าไปที่บริษัท
เพิ่งเดินมาถึงหน้าประตูของแผนกรักษาความปลอดภัย สาวน้อยกู้กวนชีก็เข้ามาหา
“เย่เทียน ประธานให้ฉันมาบอกนายว่าอีกเดี๋ยวเธอจะออกไปข้างนอก ให้นายเตรียมความพร้อมล่วงหน้า”
กู้กวนชียืนอยู่ตรงหน้าเย่เทียน พูดพร้อมหน้าแดงเล็กน้อย
เย่เทียนได้ยินแล้วยิ้มพร้อมบอก “แค่โทรศัพท์สายเดียวก็รู้เรื่องแล้ว ทำไมต้องเดือดร้อนให้เสี่ยวชีมาด้วยตัวเองเล่า? เธอคงไม่ได้คิดถึงฉันหรอกใช่มั้ย?”
เจอกับคำแซวอย่างตรงไปตรงมาของเย่เทียน หน้าของกู้กวนชียิ่งแดงมากขึ้นไปอีก เธอแอบบ่นอุบอิบ “นายนี่น่าหมั่นไส้จริงๆ ฉัน ฉันแค่มาเพราะอยากเลี้ยงข้าวนาย”
“เลี้ยงข้าวฉัน?”
คิดไม่ถึงว่ากู้กวนชีจะเป็นฝ่ายรุกขนาดนี้ เย่เทียนอึ้งไปนิดหน่อย
ราวกับกลัวว่าเย่เทียนจะเข้าใจตัวเองผิด กู้กวนชีรีบอธิบาย “เมื่อวานนายช่วยฉันไว้มาก ฉันยังไม่ได้ตอบแทนนายเลย ก็เลยคิดจะเลี้ยงข้าวนาย!”
“แบบนี้นี่เอง!”
เย่เทียนลูบคาง ยังไงซะก็เป็นคำเชิญจากคนสวย จะให้ปฏิเสธได้ยังไง เขาพยักหน้าทันที “ได้สิ ฉันว่างงานมาก เธอเลือกเวลาและสถานที่เลย”
“ได้ งั้นไว้เราโทรคุยกัน”
กู้กวนชีรีบพูดขึ้นด้วยความดีใจ กวาดสายตามองเย่เทียนอย่างรวดเร็วก่อนจะหันหลังจากไป
“พี่เย่ ใช้ได้นี่ เพิ่งผ่านไปไม่นาน แม้แต่ผู้ช่วยกู้ของเรายังหลงนายซะหัวปักหัวปำ”
เหอเชิ่งมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ประจบประจงด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเที่ยงยังปรากฏในภาพจำอย่างแจ่มแจ้ง เหอเชิ่งไม่กล้าปฏิบัติกับเย่เทียนเหมือนคนทั่วไป ท่าทีของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดที่กลับตาลปัตร
เย่เทียนได้ยินแล้วเพียงแค่ยิ้มตอบ สายตาฉายประกายพิศวง ไม่ได้พูดอะไรกับเขามาก หยิบกุญแจรถแล้วลงจากตึกไป
เขาขับรถมาอยู่ที่หน้าประตูบริษัท เฉินหวั่นชิงที่สวมชุดทำงานยืนรออยู่ริมถนน
หุ่นของเธอพริ้วบาง ยืนอย่างสง่าประหนึ่งเทพเซียนบนสวรรค์ได้จุติลงมา โผล่พ้นโคลนทว่ามิแปดเปื้อน เป็นที่ใฝ่ฝันอย่างอดไม่ได้
“เมียจ๋า ฉันมาแล้ว”
เย่เทียนมองแล้วเบลอไปทั้งหัว เนิ่นนานกว่าจะสงบใจลงได้ และหยอกล้ออย่างไม่ระแวงสิ่งใด
เฉินหวั่นชิงได้ยินแบบนั้นแล้วคิ้วเรียวขมวดเป็นปม เปิดประตูรถและเข้าไปนั่ง พร้อมเอ่ยเสียงเย็น “ต่อหน้าคนนอกห้ามเรียกฉันว่าเมีย ฉันไม่อยากให้คนนอกรู้ความสัมพันธ์ของเรา”
เย่เทียนหัวเราะอย่างหยอกล้อ “ไม่เรียกเธอว่าเมียแล้วจะให้เรียกเธอว่าอะไร ยังไงซะพวกเราก็เป็นสามีภรรยากันจริงๆนี่!”
“ยังไงก็ห้ามเรียกฉันแบบนี้ นายอย่าลืมข้อตกลงระหว่างเราสิ มิฉะนั้น…..”
เฉินหวั่นชิงจนปัญหากับเย่เทียนจริงๆ จึงต้องยกไม้ตายออกมา
เย่เทียนยอมหงอตามคาด ความสัมพันธ์ที่ตอนนี้ได้นั่งรถคันเดียวกันก็ถือว่าดีมากแล้ว อย่าฝืนจะดีกว่า “ก็ได้ งั้นหลังจากนี้ต่อหน้าคนอื่นฉันจะเรียกเธอว่า “ประธานเฉิน” พวกเมียสุดที่รักนั้นเราเรียกกันแบบส่วนตัว แบบนี้ได้มั้ย?”
เฉินหวั่นชิงกัดริมฝีปากล่างอิ่มเอิบ สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรกลับไป “ไปสโมสรจุนเหา”
“ได้เลย!”
เย่เทียนหัวเราะร่า สตาร์ทรถและพุ่งไปที่ถนน
……
สโมสรจุนเหา ภายในห้องส่วนตัวหรูหรา
คนที่มาที่นี่ได้ล้วนแต่เป็นคนที่มีหน้ามีตาในเจียงหนันทั้งนั้น
ขณะนี้คนที่นั่งอยู่บนที่นั่งประธานคือชายวัยกลางคนตัวอ้วนหูใหญ่
“ประธานหวง เราจะเอาค่าโฆษณาห้าสิบล้านจากบริษัทแซ่เฉินจริงหรอครับ?”
ลูกน้องข้างๆเอ่ยถามชายอ้วน
“เฮอะ ฉันแค่อยากให้บทเรียนกับเฉินหวั่นชิงเท่านั้น ถึงยังไงบริษัทสื่อวัฒนธรรมแสงดาวของเราก็เป็นบริษัทโฆษณาอันดับหนึ่งของเจียงหนัน! อย่าว่าแต่ห้าสิบล้านเลย ต่อให้เป็นร้อยล้านเธอก็ต้องให้! ”
ชายอ้วนที่ถูกเรียกว่าประธานหวงหัวเราะเย็นๆ เขาสวมชุดสูทเข้ารูป แต่ร่างกายอ้วนเผละและใบหน้าหื่นกามของเขายากจะปกปิดบุคลิกสับปลับของเขา
คนคนนี้ก็คือประธานบริษัทสื่อวัฒนธรรมแสงดาว บริษัทชั้นนำของอุตสาหกรรมโฆษณาในเจียงหนัน หวงเย่าโจว!
ขณะเดียวกันเขายังเป็นผู้กำกับอีกด้วย โด่งดังเรื่องหื่นกามในวงการบันเทิง
เนื่องจากเขามีทรัพย์สินมั่งคั่ง และยังกุมอำนาจใหญ่ในบริษัท จึงไม่รู้ว่าทำลายเด็กผู้หญิงไปกี่คนแล้วบ้าง
เรื่องพวกนี้ คนสนิทของเขารู้กันดี!
และเมื่อลูกน้องคนนั้นได้ยินแบบนี้ มุมปากกระตกุเป็นรอยยิ้มที่ผู้ชายเท่านั้นถึงจะเข้าใจ พร้อมเอ่ยขึ้น “ประธานหวงครับ ท่านคงหมายตาเฉินหวั่นชิงไว้ใช่มั้ยครับ ให้ผมพูดก็จริงแหละ เฉินหวั่นชิงคนนั้นหน้าตาสวยจริงๆ ดูดีกว่านางแบบในบริษัทเราเสียอีกนะครับ”
“เฮ้อ ใช้หน้าตาหากินได้แท้ๆทำไมต้องไปเที่ยวตรากตรำหาเงินด้วยล่ะ?”
หวงเย่าโจวได้ยินแล้วหัวเราะร่วน “เสี่ยวปิน แกนี่รู้จักฉันดีจริงๆ!”
“ฮ่าๆ ประธานหวงครับ พอดีเลยในมือผมมียาแมลงหวี่ที่เอามาจากแอฟริกาใต้ ขอแค่เฉินหวั่นชิงกล้ามา รับรองว่าประธานหวงบรรลเป้าหมายแน่นอนครับ!”
พูดไปเขาก็หยิบขวดเล็กๆขวดหนึ่งออกจากกระเป๋า
หวงเย่าโจวตาเป็นประกาย ชมไม่หยุดปาก “เสี่ยวปิน แกทำได้ดีมาก ฉันเห็นแกทำงานดีมาตลอด แกไม่ทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ!”
“เพราะประธานหวงสั่งสอนมาดีครับ”
เสี่ยวปินรีบประจบสอพลอ
ในระหว่างที่คุยกันอยู่ ประตูขนาดใหญ่ของห้องส่วนตัวถูกผลักออก คนในนั้นหันมาดูก็เห็นว่าเป็นเฉินหวั่นชิงและเย่ทเทียนที่ค่อยๆเดินเข้ามาจากข้างนอก