เมื่อเฉินหวั่นชิงปรากฏตัว ก็ดึงดูดสายตาของทุกคนในที่นี้ไว้ได้ทันที
เฉินหวั่นชิงหน้าตาสวย ถูกขนานนามว่าเทพีน้ำแข็งในแวดวงไฮโซของเจียงหนัน บวกกับมีทรัพย์สินไม่น้อย ควบคุมบริษัทแซ่เฉินยักษ์ใหญ่ไว้ในมือ เป็นประธานที่อายุน้อยที่สุด
หญิงแกร่งที่ทั้งสวยและมีความสามารถแบบนี้ ไปที่ไหนก็กลายเป็นจุดสนใจ
เพียงแต่วันนี้สายตาที่มองเฉินหวั่นชิงภายในห้องส่วนตัวนี้เห็นได้ชัดว่าเกินขอบเขต
เพราะประธานของพวกเขาพูดแล้วว่าวันนี้จะพิชิตเฉินหวั่นชิงให้ได้ ไม่บีบบังคับให้เธอสมยอมก็จะมอมยาเธอ
อีกไม่นานประธานคนสวยผู้สูงส่งก็จะกลายเป็นของเล่นที่ใครก็เป็นผัวได้ แต่ละคนจะยังมีความยำเกรงเหลืออยู่ได้ยังไง
ส่วนเย่เทียนถูกทุกคนเมิน ต่างเห็นเขาเป็นเพียงลูกน้องที่ไม่สำคัญอะไร
“ประธานเฉินอุตส่าห์ยอมมานี่จนที่นี่มีชีวิตชีวาขึ้นเยอะนะครับเนี่ย”
หวงเย่าโจวยืนขึ้น ถือไวน์แก้วหนึ่งเดินเข้าไปทักทาย สายตาฉายแววคิดไม่ซื่อนั้นกวาดไปทั่วตัวเฉินหวั่นชิง
เฉินหวั่นชิงไม่ชินกับสายตาที่แสดงความรู้สึกโท่งๆแบบนี้ของเขาเท่าไหร่ คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อย แต่ใบหน้ายังรักษาความสงบไว้ได้อยู่
ถึงยังไงเธอก็มีสินค้าใหม่ตัวหนึ่งกำลังจะวางขาย จะตีตลาดให้ได้ยังต้องหวังพึ่งหวงเย่าโจวตรงหน้าคนนี้อยู่
เนื่องจากบริษัทสื่อวัฒนธรรมแสงดาวเป็นมือวางอันดับหนึ่งของวงการโฆษณา คิดจะทำโฆษณาก็ต้องผ่านเขานี่แหละ
แม้กระทั่งโครงการของรัฐบางโครงการยังต้องผ่านบริษัทสื่อวัฒนธรรมแสงดาว กำลังของเขานั้นยิ่งใหญ่จนยากจะจินตนาการถึง
“สวัสดีค่ะประธานหวง”
เฉินหวั่นชิงตอบตามมารยาทอย่างห่างเหิน
“เหอะๆ ประธานเฉิน เชิญนั่งครับ พวกเราต้องนั่งคุยกันหน่อย”
หวงเย่าโจวยิ้มแย้มทักทาย พอคิดว่าจะได้ผู้หญิงที่งดงามขนาดนี้มาครองและจับกดอยู่ข้างใต้ ใจเขาก็ตื่นเต้นสุดๆ
“ไม่ล่ะค่ะประธานหวง วันนี้ที่มาเพราะต้องการคุยเรื่องค่าโฆษณากับคุณค่ะ”
เฉินหวั่นชิงไม่อยากข้องแวะกับเขามากเกินไป ที่จริงถ้าไม่ใช่เพราะหวงเย่าโจวเจาะจงมาว่าจะคุยกับเธอเท่านั้น เธอไม่จำเป็นต้องมานี่ด้วยตัวเองเลย
“เรื่องค่าโฆษณาตกลงกันไปนานแล้วไม่ใช่หรอครับ?”
หวงเย่าโจวตั้งใจหาเรื่องเฉินหวั่นชิง จึงแกล้งทำเป็นไขสือ
ใบหน้าของเฉินหวั่นชิงยังคงรักษารอยยิ้มไว้ “ตกลงกันไปแล้วจริงค่ะ แต่ดูเหมือนค่าโฆษณาจะสูงไปหน่อย สูงกว่าราคากลางในวงการถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ ประธานหวงคะ คุณพอจะ…..”
“สูงกว่าสามสิบเปอร์เซ็นต์ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรอครับ? ใครไม่รู้บ้างว่าบริษัทสื่อวัฒนธรรมแสงดาวของเรานั้นเป็นอันดับหนึ่งในวงการ ราคานี้ที่ให้คุณไปเป็นราคาเพื่อนแล้วนะครับ”
เฉินหวั่นชิงได้ยินดังนั้นก็มีแววตาประหลาดใจขึ้นมา
เธอรู้ดีว่าหวงเย่าโจวคนนี้เป็นคนยังไง เคยได้ยินจากคนในวงการอยู่บ้าง
แต่ท่ามกลางสายตามากมาย เธอไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะกล้าทำอะไรโดยไม่สนใจ จึงไม่คิดอะไรมากและรับแก้วไวน์มา
“ถ้าฉันดื่มไวน์แก้วนี้ ประธานหวงก็จะพิจารณาค่าโฆษณาใหม่ใช่มั้ยคะ?”
“เหอะๆ ขอแค่ประธานเฉินดื่มไวน์แก้วนี้ ทุกอย่างเราคุยกันได้หมด”
มุมปากของหวงเย่าโจวกระตุกรอยยิ้มที่แผนสำเร็จและคิดในใจว่า ถ้าหล่อนดื่มไวน์แก้วนี้เข้าไปเราก็ต้องเปลี่ยนไปคุยกันบนเตียงแล้ว
เฉินหวั่นชิงสูดหายใจลึก รู้สึกได้ด้วยสัญชาตญาณว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล แต่คิดไปคิดมาสุดท้ายก็ตั้งใจดื่มไวน์แก้วนี้เข้าไป
ในขณะที่เธอยกแก้วไวน์เตรียมเอาเข้าปาก ก็มีแขนอันแข็งแรงข้างหนึ่งเข้ามาห้ามไว้
ทุกคนหันไปมอง ก็พบว่าเย่เทียนได้เดินเข้ามา
เฉินหวั่นชิงก็มองเย่เทียนอย่างแปลกใจ ไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องห้ามตัวเองด้วย
เย่เทียนหัวเราะเบาๆและเอ่ยอย่างอ่อนโยน “ประธานเฉินครับ ช่วงนี้คุณเป็นช่วงนั้นของเดือนไมใช่หรอครับ คุณลืมแล้วหรอว่าดื่มไวน์ไม่ได้ ผมดื่มแทนดีกว่านะครับ”
พูดจบ เย่เทียนไม่รอให้เฉินหวั่นชิงพูดอะไรก็แย่งแก้วไวน์มาไว้ในมือ
หวงเย่าโจวขมวดคิ้วเป็นปม พอได้ยินจากเย่เทียนว่าเฉินหวั่นชิงเป็นช่วงนั้นของเดือนก็พลันหงุดหงิดใจ
“ประธานเฉิน นี่หรอความจริงใจของคุณ? แค่ไวน์แก้วเดียวยังไม่ยอมดื่ม ผมว่าคุณไม่ค่อยให้ใจผมเท่าไหร่นะครับ พวกเราค่อยคุยกันวันอื่นดีกว่า”
หวงเย่าโจวงมงายนิดหน่อย เขาเชื่อว่าการมีอะไรกับผู้หญิงมีประจำเดือนนั้นอัปมงคล แม้จะเสียดายแต่ก็ไม่กล้าไปเสี่ยงกับความหายนะนี้
พูดจบเขาก็หันหลังจะเดินออกไป
เฉินหวั่นชิงร้อนใจขึ้นมาทันที ไอ้นี่พูดเหลวไหลอะไร ฉันเป็นช่วงนั้นของเดือนตั้งแต่เมื่อไหร่?
แต่ไม่รอให้เธอได้พูดอะไรอีก เย่เทียนก็เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ประธานหวงใช่มั้ยครับ ไม่ใช่ว่าประธานเฉินของเราไม่ยอมดื่ม แค่รู้สึกว่าไวน์แก้วนี้เย็นไปหน่อย ผมว่าแก้วในมือประธานหวงใช้ได้ สลับกันมั้ยครับ?”
เย่เทียนรีบเดินเข้าไป
สายตาของหวงเย่าโจวฉายแววแตกตื่น หรือว่าไอ้หนุ่มนี่มองออก
แต่พอไตร่ตรองแล้วเขาคิดว่าเป็นไปไม่ได้ จึงพูดอย่างโอหัง “ไวน์เหมือนๆกัน ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องสลับ ฉันว่าประธานเฉินของแกนี่ไม่จริงใจเอาซะเลย”
“แล้วก็แก แกคิดว่าแกเป็นใคร ที่นี่แกไม่มีสิทธิ์พูด ไสหัวออกไปซะ”
พูดไปพูดมา เขาก็ด่าเย่เทียนไปด้วย
ถึงแม้เฉินหวั่นชิงไม่รู้ว่าทำไมเย่เทียนถึงต้องทำแบบนี้ แต่เห็นท่าทางร้อนตัวของหวงเย่าโจวแล้ว สัญชาตญาณบอกเธอว่าไวน์แก้วนี้มีปัญหา
แตไม่รอให้เธอได้เอ่ยปาก หวงเย่าโจวก็หัวเราะเย็นๆพลางกล่าว “ประธานเฉิน ที่วันนี้ผมยอมพบคุณจริงๆก็ถือว่าไว้หน้าคุณมากแล้วนะครับ น่าเสียดายที่คุณไม่รู้จักรักษา แถมยังเอาพวกขยะมารับหน้าอีก”
“ต้องบอกเลยว่าผมโกรธมากและผิดหวังมาก!”
“ส่วนเรื่องค่าโฆษณา ผมให้ได้เท่านี้ ไม่จำเป็นต้องคุยกันอีก”
“แน่นอนว่าถ้าคืนนี้ประธานเฉินยอมเสียสละตัวเองมาอยู่กับผมสักคืน นอกจากผมจะไม่เก็บค่าโฆษณาสักแดงแล้ว หลังจากนี้ขอแค่ประธานเฉินต้องการ ผมจะทำโฆษณาให้คุณฟรีเลยเป็นไงครับ”
พูดมาจนสุด หวงเย่าโจวถึงกับยอมแหกหน้ากันไปเลย และหัวเราะอย่างโรคจิต
“คุณ…..”
เฉินหวั่นชิงตะลึงกับความหน้าไม่อายของอีกฝ่าย โมโหขึ้นมา
“ประธานเฉิน ไม่ต้องโมโหไปครับ ไม่จำเป็นต้องอารมณ์เสียเพราะเศษสวะแบบนี้”
เย่เทียนรีบเข้าไปปลอบประโลมเฉินหวั่นชิง ก่อนจะหันมามองหวงเย่าโจวด้วยรอยยิ้มกว้าง “ประธานหวง เมื่อกี้คุณว่ายังไงนะครับ ผมได้ยินไม่ค่อยชัด คุณพูดอีกรอบได้มั้ยครับ?”
“พูดอีกรอบ มึงหูหนวกหรือไงวะ? แต่ในเมื่อมึงอยากฟัง กูก็จะพูดอีกรอบ”
หวงเย่าโจวไม่เห็นเย่เทียนอยู่ในสายตาเลยสักนิด ลูกน้องด้านข้างก็พากันหัวเราะเยาะ เห็นได้ชัดว่ารอดูเรื่องสนุกๆอยู่
“ขอแค่ประธานเฉินยอมอยู่เป็นเพื่อนผมสักคืน ทุกอย่างเราคุยกันได้”
“ไม่อย่างนั้น ผมรับประกันว่าทั้งเจียงหนันไม่มีใครกล้ารับงานโฆษณาจากคุณ คุณจะไม่ยอมก็ได้ ผมมีเป็นร้อยวิธีที่จะทำให้ชื่อเสียงบริษัทแซ่เฉินของคุณป่นปี้….โอ๊ย…..”
เพียะ!
เขากำลังพูดอย่างออกรส จู่ๆก็โดนตบหน้าฉาดใหญ่อย่างแรง ประโยคที่กำลังจะพูดกลายเป็นเสียงโหยหวน