โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.362 – การกลายพันธุ์ที่แปลกประหลาด

 

“กระทั่งนายพลหูเหลียง … ”กล่าวได้ครึ่งประโยค เฉินเซี่ยงก็ไม่อาจเอ่ยคำต่อไป

 

ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าหูเหลียงตายแล้ว

 

ฉินเฟิงกล่าว “ก่อนหน้านี้ในสามเฉิง ผมเคยเห็นร่างทดลองมนุษย์กลายพันธุ์มาบ้างเหมือนกัน”

 

ในยุคต่อจากนี้ ร่างมนุษย์กลายพันธุ์ปรากฏตัวขึ้นบ่อยครั้ง ผู้คนมากมายต่างได้พบเจอกับพวกมันจนชินตา

 

พอลองมองย้อนกลับไป ในอีก 10 ปีต่อจากนี้ มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นมากมายจริงๆ ทว่าหลังจากฉินเฟิงได้เกิดใหม่ นี่คือช่วงเวลาปีแรก ดังนั้นร่างมนุษย์ทดลองไม่ได้มีจำนวนมาก หรือเป็นที่รู้จักกันเป็นวงกว้าง

 

“นายใช้คำว่าบ้าง แสดงว่าแค่ไม่กี่คน งั้นก็ไม่ใช่ทั้งเมืองแบบนี้สิ ตอนนี้ทุกคนกลายเป็นมนุษย์ทดลองไปหมดแล้ว!”

 

ฉินเฟิงวิเคราะห์ “บางทีนี่อาจจะเป็นการแพร่เชื้อเป็นวงกว้าง อย่างเช่นในอากาศ”

 

จู่ๆเฉินเซี่ยงก็รู้สึกว่าคำพูดของฉินเฟิงมีเหตุผล เขายกมือขึ้นปิดจมูกทันที

 

“บางคนสามารถกลายพันธุ์ได้สำเร็จ บางคนรูปลักษณ์เปลี่ยนไปทว่าทรงพลังหลังจากกลายพันธุ์ บางคนก็ไม่สามารถฝืนรับพลังงานไหว ร่างกายเกิดการระเบิดออก”

 

ในกรณีที่สองก็เหมือนกับผู้ใช้พลังเลเวล D ห้องข้างๆฉินเฟิง

 

กรณีที่สามก็หูเหลียง

 

ทั้งสองแบบต่างไม่อาจกักเก็บพลังงานเอาไว้ในร่างกายได้ เลยต้องปลดปล่อยมันออกมาภายนอก แต่ไม่คาดคิดเลยว่าพลังงานของหูเหลียงจะมหาศาลถึงขนาดนี้ มันจะน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว

 

“ตอนนี้เรามาเริ่มหาสาเหตุกันดีกว่า ก่อนหน้านี้ผมกำลังฝึกยุทธ สมาธิจมอยู่กับมันเลยไม่รู้เรื่องราว แต่คุณอยู่กับเกาลี่ใช่ไหม ก่อนเกิดเรื่องมีอะไรแปลกๆเกินขึ้นรึเปล่า” ฉินเฟิงถาม

 

เฉินเซี่ยงทำท่าทีขบคิด “ฉันกับเกาลี่กำลังนั่งดื่มกันอยู่ นายบอกว่าอาจมีเชื้อแพร่ทางอากาศใช่ไหม แต่ตอนนั้นฉันไม่ได้กลิ่นอะไรแปลกๆเลยนา”

 

ฉินเฟิงถอนหายใจ คงยากหากคิดหาต้นตอในคราวนี้ ดังนั้นไปหาหานน่วนก่อนดีกว่า

 

ครืนนนน!

 

เสียงกระหึ่มดังลอยมา ณ จุดที่ห่างไกลออกไป สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่อีกตัวปรากฏขึ้น

 

–เป็นคชสารมังกร!

 

เวลานี้คชสารมังกรกำลังอาละวาดทำลายอย่างบ้าคลั่ง

 

ระหว่างทาง ฉินเฟิงได้พบกับร่างทดลองมนุษย์กลายพันธุ์อยู่หลายคน พอลองสังเกตดู พบว่าความแข็งแกร่งของทุกคนเกือบจะอยู่ในระดับราชันย์สัตว์ร้าย

 

บางทีการกลายพันธุ์ของหูเหลียงก็อาจเป็นราชันย์สัตว์ร้ายเช่นกัน แต่ระหว่างกระบวนการเขาไม่สามารถรองรับพลังของมันได้ ตัวระเบิดแตกไปเสียก่อน

 

คชสารมังกรตัวนี้เองก็ดูทรงพลังมากเช่นกัน แต่รูปลักษณ์ของมันไม่มีส่วนไหนบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของมนุษย์ก่อนกลายพันธุ์เลย มันเสียสติ โจมตีสะเปะสะปะอย่างไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง

 

ฉินเฟิงไม่ต้องการไปวุ่นวายกับมัน เร่งก้าวต่อไปข้างหน้า

 

เฉินเซี่ยงกับไป๋หลีเร่งฝีเท้าตาม

 

หลังหลีกเลี่ยงสิ่งมีชีวิตตัวใหญ่โตนี้ และแล้วก็มาถึงที่ซ่อนของหานน่วนได้อย่างรวดเร็ว

 

“หานน่วน!”  ฉินเฟิงส่งเสียงผ่านพลังสมาธิ กวาดไปยังตำแหน่งของหานน่วนอย่างรวดเร็ว

 

แต่แล้วเขาก็ต้องแปลกใจ เพราะมีแค่คนเดียวเท่านั้นที่อยู่ข้างกายเธอ

 

“มิสเตอร์ฉิน!” หานน่วนออกมาจากบ้านที่พังทลาย โดยมีชายอีกคนติดตามอยู่เบื้องหลัง

 

ชายคนที่ว่าสะพายหอกไว้เบื้องหลัง ใบหน้าท่าทีดูสง่างาม –เป็นหยางเหมาแห่งตระกูลหยาง!

 

“สวัสดีมิสเตอร์ฉิน”

 

“ยินดีที่ได้พบคุณ”

 

ฉินเฟิงยื่นมือเชคแฮนด์อีกฝ่าย

 

ก่อนจะหันไปมองหานน่วนและเอ่ยถาม “แล้วตระกูลโหวกับตระกูลตี๋เล่า?”

 

“ไปหาหยานฟางแล้ว” หานน่วนตอบ

 

ฉินเฟิงร้องอ้อ เรื่องนี้เขาพอเข้าใจได้ มันก็เหมือนกับเขาที่ไม่ไว้ใจหยานฟาง พวกตระกูลโหวกับตระกูลตี๋เองก็ไม่ไว้ใจฉินเฟิงเช่นกัน

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว คนจากสองตระกูลเคยมีข้อบาดหมางกับฉินเฟิงมาก่อน สถานการณ์ของชาตงในปัจจุบันอยู่ในภาวะวิกฤต การเจรจาเลยต้องยุติลง แต่หากจะให้พวกเขาร่วมมือกับฉินเฟิง เห็นได้ชัดว่าทั้งสองไม่ยินยอม

 

ตรงกันข้ามกับหยางเหมา เขาไม่รังเกียจที่จะร่วมทางกับฉินเฟิง

 

“ช่างเถอะ ไม่มีภาระอย่างพวกเขามันก็ดีเหมือนกัน พวกเราไปกันเถอะ”

 

ฉินเฟิงกล่าวพลางเรียกเมฆครามออกมา ทั้งหกคนขึ้นไปบนมัน ฉินเฟิงสตาร์ทเครื่อง โยกคันเร่งทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า

 

ด้วยระบบสแกน ทำให้สามารถมองเห็นสถานการณ์โดยรวมของเมืองชาตงได้ในพริบตา

 

จำนวนผู้รอดชีวิต มีอยู่ไม่ถึง 1,000 คน

 

และยิ่งเมื่อตกอยู่ท่ามกลางมุนษย์กลายพันธุ์ระดับนายพลสัตว์ร้ายเลเวล D 1,000 คนที่ว่านี้ น่ากลัวจะไม่สามารถรักษาชีวิตตนเอาไว้ได้

 

ฉินเฟิงไม่มีความคิดจะช่วยเหลือพวกเขา สถานการณ์ในปัจจุบันที่เขาต้องทำก็คือ หลบหนีออกไปจากสถานที่อันตรายโดยเร็ว

 

แต่ไม่ช้า ฉินเฟิงก็ค้นพบถึงความผิดปกติ

 

“ทั่วทั้งปราการชาตงถูกปิดตาย!”

 

เบื้องหน้าฉินเฟิง เป็นแสงสีเงินที่กำลังส่องประกาย

 

–มิติปิดล้อม!

 

สิ่งที่เรียกว่ามิติปิดล้อม ต่อให้ฉินเฟิงขับเมฆครามบินเข้าชน ฮอลศึกก็จะถูกส่งกลับมาโดยรูนมิติอยู่ดี มิหนำซ้ำ อาจถึงขั้นถูกทำลายโดยมิติ แหลกเป็นชิ้นๆเลยก็ได้!

 

ฉินเฟิงตั้งลำเมฆคราม และยิงปืนใหญ่พลังงานออกไปทันใด

 

ตูม!

 

ปืนใหญ่พลังงานเปล่งแสงสว่างวาบ แต่พอมันกระทบเข้ากับกำแพงมิติ ก็หายวับไปในทันที ราวกับถูกพลังงานตัดออกระหว่างทาง

 

ฉินเฟิงตระหนักดี ว่าสถานที่แห่งนี้ได้หลุดมายังมิติอื่นเสียแล้ว ดังนั้นการโจมตีเมื่อครู่ สำหรับมิติปิดกั้นเช่นนี้ มันไม่ได้ผล

 

“อยากให้ฉันลงมือไหม?” ไป๋หลีที่แยกตัวจากทุกๆคน มานั่งอยู่ในห้องคนขับข้างฉินเฟิง เอ่ยปากถาม

 

ฉินเฟิงขมวดคิ้ว กล่าวออกไป “ช่วยออกไปดูให้หน่อย ว่ามีใครอยู่ข้างนอก”

 

“รับทราบ” ไป๋หลีพยักหน้า หายวับไปจากเมฆครามทันที

 

และในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที สาวเจ้าก็กลับมา

 

“มี 11 คนอยู่ข้างนอก หนึ่งในนั้นเป็นเลเวล C แข็งแกร่งพอๆกับซงจินควง ส่วนที่เหลืออีก 10 คนเป็นเลเวล D”

 

พวกเลเวล D ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่เลเวล C เนี่ยสิ

 

ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่ปราการชาตง มีเลเวล C นิยมแวะมาเยี่ยมเยือน?

 

ครั้งก่อนซงจินควงมาเพราะหมายจะสังหารฉินเฟิง แต่การที่เลเวล C อีกคนมาในครั้งนี้ ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าไม่ใช่ด้วยเรื่องธรรมดา

 

ฉินเฟิงขบคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง การที่พวกมันไม่ได้เข้ามา ดูเหมือนว่าน่าจะกำลังเฝ้ารอการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างอยู่ ดังนั้น ฉินเฟิงเองก็อยากจะเห็นเหมือนกัน ว่าพวกมันกำลังคิดทำเรื่องชั่วช้าอะไร

 

ทุกท่านกำลังสงสัยว่าจะรั้งอยู่ทำบ้าอะไร ไม่หนีไปให้จบๆใช่หรือไม่? อ้าว ก็ตอนนี้สถานการณ์มันเลวร้ายสุดๆแล้ว คงไม่มีเลวร้ายไปกว่านี้แล้วล่ะ

 

ฉินเฟิงลดระดับเมฆคราม ร่อนลงจอดบนพื้นทราย

 

“เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะทีนี้?” เฉินเซี่ยงเอ่ยถาม

 

หยางเหมาขมวดคิ้ว และกล่าว “สัญญาณสื่อสารถูกรบกวน ไม่สามารถติดต่อภายนอกได้”

 

เดิมทีหยางเหมาคิดติดต่อไปยังตระกูลของเขา

 

“นี่ไม่ใช่แค่สัญญาณถูกรบกวน แต่มิติเองก็ถูกปิดกั้น ไม่รู้ว่าศัตรูคือใคร แต่นี่ต้องเป็นแผนสมคบคิดแน่ๆ และคราวนี้ คงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ” ฉินเฟิงกล่าวเสียงทุ้มหนัก “แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม อันดับแรก พวกเราควรหาที่ซ่อนกันก่อน เพื่อรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

 

ศูนย์กลางปราการชาตงถูกทำลายลง แต่ในตำแหน่งขอบกำแพงเมือง ยังพอมีสิ่งปลูกสร้างหลงเหลืออยู่บ้าง และความผันผวนของแรงระเบิดก็ไม่น่าจะกระทบลงไปถึงชั้นล่างๆในตึกขอบกำแพง ฉินเฟิงจึงออกค้นหาห้องใต้ดินหลบภัยในชาตง

 

ทั้งหกเข้าไปพักผ่อนกัน

 

“ไม่คิดฝันเลยแฮะ ว่าด้วยความแข็งแกร่งระดับฉัน ยังต้องมาหลบภัยที่นี่” หยางเหมาหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้

 

อันที่จริงไม่ใช่แค่เขาหรอก คนอื่นๆก็คงคิดเหมือนกัน

 

คงมีเพียงหานน่วนในฐานะเลเวล E คนเดียวเท่านั้นที่คิดว่าการมุดลงมาหลบซ่อนใต้ดินไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร

 

“มิสเตอร์ฉิน ฉันมีปัญหาบางอย่าง แต่ไม่รู้ว่าสมควรจะพูดดีรึเปล่า” หานน่วนตื่นตระหนกเล็กน้อย

 

“อะไรล่ะ?” ฉินเฟิงหันไปมองเธอ

 

“ฉันคิดว่า บางทีฉันก็อาจจะกลายพันธุ์เช่นกัน!” หานน่วนไม่รู้จะอธิบายต่ออย่างไร เธอตัดสินใจเงยหน้าขึ้น ทันใดนั้นเหนือศีรษะที่ว่างเปล่า จู่ๆก็ปรากฏวัตถุพลังงานบางอย่างขึ้น

 

–เป็นนกนางแอ่นที่มีขนสีดำสนิท!

 

“นั่นมันนางแอ่นประกายสายฟ้า!” เฉินเซี่ยงรู้จักสัตว์ร้ายตัวนี้

 

ฉินเฟิงเพ่งสมาธิสำรวจหานน่วน

 

“ความแข็งแกร่งของคุณ เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม 3 เท่า”

 

หานน่วนพยักหน้า และกล่าว “ใช่ เมื่อไหร่ที่ฉันเรียกนกนางแอ่นตัวนี้มา ความว่องไวจะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก วิสัยทัศน์ก็เหมือนกัน ฉันรู้สึกกระทั่งว่า … ”

 

หานน่วนไม่มั่นใจว่าการกลายพันธุ์นี้ เป็นเรื่องที่ดีหรือร้าย

 

“ว่าฉันอาจมีพลังวรยุทธโบราณ และสามารถควบคุมอบิลิตตี้สายฟ้าได้!”

 

หานน่วนยกมือขึ้น ปรากฏกระแสไฟฟ้าตามมา

 

มันคืออบิลิตี้สายฟ้าจริงๆ!

 

เมื่อดำเนินมาถึงจุดนี้ ต้องบอกว่าฉินเฟิงตกใจจริงๆแล้ว!

 

ทันใดนั้นความทรงจำในอดีตคล้ายวาบผ่านเข้ามา เป็นช่วงเวลาที่เขาได้พบกับหลิงหวูยี่ครั้งแรก คำพูดของอีกฝ่ายสะท้อนในจิตใจของเขา