ตอนที่ 126 นั่นคือ จาง หงต้า ใช่ไหม

ระบบอัจฉริยะที่ไม่มีใครเสมอเหมือน

ทัศนคติของเสี่ยวหลัวนั่นมั่นคงเป็นอย่างมาก สวี่ กว่างซ่ง ไม่สามารถโน้มน้าวให้เขาถอนฟ้อง เฉิน เจียนไป่ ได้เลย หลังจากที่ทั้งคู่แยกจากกันที่ห้องทำงานด้วยความคิดที่ไม่ลงรอยกัน สิ่งนี้มันทำให้เสี่ยวหลัวหันความสนใจของเขาไปที่ สวี่ กว่างซ่ง เป็นครั้งแรก สวี่ กว่างซ่ง เขาจะเป็นสายลับของ Taste Buds หรือเปล่านะ?

แน่นอนว่ามันไม่มีหลักฐานอะไร แต่เขาก็ยังคงรู้สึกสงสัยอยู่!

สองวันต่อมา พวกเขาก็ได้รับข่าวร้าย

หนึ่งในลูกค้าประจำของพวกเขา ซึ่งก็คือบริษัท ที่สั่งขนมไหว้พระจันทร์ไว้สำหรับพนักงานในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ในทุกๆปี ได้ประกาศว่าพวกเขาจะไม่ซื้อสินค้าจาก บริษัท หลัวฝาง อีกต่อไป

ข่าวดังกล่าวมันเป็นราวกับฟ้าร้องฟ้าผ่าในยามที่ท้องฟ้าแจ่มใส เห็นได้ชัดว่าข่าวนี้มันส่งผลกระทบต่อ บริษัท หลัวฝาง เป็นอย่างมาก

ฟู้ดคอร์ท กรุ๊ป เป็นหนึ่งใน 500 โรงงานแปรรูปชั้นนำของโลก ในเมืองเจียงเฉิงเพียงแห่งเดียวมันก็มีพนักงานกว่า 230,000 คนเข้าไปแล้ว พวกเขามีโรงงานอยู่ทั่วประเทศทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก รวมไปถึงโรงงานในต่างประเทศอีก พวกเขามีจำนวนพนักงานรวมกันมากกว่า 1 ล้านคน แม้ว่า หลัวฝาง จะได้รับคำสั่งซื้อขนมไหว้พระจันทร์มาจากโรงงานในเมืองเจียง และโรงงานของ ฟู้ดคอร์ท กรุ๊ป ในอีกสองเมือง แต่มันก็มียอดสั่งซื้อทั้งหมดสูงมากถึง 8 ล้านชิ้น

ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากลุ่มของ ฟู้ดคอร์ท เป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของ บริษัท หลัวฝาง อย่างแน่นอน!

เมื่อพวกเขาได้ยินข่าวร้ายนี้หัวหน้าแผนกต่างๆของ บริษัท หลัวฝาง ก็เหมือนกับมดที่ตกลงไปในกระทะร้อน พวกเขามารวมตัวกันที่ห้องทำงานของเสี่ยวหลัว กันจนห้องทำงานขนาดใหญ่นั้นรู้สึกอึดอัดขึ้นมา

“ประธานเสี่ยว โปรดรีบคิดหาวิธีบางอย่างด้วยเถอะ หากเราสูญเสียกลุ่ม ฟู้ดคอร์ท ไป บริษัท หลัวฝาง ของเราก็คงจะ…”

“ทำไมพวกเขา ถึงได้ประกาศยกเลิกคำสั่งซื้อขนมไหว้พระจันทร์ของเรา? ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี”

“บริษัท หลัวฝาง ของเราจะต้องปิดตัวลงจริงๆงั้นเหรอ?”

เหล่าหัวหน้าแผนกต่างๆ ต่างพากันพูดคุยกันในเรื่องนี้อย่างกังวลใจในห้องทำงานของเสี่ยวหลัว พวกเขาไม่ใช่พนักงานธรรมดา พวกเขาต่างก็เป็นทหารผ่านศึกที่ทำงานให้กับบริษัท มาด้วยความยากลำบาก ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงมีความรู้สึกลึกๆ ต่อหลัวฝาง และไม่อยากให้มันปิดตัวลงไป ..

“ทุกคนเงียบเสียงลงก่อน!” ลั่วฉี หัวหน้าแผนกการวิจัยและพัฒนาตะโกนขึ้นมา

เธอเป็นหัวหน้าแผนกเพียงคนเดียวที่ไม่ได้แต่งกายอย่างเป็นทางการระหว่างที่ทำงาน ความรับผิดชอบของเธอคือการวิจัยและพัฒนา และพวกนี้มันก็ต้องการความคิดสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจเป็นอย่างมาก เธอเชื่อว่าการสวมใส่ชุดเครื่องแบบทางการมันจะทำให้แรงบันดาลใจของเธอลดลง

ในวันนี้เธอแต่งตัวในเสื้อยืดสีเหลืองที่สดใส พร้อมกับสวมกางเกงยีนส์ที่ฉีกขาด และสวมรองเท้าผ้าใบที่มีสีเขียวอ่อน ผมสีดำของเธอยาวไปจนถึงไหล่ ตรงปลายผมของเธอมีกิ๊บปลาดาวสีน้ำเงินที่มีรูปร่างน่ารักติดเอาไว้อยู่ เธอมีใบหน้าที่สดใสและดูอ่อนเยาว์ ที่ช่องระหว่างคิ้วของเธอมีความขี้เล่นซุกซ่อนอยู่

หลังจากที่ได้ยินเสียงตะโกนของ ลั่นฉี ทั้งห้องก็เงียบเสียงลงอย่างรวดเร็ว พวกเขาหันหน้าไปมองที่เสี่ยวหลัว ที่นั่งจับคางด้วยมือซ้ายเหมือนกับกำลังคิดอะไรอยู่

“ในที่สุด ก็เงียบเสียงลงสักที” เสี่ยวหลัวลุกขึ้นยืนพร้อมกับสูดลมหายใจยาวๆ “เนื่องจากพวกคุณเงียบเสียงลงแล้ว ฉันก็จะขอพูดอะไรบางอย่าง พวกเราได้เซ็นสัญญากับ ฟู้ดคอร์ท กรุ๊ป ไปแล้ว แล้วการลงโทษของการยกเลิกสัญญาพวกเขาจะต้องชดเชยเงินให้เราเป็นเงินเท่าไหร่?”

“เงินชดเชยสำหรับการผิดสัญญาคือ 10 ล้านหยวน ค่ะท่านประธานเสี่ยว”

หลี่ จื่อเมิ่ง ก้าวเดินไปข้างหน้า เธอเป็นคนที่มีส่วนร่วมในการลงนามในสัญญาของ ฟู้ดคอร์ท กรุ๊ป และเธอก็ตระหนักถึงความตั้งใจของเสี่ยวหลัวได้เป็นอย่างดี เธอขวมดคิ้วพร้อมกับพูดออกมาอย่างเชื่องช้าว่า“แต่สัญญาของเราจะหมดอายุลง ในวันเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วงปีนี้”

“สัญญากำลังจะหมดอายุงั้นเหรอ?” เสี่ยวหลัว ขมวดคิ้ว

หลี่ จื่อเมิ่ง ลดหัวลงอย่างรู้สึกผิด และพูดตอบว่า“ใช่แล้วค่ะ และฉันก็เป็นผู้รับผิดชอบของสัญญานี้ เดิมทีฉันวางแผนที่จะต่อสัญญาหลังจากที่เราส่งมอบของในสต็อกนี้ แต่ฉันไม่เคยคิดเลยว่า กลุ่มของ ฟู้ดคอร์ท จะ …”

“คุณหลี่ ฉันแค่อยากจะรู้ว่าทำไมคำสั่งซื้อที่สำคัญของกลุ่ม ฟู้ดคอร์ท ไม่ได้ถูกร่างขึ้นก่อนที่สัญญาฉบับเก่าจะหมดอายุ” น้ำเสียงของเสี่ยวหลัวนั้นเย็นชาเป็นอย่างมาก

หลี่ จื่อเมิ่ง ก้มหัวลงอีกครั้ง: ” … มันเป็นความประมาทของฉันเอง… ”

เสียงของเธอเบาราวกับแมลงวัน เธอไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งต่างๆมันจะออกมาเป็นเช่นนี้ เมื่อไม่กี่วันก่อน จาง หงต้า ที่เป็นประธานของโรงงาน ฟู้ดคอร์ท ในเจียงเฉิง เขารับรองกับเธอเป็นการส่วนตัวว่าจะเซ็นสัญญาต่ออายุในวันเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง ใครบ้างจะที่รู้ว่าสิ่งต่างๆจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วงเวลาสั้นๆเช่นนี้?

“ประธานเสี่ยว ผมคิดว่าตอนนี้ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปตำหนิคุณหลี่ ความสำคัญสูงสุดของเราในตอนนี้ก็คือการดึงกลุ่ม ฟู้ดคอร์ท กลับมา” สวี่ กว่างซ่ง พูดออกมาด้วยความหวาดหวั่น

ลั่วฉี ก็พูดเสริมว่า“เขาพูดถูกแล้วประธานเสี่ยว คุณจื่อเมิ่ง เธอคงจะคิดไม่ถึงว่ากลุ่ม ฟู้ดคอร์ท จะหักหลังพวกเราเช่นนี้ พวกเขาช่าง…เป็นพวกที่ไร้ศิลธรรมจริงๆ”

เสี่ยวหลัวสงบสติลงเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าการเป็นประธานของ บริษัท หลัวฝาง นั้นเป็นหนทางที่ช่างยาวไกลจริงๆ

“ติดต่อกับประธานของ ฟู้ดคอร์ท กรุ๊ป ฉันต้องการพบกับเขาด้วยตัวเอง นอกจากนี้ขอรายชื่อลูกค้าของ Taste Buds มาให้ฉันด้วย ฉันต้องการรายการทั้งหมดมาวางบนโต๊ะทำงานของฉันในบ่ายวันนี้!”

Taste Buds มันแย่งลูกค้าของพวกเขาไปอีกครั้ง แค่คิดถึงเรื่องนี้มันก็ทำให้เสี่ยวหลัวรู้สึกโกรธแล้ว เขาต้องการที่จะต่อสู้กับ Taste Buds อย่างสุดกำลัง เขาไม่เพียงแต่ต้องการนำกลุ่ม ฟู้ดคอร์ท กลับคืน แต่เขายังต้องการแย่งลูกค้าทั้งหมดมาจาก Taste Buds อีกด้วย

เมื่อเขาคิดถึงสิ่งเหล่านี้ความโลภก็ปรากฏขึ้นในแววตาของเสี่ยวหลัว พร้อมกับความโกรธแค้น ตอนนี้ดวงตาของเขามันเหมือนกับดวงตาของหมาป่าอย่างไรอย่างนั้น!

หัวหน้าแผนกต่างๆอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเทา พวกเขาไม่เคยเห็นดวงตาที่ก้าวร้าวเช่นนี้มาก่อน เลย และนอกจากนี้ความก้าวร้าวนี้มันดูเหมือนจะแพร่กระจายออกมาจากตัวของเสี่ยวหลัว ไปยังร่างกายของพวกเขา พวกเขากำกำปั้นของพวกเขาอย่างเงียบงัน มันมีเมื่อความมุ่งมั่นปรากฏในดวงตาของพวกเขา

……

เวลาประมาณ 10:00 น. เสี่ยวหลัว ลั่วฉี และ สวี่ กว่างซ่ง ก็ขับรถไปที่สนามกอล์ฟหมิงไท่ จุดประสงค์ของการมาที่นี่ก็คือเพื่อมาพบกับ จาง หงต้า ที่เป็นประธานของ ฟู้ดคอร์ท กรุ๊ป

“ในฐานะที่เขาเป็นหนึ่งในผู้ลงทุนของสนามกอล์ฟแห่งนี้ คุณจาง เขาจะมาที่นี่เพื่อเล่นกอล์ฟสองสามรอบเกือบทุกวัน” สวี่ กว่างซ่ง อธิบาย

ลั่วฉี เยาะเย้ยและพูดว่า“ทำไมคุณถึงชวนเขามาประชุม ณ สถานที่ เช่นนี้? คุณต้องการให้ประธานเสี่ยวของเรา เล่นกอล์ฟกับเขาด้วยหรือเปล่า?”

เสี่ยวหลัวหัวเราะและพูดว่า“มันเป็นความจริงใจของเขาแล้วที่สัญญาว่าจะพบฉัน และฉันก็มาที่นี่เพื่อพบเขา”

ถึงตอนนี้เสี่ยวหลัวเขาก็สงบสติอารมณ์ของเขาลงอย่างสมบูรณ์แล้ว เขาไม่สามารถพูดคุยธุรกิจขณะที่เขากำลังโกรธอยู่ได้ใช่ไหมหละ?

“ท่านประธาน พูดถูกแล้ว!” ลั่วฉี หัวเราะ

“จริงจังหน่อยสิ” สวี่ กว่างซ่ง พูดตำหนิเธอในทันทีด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด

ลั่วฉี แลบลิ้นสีชมพูน้อยๆของเธอออกมา

เมื่อพวกเขามาถึงสนามกอล์ฟ พนักงานคนหนึ่งก็พาพวกเขาไปที่สนามไดร์ฟกอล์ฟ เมื่อมองจากที่ไกลๆ พวกเขาสามารถเห็นชายวัยกลางคนที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวและสวมแว่นตากันแดดสีดำพร้อมกับมีหัวที่แวววับสะท้อนกับแสงแดด เขานั่งอยู่ใต้ร่มพร้อมกับจิบชาของเขาอย่างสบายๆ และเมื่อมองไปที่ด้านข้างของเขา มันก็มีบอดี้การ์ดสวมชุดสีดำยืนอยู่สองคน และก็ผู้ช่วยของเขา นอกจากนี้มันยังมีผู้หญิงสองคนที่มีรูปร่างนาฬิกาทรายเหมือนกับนางแบบกำลังนวดไหล่และขาของเขาอย่างขยันขันแข็งอยู่

“นั่นคือ ประธานจาง งั้นเหรอ? เขารู้วิธีสนุกกับชีวิตจริงๆ !” ลั่วฉี ถามอย่างสงสัย

“ปากของเธอพูดให้มันน้อยลงหน่อย อย่าทำให้เราพลาดโอกาสที่จะพูดคุยกับเขา” สวี่ กว่างซ่ง พูดออกมาอย่างไม่พอใจ

นี่คือการกระทำที่ไม่สุภาพและล้ำเส้นมาก หาก จาง หงต้า ได้ยินเรื่องนี้ ความประทับใจของเขาที่มีต่อทั้งสามคนนั้นจะแย่ลงมาก และมันก็คงจะไม่มีการพูดคุยกันอย่างแน่นอน

ใครมันจะไปคิดว่า หลังจากที่เขาตำหนิ ลั่วฉี ไปแล้ว เสี่ยวหลัว จะถามขึ้นมาอีกครั้งว่า“นั่นคือ จาง หงต้า ใช่ไหม”

สู๊ด…

สวี่ กว่างซ่ง สูดลมหายใจเข้าไปอย่างแรงและอ้าปากค้าง ประธานเสี่ยวเรียกชื่อของประธานจาง ตรงๆเลย? ประธานเสี่ยวเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่? เขายังต้องการที่จะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของธุรกิจอยู่อีกไหม?