“หัวหน้าใหญ่ คุณช่างเป็นคนที่ตลกจริงๆ!” ลั่วฉี มองไปที่ เสี่ยวหลัว อย่างชื่นชมและหัวเราะคิกคักออกมา
เสี่ยวหลัวไม่ได้โต้ตอบอะไรเธอกลับไป เขาขมวดคิ้วพร้อมกับเดินไปหา จาง หงต้า
“สวัสดียามเช้า ประธานจาง”
สวี่ กว่างซ่ง แสดงรอยยิ้มที่อบอุ่นออกมา เมื่อเขาทักทาย จาง หงต้า“ขอโทษที่ทำให้ประธานจาง รอนาน มันเป็นเพราะมีจราจรติดขัดอยู่เล็กน้อย”
แม้ว่า จาง หงต้า จะเข้าสู่วัยกลางคนแล้ว แต่บรรยากาศที่น่าเกรงขามของมันก็ปรากฏอยู่ตรงกลางระหว่างคิ้วของเขา เขาไม่ได้ถอดแว่นกันแดดของเขาออก ดังนั้นมันจึงไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าในตอนนี้อารมณ์ของเขานั้นมันเป็นแบบไหนกันแน่ แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ยิ้ม ดังนั้นบางทีเขาอาจจะไม่สนใจอะไรพวกเขาเลยก็ได้
เขาหันหน้าไปมอง สวี่ กว่างซ่ง และตอบอย่างแผ่วเบาว่า “พวกคุณมากันแล้วสินะ”
“ใช่แล้วครับประธานจาง! พวกเรามาหาประธานจาง ตามที่ได้นัดหมายเอาไว้”
รอยยิ้มบนใบหน้าของ สวี่ กว่างซ่ง นั้นกว้างมากขึ้น จากนั้นเขาก็แนะนำเสี่ยวหลัวให้กับ จาง หงต้า “นี่คือประธานเสี่ยวหลัว ประธานคนปัจจุบันของ บริษัท หลัวฝาง”
“สวัสดีครับ ประธานจาง!”
เสี่ยวหลัวยิ้มขณะที่เขายื่นมือออกไปหา จาง หงต้า
อย่างไรก็ตาม จาง หงต้า ไม่ได้เอื้อมมือออกมาจับมือของเสี่ยวหลัวตอบ เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะจับมือกับ เสี่ยวหลัว หลังจากชำเลืองมองไปที่เสี่ยวหลัว เขาก็เบนสายตาไปที่สนามกีฬาขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าของเขา และทิ้งให้มือของเสี่ยวหลัวยื่นค้างไว้อยู่อย่างนั้น จากนั้นเขาก็พูดขึ้นมาว่า: “ฉันได้ยินมาว่า พวกคุณได้เปลี่ยนประธานคนใหม่ใน หลัวฝาง แต่ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะอายุน้อยเช่นนี้ ด้วยประสบการณ์อันน้อยนิดของเขา มันไม่น่าแปลกใจเลยที่ว่า หลัวฝาง จะตกต่ำลงเช่นนี้”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขาแล้ว ลั่วฉี ก็รู้สึกไม่พอใจในทันที“ประธานของเราต้องการจับมือกับคุณ แต่คุณกลับไม่แม้แต่จะยกมือของคุณขึ้นมา แต่คุณกลับยังมาพูดจาดูถูกประธานของเราอีก คุณช่างเป็นคนที่หยาบคายมาก”
“ลั่วฉี ท่านประธานกำลังพูดอยู่ในตอนนี้ อย่าพึ่งขัดจังหวะ” สวี่ กว่างซ่ง กล่าว ตำหนิ
“แต่เขาทำตัวหยาบคายมาก!” ลั่วฉี โต้แย้ง เธอนำกับมือของเธอเท้าสะเอว
สวี่ กว่างซ่ง กล่าวตำหนิ ” ตอนนี้เรากำลังพุดคุยเรื่องธุรกิจกันอยู่ คำสั่งซื้อของประธานจาง เพียงอย่างเดียว มันก็สามารถตัดสินชะตากรรมของ บริษัท หลัวฝาง ของเราได้แล้ว และเราก็ต้องการความช่วยเหลือจากเขา ดังนั้นตอนนี้วางทัศนคติของคุณลงไปก่อน!”
ก่อนที่พวกเขาจะมาที่นี่ เขาได้แนะนำเสี่ยวหลัวว่าไม่ให้นำ ลั่วฉี มาด้วย แม้ว่าเธอจะเป็นหัวหน้าแผนก แต่พฤติกรรมของเธอก็ยังมีนิสัยราวกับเด็กๆ เธอไม่รู้ว่าจะควบคุมตัวเองอย่างไรและไม่รู้จักสังเกตคำพูดและการแสดงออกของผู้คน ถ้าเธอยั่วยุ จาง หงต้า มันก็จะทำให้เรื่องวุ่นวายมากขึ้นอย่างแน่นอน
ลั่วฉี มองไปที่ เสี่ยวหลัว หลังจากได้รับสัญญาณจากดวงตาของ เสี่ยวหลัว เธอจึงกลับไปสงบเงียบเหมือนเดิม
“สาวน้อย ดูสิ่งที่เธอทำในตอนนี้สิ เธอควรเรียนรู้จากประธานเสี่ยวของเธอในด้านนี้ มิฉะนั้นมันจะทำให้เธอเสียเปรียบในสถานการณ์เช่นนี้!” จาง หงต้า เหยียดนิ้วมือออกมา ขณะที่เขาพูดสอนเธอด้วยน้ำเสียงของคนที่มีประสบการณ์มากกว่า แม้ว่ามันจะพูดด้วยรอยยิ้ม แต่มันก็มีความรู้สึกรังเกียจอยู่ข้างใน
“มันจะไม่มีสถานการณ์ที่เสียเปรียบอะไร ถ้าฉันยังคงเป็นเจ้านายของเธออยู่!” เสี่ยวหลัวดึงมือของเขากลับ แล้วพูดออกมา
แต่ด้วยคำพูดที่ตรงไปตรงมาของเขา มันไม่ได้ไว้หน้า จาง หงต้า เลยแม้แต่น้อย จากนั้นเขาก็เปลี่ยนหัวข้อแล้วพูดว่า“มาคุยเรื่องธุรกิจกันเถอะ ประธานจาง คุณสั่งขนมไหว้พระจันทร์จากเราเสมอ มาเป็นเวลาสามปีแล้ว ทำไมคุณถึงตัดสินใจที่จะไม่สั่งขนมไหว้พระจันทร์จากเราในปีนี้ คุณให้เหตุผลกับฉันหน่อยได้ไหม?”
“เหตุผล?”
จาง หงต้า เผยรอยยิ้มที่เย็นชาออกมา “สัญญาของเราหมดอายุแล้ว ทำไมฉันจึงไม่สามารถเลือกคู่ค้าคนอื่นได้ เมื่อฉันเลือกคู่ค้ารายอื่น ฉันต้องขอคำอนุมัติจากคุณด้วยงั้นเหรอ”
“แน่นอนว่าไม่ คุณไม่ต้องขอคำอนุมัติจากเรา มันเป็นเพียงแต่ว่าทั้งสอง บริษัท ร่วมมือกันมาเป็นเวลากว่าสามปีแล้ว ฉันจึงคิดว่าเรามีน่าจะมีความผูกพันกันอยู่บ้างเล็กน้อย เมื่อคุณบอกว่าจะไม่สั่งขนมไหว้พระจันทร์จากเราอีกต่อไป มันเป็นการยากที่จะหลีกเลี่ยงความสงสัยจากบริษัทอื่น แม้ว่าการทำธุรกิจจะเป็นเหมือนกับสงความ ที่ไม่มีมิตรแท้ หรือศัตรูที่ถาวร มันมีแต่เพียงได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน คุณไม่กลัวว่าเรื่องนี้มันจะทำให้ชื่อเสียงของคุณเสื่อมเสียงั้นเหรอ เมื่อคุณได้ละทิ้งหุ้นส่วนทางธุรกิจเก่าของคุณไปเช่นนี้ เมื่อบริษัทอื่นๆ รู้เรื่องนี้ พวกเขาก็คงจะต้องพิจารณาถึงเรื่องต่างๆมากมายก่อนที่จะร่วมมือกับ กลุ่ม ฟู้ดคอร์ท กรุ๊ป ในอนาคตอย่างแน่นอน หรือไม่จริง?” เสี่ยวหลัว กล่าว
จาง หงต้า เหลือบมองไปที่เขาแล้วเผยรอยยิ้มที่เยือกเย็นออกมา “แน่นอนว่าฉันได้ทำงานกับ บริษัท หลัวฝาง มาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ฉันรู้จักเพียงแค่ ฝาง ฉงหมิง แต่สำหรับคุณฉันไม่เคยได้ยินชื่อของคุณมาก่อน และฉันก็ไม่ทราบถึงความสามารถของคุณ สำหรับฉันคุณเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้า คุณคิดว่าฉันควรจะสั่งซื้อของราคา แปดล้าน จากคนแปลกหน้างั้นเหรอ? ฉันไม่สามารถนำความเสี่ยงเช่นนี้มาเดิมพันได้”
“เหตุผลที่ฉันมาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อมาทำให้ประธานจาง ทำความรู้จักกับฉัน ฉันหวังว่าคุณจะลองพิจารณาใหม่ดูอีกครั้ง และสั่งซื้อสินค้าจาก บริษัทของเรา”
“ไม่จำเป็นต้องมีการพิจารณาใหม่ ฉันได้พูดคุยกับ ประธานฝาง ของ Taste Buds ไปแล้ว และตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปกลุ่ม ฟู้ดคอร์ท จะร่วมมือกับ Taste Buds เท่านั้น” จาง หงต้า กล่าวอย่างชัดเจน
ทันทีที่คำพูดของเขาจบลง มันก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมาจากทางเข้า
เมื่อพวกเขาหันไปมองยังต้นเสียง มันก็มีชายวัยกลางคนที่ใส่ชุดสูท และสวมแว่นตาสีทอง เดินเข้ามาทางพวกเขา พร้อมกับบุหรี่ที่อยู่ในมือ เขาเดินมาพร้อมกับผู้ชายหลายคนที่ดูเหมือนว่าจะบอดี้การ์ดของเขา เส้นผมของเขาไม่มีอยู่ตรงหน้าผากเลย ดังนั้นมันจึงเผยให้เห็นหน้าผากของเขาทั้งหมด ผมของเขาถูกย้อมอย่างเห็นได้ชัด มันดำมากจนมันเงาวับ ที่ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยไขมัน
เมื่อเห็นชายคนนั้น จาง หงต้า ก็ลุกขึ้นยืนในทันที เขาถอดแว่นกันแดดของเขาออกมา และกล่าวต้อนรับเขาอย่างอบอุ่น: “พี่ฝาง ในที่สุดคุณมาถึง ฉันรอคุณมานานแล้ว”
พวกเขาจับมือกัน“เหล่าจาง ฉันขอโทษจริงๆ ประเทศของเรามีความเจริญรุ่งเรืองมาก ตอนนี้ทุกครัวเรือนมีคนที่เป็นเจ้าของรถยนต์กันหมด รถบนถนนมันคับคั่งจริงๆ ฉันขอโทษที่มาสายนะ”
“ไม่เป็นไร. ไม่เป็นไร. มานั่งดื่มชาหลงจิงกันเถอะ ” จาง หงต้า เทชาอย่างร่าเริง
เมื่อเทียบกับทัศนคติของเขาที่มีต่อเสี่ยวหลัวแล้ว มันเป็นความแตกต่างของสวรรค์และโลกอย่างแท้จริง
“คนคนนี้คือ ประธานของ Taste Buds” สวี่ กว่างซ่ง กระซิบที่ข้างหูของเสี่ยวหลัว
เสี่ยวหลัวรู้จักเขา ถึงแม้ สวี่ กว่างซ่ง จะไม่บอกเขาก็ตาม เราเพราะว่า จาง ซูซาน นั้นได้จัดเตรียมข้อมูลของของ ฝาง ฉงเหล่ ให้กับเขาพร้อมรูปภาพของเขาเอาไว้แล้ว
“โอ้? คุณสวี่ หนิ คุณไม่ได้เป็นรองประธาน ของบริษัท หลัวฝาง งั้นเหรอ ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
ในความเป็นจริง ฝาง ฉงเหล่ เห็น เสี่ยวหลัว,สวี่ กว่างซ่ง และคนอื่นๆนานแล้ว แต่ตอนนี้เขากลับเงยหน้าขึ้นมาและแสร้งทำเป็นแปลกใจ
“พวกเขาต้องการให้ฉันกลับไป”
จาง หงต้า เทน้ำชาและมองไปที่พวกเขาด้วยสีหน้าที่น่ารังเกียจ“แต่ฉันจะไม่ทำงานกับ บริษัท ขยะที่มีปัญหาด้านความปลอดภัยของอาหารพวกนี้แล้ว มันเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์มากที่พวกเขามาหาฉันที่นี่”
บริษัท ขยะงั้นเหรอ?
ลั่วฉี ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป จาง หงต้า เป็นคนที่น่ารังเกียจมาก การพูดจาดูถูกเหยียดหยาม พวกเขาแบบนี้มันเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจมากเกินไป เมื่อเห็นว่า ฝาง ฉงเหล่ สามารถนั่งและดื่มน้ำชากับเขาได้ ความโกรธของเธอก็ปะทุขึ้นมาในทันที เธอตะโกนใส่ จาง หงต้า ด้วยความโกรธว่า“ แกหน่ะสิเป็นขยะ! ครอบครัวทั้งหมดของแกมันเป็นขยะ!”
บรรยากาศของพื้นที่ทั้งหมดลดลงอย่างรวดเร็วจนเกือบจะกลายเป็นจุดเยือกแข็ง ใบหน้าของ สวี่ กว่างซ่ง นั้นเปลี่ยนไปเป็นสีเขียวในทันที เขาคิดในใจว่า: มันจบแล้ว! มันจบแล้ว!
ฝาง ฉงเหล่ ตวาดออกมาอย่างเย็นชาว่า“หญิงสาวผู้มีการศึกษาต่ำคนนี้! เธอเป็นใคร! สั่งสอนเธอซะ!”
ชายร่างใหญ่คนหนึ่งที่สวมชุดสูท เมื่อได้ยินคำสั่ง เขาก็ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับใบหน้าที่เคร่งขรึม จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นสูง และตบลงไปที่ใบหน้าของ ลั่วฉี อย่างรุนแรงในทันที
ลั่วฉี รู้สึกกลัวจนใบหน้าของเธอขาวซีด เธอไม่เคยคิดเลยว่า คนเหล่านี้จะโจมตีผู้คน เมื่อพวกเขารู้สึกไม่ชอบหน้าใครแบบนี้
ในขณะที่มือขนาดใหญ่กำลังเข้ามาใกล้ใบหน้าของเธอ ทันใดนั้นเองมันก็มีมือหนึ่งเข้ามาหยุดมือใหญ่นั้นไว้ที่กลางอากาศ
ลั่วฉี เมื่อดูอย่างตั้งใจ เธอก็รู้สึกประหลาดใจ และตะโกนออกมาอย่างเบาๆว่า “หัวหน้าใหญ่!”
เสี่ยวหลัวจับไปที่ข้อมือของชายร่างใหญ่และจ้องเขม็งไปที่ ฝาง ฉงเหล่ อย่างเย็นชา พร้อมกับพูดว่า: “คนของฉัน ฉันสอนเองได้ มันไม่ใช่หน้าที่อะไรของประธานฝาง ที่จะต้องมาสั่งสอน!”
“โอ้?”
ฝาง ฉงเหล่ เหลือบมองไปที่ เสี่ยวหลัว อย่างซับซ้อน เขาโบกมือส่งสัญญาณให้กับชายร่างใหญ่ที่มีผิวสีดำให้ถอยออกไป จากนั้นเขาก็พูดด้วยใบหน้าที่ดูถูกเหยียดหยามว่า“ถ้าฉันคิดไม่ผิด คุณคงคือ เสี่ยวหลัว ที่เข้ามารับตำแหน่งประธาน ของบริษัท หลัวฝาง ต่อจาก ประธานชู สินะ ฉันได้ยินมาว่าสองเดือนที่แล้ว คุณยังเป็นพนักงานประจำของ ฮัวไห่ กรุ๊ป อยู่เลย คุณโชคดีมากที่ได้รับความโปรดปรานจาก ประธานชู และได้กลายมาเป็นประธานของ หลัวฝาง สำนวนที่ว่า ‘ขึ้นสู่สวรรค์ภายในค่ำคืนเดียว’ นั่งคงหมายถึงคนอย่างคุณอย่างแท้จริง”
ขณะที่พูด น้ำเสียงของ ฝาง ฉงเหล่ นั้นแฝงไปด้วยความดูถูกอย่างลึกซึ้ง“อย่างไรก็ตาม การขึ้นไปถึงสวรรค์ในคืนเดียว มันไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย ในทางกลับกันเมื่อคุณตกลงมา มันก็จะน่าสังเวชมาก!”