“คุณฝาง คุณกำลังอยู่บนพื้นดิน ถ้าฉันตกลงมาจากสวรรค์จริงๆ คุณก็คงจะต้องเป็นเบาะเนื้อของฉันแน่นอน จากนั้นกระดูกของเราทั้งคู่ก็จะแตกไปเป็นเสี่ยงๆ ฉันพูดถูกไหม?” เสี่ยวหลัว จ้องมองไปที่ ฝาง ฉงเหล่ ด้วยรอยยิ้ม

ทันใดนั้นรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของ ฝาง ฉงเหล่ ก็หายไป และใบหน้าของเขาก็กลายมาเป็นเคร่งขรึม: “มันไม่ดีเลยนะ ที่เด็กหนุ่มอย่าคุณจะหยิ่งเกินไป มิฉะนั้นคุณอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณตายได้อย่างไร”

เสี่ยวหลัวเยาะเย้ย: “ทุกคนจะต้องตายในไม่ช้าก็เร็ว แต่ฉันเชื่อว่าประธานฝาง จะต้องตายก่อนฉันอย่างแน่นอน เพราะประธานฟาง มีอายุมากแล้ว และเจ็บป่วยได้ง่าย ระวังตัวให้ดีหละคุณสามารถตายได้ทุกเวลา ”

“คุณ…”

ฝาง ฉงเหล่ เบิกตาของเขากว้างด้วยความโกรธ ขณะที่เขาจ้องมองไปที่ เสี่ยวหลัว อย่างโกรธแค้น

“ปัง!”

จาง หงต้า กระแทกโต๊ะและยืนขึ้นในทันที เขาจ้องมองไปที่เสี่ยวหลัวด้วยสายตาที่เหยียดหยาม พร้อมกับตะโกนว่า“ออกไปจากที่นี่ซะไอเด็กเปรต! ที่นี่ไม่ต้อนรับแก!”

สวี่ กว่างซ่ง ฟื้นคืนสติของเขากลับมา เขายิ้มอย่างกระอักกระอ่วนและก้าวไปข้างหน้าเพื่อทำหน้าที่เป็นสื่อกลาง “ใจเย็นๆก่อนะครับ ประธานจาง คุณก็เช่นกันประธานฝาง ในเมื่อประธานเสี่ยวเป็นฝ่ายผิด ดังนั้นฉันจะขอให้เขาขอโทษ โปรดอย่าเก็บเรื่องนี้มาใส่ใจเลย”

อารมณ์ของ จาง หงต้า เริ่มกลับมาเป็นปกติ เห็นได้ชัดว่าเขาสนใจคำขอโทษจากเสี่ยวหลัว

“ประธานเสี่ยวคุณกำลังทำอะไรอยู่ รีบไปขอโทษประธานจางและประธานฝางสิ” สวี่ กว่างซ่ง เชื่อมั่นอย่างสมบูรณ์ ว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อมาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของธุรกิจ และพวกเขาก็ต้องการความช่วยเหลือจาก จาง หงต้า ดังนั้นทำไมเสี่ยวหลัวจึงต้องเลือกที่จะต่อสู้ด้วยกับพวกเขาด้วย? มันเป็นเรื่องที่ไร้สาระมากที่จะทำเช่นนั้น

“สวี่ กว่างซ่ง, คุณยังเห็นไม่ชัดเจนอีกเหรอว่า ประธานจางสัญญาว่าจะพบเราเพียงเพราะว่าเขาต้องการทำให้เราขายหน้าต่อหน้าประธานฝาง อย่ามาพูดให้ฉันขอโทษ และถึงแม้ว่าฉันจะขอโทษเขาก็ไม่คิดที่จะต่ออายุสัญญากับเราอยู่ดี”เสี่ยวหลัวกล่าวอย่างเย็นชา เขาเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมาแล้ว ในสายตาของเขาไม่ว่าคนพวกนี้จะเป็นใคร แต่ในสายตาของเสี่ยวหลัวแล้วนั้น พวกมันก็เป็นเพียงแค่มดแมลงที่กำลังกระโดดโลดเต้นไปมาเท่านั้น

“ใช่แล้วหัวหน้าใหญ่พูดถูกแล้ว! ฉันสนับสนุนคำพูดของหัวหน้าใหญ่” ลั่วฉี สนับสนุนคำพูดของเสี่ยวหลัว

นี่ไม่ใช่การพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจแล้ว จาง หงต้า ไม่แยแสกับพวกเขาเลยตั้งแต่เริ่มต้น เมื่อ ฝาง ฉงเหล่ มาถึงเขาก็เรียก บริษัท หลัวฝาง ว่าเป็นขยะ แม้ว่า หลัวฝาง จะแย่เพียงใด แต่พวกเขาก็ควรจะมีศักดิ์ศรีและมีความภาคภูมิใจ

“ลั่วฉี คุณหุบปากของคุณไปเลย! แม้ว่าประธานเสี่ยวจะทำตัวไม่ดี แต่คุณจะต้องไปทำตัวไม่ดีตามเขาด้วยงั้นเหรอ?” สวี่ กว่างซ่ง ตวาดตำหนิ ลั่วฉี เสียงดัง

“สวี่ กว่างซ่ง คุณเป็นคนที่มีความสามารถ ทำไมคุณถึงยังทำงานให้กับ หลัวฝาง อยู่อีกหละ ดูสิ หลัวฝาง ในปัจจุบัน มันเต็มไปด้วยมือใหม่ที่ไม่มีความอดทนและไม่มีอนาคต คุณจะอยู่ใน หลัวฝาง อีกงั้นเหรอ ฉันคิดว่าคุณควรมาทำงานให้กับ taste buds ดีกว่านะ ฉันเชื่อว่า ประธานฝาง คงจะยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับคนที่มีคุณสมบัติและความสามารถเช่นคุณ ” จาง หงต้า พูดเชิญชวนลูกน้องของของเสี่ยวหลัว ให้ไปเข้าร่วมกับ บริษัทอื่น ต่อหน้าต่อตาเขา นี่แหละคือความอัปยศอดระดับสูงสุด

ฝาง ฉงเหล่ ยกคิ้วขึ้น“นั่นเป็นคำแนะนำที่ยอดเยี่ยมมาก ฉันชอบคนที่มีพรสวรรค์เป็นที่สุด หากคุณเต็มใจเข้าร่วมกับเรา คุณสวี่ ฉันจะให้คุณเป็นรองประธานของ Taste Bud ด้วยวิธีนี้ฉันสามารถหลบอยู่เบื้องหลังและใช้เวลาในวันหยุดยาวได้ แม้ว่าคุณจะเป็นเพียงรองประธาน แต่คุณก็ยังจะได้รับค่าตอบแทนมากกว่าสิ่งที่คุณได้รับใน บริษัท หลัวฝาง ในตอนนี้อย่างแน่นอน”

สวี่ กว่างซ่ง รู้สึกปลื้มใจมาก: “ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจ แต่ฉันมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อ หลัวฝาง มาก หลัวฝาง มันเหมือนกับครอบครัวของฉันครึ่งหนึ่ง ไม่ว่าครอบครัวของฉันจะยากจนหรือร่ำรวยมันก็ยังคงเป็นครอบครัวของฉัน ฉันไม่สามารถละทิ้งครอบครัวของฉันได้ ”

“เป็นอย่างนั้นเหรอ? ช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียดายจริงๆ!” ฝาง ฉงเหล่ ยกถ้วยชาของเขาขึ้นมาแล้วจิบมัน

เสี่ยวหลัวเริ่มปรบมือพร้อมกับมีรอยยิ้มจางๆปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา “ประธานฝาง ประธานจาง ชักชวนคนของฉันไปให้เข้าร่วมต่อหน้าต่อตาของฉัน ดูเหมือนว่าพวกคุณจะสนใจเขามาก”

“ประธานเสี่ยว ทำไมคุณถึงยังไม่ออกไปจากที่นี่อีก หรือว่าคุณต้องการให้ฉันเป็นคนเชิญคุณออกไปด้วยตัวเอง”

ในสายตาของเขาเสี่ยวหลัวนั้นไม่มีคุณสมบัติที่จะมาพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับธุรกิจเลยแม้แต่น้อย ในความคิดของเขา เสี่ยวหลัว คือเด็กทารกแรกเกิดที่ยังไม่ได้เรียนรู้วิธีที่จะเป็นเจ้านายคน เขาก็เป็นเหมือนกับเด็กน้อยที่สวมชุดสูทและเล่นเป็นเจ้าชายนั่นแหละ

“ประธานจาง ไม่ต้องรีบร้อน ฉันจะออกไปเมื่อฉันได้ข้อสรุปทางธุรกิจแล้ว” ใบหน้าของเสี่ยวหลัวยังคงมีรอยยิ้ม

“ธุรกิจของคุณ?”

จาง หงต้า หัวเราะเยาะ“ฉันแนะนำให้คุณยกเลิกความคิดของคุณไปจะดีกว่านะ อย่าแม้แต่จะคิดเรื่องคำสั่งซื้อใหม่ของ ฟู้ดคอร์ท กรุ๊ป เราจะไม่ให้เงินคุณสักแดงเดียว กับบริษัทขยะ เช่น หลัวฝาง ควรรีบปิดตัวลงได้แล้ว เพื่อไม่ให้ เจียงเฉิง เสื่อมเสีย!”

ไม่เพียงแต่ เสี่ยวหลัว เท่านั้นที่กำลังลุกเป็นไฟ แม้แต่ สวี่ กว่างซ่ง ก็รู้สึกอารมณ์ลุกเป็นไฟ เช่นกันเมื่อได้ยินคำพูดนี้

“เหล่าจาง คุณทำร้ายความรู้สึกของคนพวกนั้นไปแล้ว ดูคุณ สวี่ และเด็กผู้หญิงตัวเล็กนั้นคนนั้นสิ คุณทำให้พวกเขาโกรธแล้ว คุณช่วยไว้หน้าพวกเขาสักเล็กน้อยหน่อยได้ไหม ท้ายที่สุดแล้วพวกเขายังคงเป็นผู้บริหารของ บริษัท” ฝาง ฉงเหล่ คำพูดของเขาราวกับกำลังราดน้ำมันลงบนกองไฟ

มันไม่มีแม้แต่ความโกรธที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเสี่ยวหลัว เขานั่งลงด้วยตัวเองพร้อมกับหยิบกาน้ำชาขึ้นมาแล้วดื่มต่อหน้า จาง หงต้า และ ฝาง ฉงเหล่ เมื่อเขาดื่มเสร็จ เขาก็พูดกับ จาง หงต้า พร้อมกับรอยยิ้มว่า“ฉันเข้าใจคำพูดของ ประธานจาง ถูกไหม คุณกำลังบอกว่าคุณไม่อยากให้กลุ่มสุนัข ฟู้ดคอร์ท สั่งซื้อสินค้าจาก หลัวฝาง ใช่ไหม?”

จาง หงต้า ที่ตัวดำอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวหลัว หน้าของเขาก็ดำยิ่งขึ้นไปอีก เขาตอบกลับโดยไม่คิดว่า“แน่นอนอยู่แล้ว! ฉันจะไม่ให้คำสั่งซื้อใดๆกับคุณ และจะไม่ให้เงินกับคุณเลยสักแดงเดียว!”

“โอ้? ใช่เหรอ ในสายตาของประธานจาง ประธานฝาง ก็ยังเป็นสุนัขอยู่เสมอ” เสี่ยวหลัว พูดออกมาด้วยน้ำเสียงราวกับว่าเขารู้แจ้งอะไรบางอย่าง

“แกกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรออกมา? แกเชื่อไหมว่า ฉันจะทำให้แกคลานออกไปจากที่นี่” ฝาง ฉงเหล่ ตอบกลับด้วยความโกรธ

ในทำนองเดียวกัน จาง หงต้า ก็จ้องมองไปที่เสี่ยวหลัว ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำและซีดจางสลับกัน เขาไม่เคยพบใครที่ร้ายกาจเหมือนเสี่ยวหลัวมาก่อนเลย

“ประธานฝาง มันไม่ใช่ฉันที่เรียกคุณว่าสุนัข คุณจะมาเห่าใส่ฉันทำไม? เอาล่ะ พวกเรามานั่งลงและมาคุยกันดีๆกันดีกว่า ความน่าเชื่อถือเป็นบ่อเกิดของร่ำรวยใช่ไหมหละ สันติภาพมันก็เป็นสายสำพันธุ์ที่มั่งคั่งเช่นกัน!”

เสี่ยวหลัวยิ้มขณะที่เขารินน้ำชาให้กับ ฝาง ฉงเหล่ และ จาง หงต้า จากนั้นเขายกถ้วยน้ำชาขึ้นและพูดว่า“ประธานฟาง และ ประธานจาง โปรดรับชานี้เป็นคำขอโทษจากฉัน”

ชายทั้งสองคนจ้องมองไปที่เสี่ยวหลัวด้วยใบหน้าที่กระตุก พวกเขากำลังคิดว่า: ก่อนหน้านี้แกดื่ม น้ำชาโดยตรงจากกาน้ำชา แล้วใครมันจะไปอยากดื่มชาต่อจากแกหล่ะ!

“ความหมายของสิ่งนี้คืออะไร?” จาง หงต้า ถามด้วยใบหน้าที่ขึงขัง

“มันไม่มีความหมายอะไร แต่คุณรู้ไหมก่อนหน้านี้ที่คุณเรียก บริษัท ของฉันว่าขยะซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันทำให้ฉันค่อนข้างที่จะอารมณ์เสียนะ จากนิสัยแบบปกติของฉัน คุณควรจะไปลงเอยที่ห้องฉุกเฉินแล้ว”

“เหอะ! คุณคิดว่าคุณสามารถส่งฉันไปที่นั่นด้วยตัวคุณเองงั้นเหรอ?” จาง หงต้า ตอบด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ

“ใช่.”

เสี่ยวหลัวพยักหน้าอย่างจริงจัง ทันทีที่คำพูดของเขาจบลง ถ้วยน้ำชาที่อยู่ในมือของเขาก็ไม่สามารถรองรับแรงอันมหาศาลจากห้านิ้วของเขาได้ หลังจากนั้นเสียงของอะไรบางอย่างที่แตกหัก มันก็ดังขึ้นพร้อมกับถ้วยชาที่แตกออกไปเป็นเศษเล็กเศษน้อยและกระจายไปทั่วโต๊ะชา นำชาร้อนๆหยดแล้วหลดเล่าไหลลงผ่านปลายนิ้วมือทั้งห้าของเสี่ยวหลัวแล้วหยดลงไปที่โต๊ะ

การกระทำเล็กๆนี้ มันทำให้ จาง หงต้า และ ฝาง ฉงเหล่ ตกใจเป็นอย่างมาก พวกเขาทั้งคู่ลุกขึ้นยืนในทันที ที่รู้สึกได้ถึงภัยคุกคาม

การแสดงออกของบอดี้การ์ดที่อยู่รอบๆเริ่มแปลกไป นิ้วมือของเสี่ยวหลัวมันแข็งแกร่งมากขนาดไหนกัน เขาถึงบดถ้วยน้ำชาด้วยมือเปล่าได้!

ลั่วฉี มองไปที่ เสี่ยวหลัว ด้วยความชื่นชมอย่างล้นหลาม เธอรู้สึกว่าเจ้านายของเธอเป็นฮีโร่ตัวจริง

“คุณกำลังพยายามทำให้ฉันกลัวงั้นเหรอ” จาง หงต้า หลังจากที่สงบลงเขาก็ถามขึ้นมา

“ขอโทษด้วย ฉันไม่ได้ต้องการทำให้คุณกลัว แต่ฉันกำลังขู่คุณ อย่ามาแตะต้องเกล็ดย้อนของฉัน คุณอาจจะปฏิเสธที่จะเซ็นสัญญากับเรา แต่อย่ามาดูถูกเรา” รอยยิ้มอันอบอุ่นที่อยู่บนใบหน้าของเสี่ยวหลัวหายไป และถูกแทนที่ด้วยความเย็นชา ด้วยความเย็นชานี้ มันทำให้พวกเขาหนาวไปจนถึงกระดูก

มุมปาก จาง หงต้า กระตุก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกคุกคามโดยคนที่อายุน้อยกว่าเขา ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะระเบิดอารมณ์อะไรออกมา ขณะที่ถูกจ้องมองโดยเสี่ยวหลัว