ตอนที่ 365

The Divine Nine Dragon Cauldron

การยิงธนูอย่างต่อเนื่องหกสิบครั้งก่อให้เกิดเสียงธนูที่ทรงพลัง

 

เพียงแค่เสียงยังน่ากลัวถึงเพียงนี้ แล้วตัวศรธนูจะน่ากลัวเพียงใดกัน?

 

จิตใจของซือหยูสดใสและเป็นประกายผ่านสายธนู

 

ฟึ่บ–

 

ฟึ่บ–

 

เสียงทำลายล้างก้องนภาดังในระยะเวลาสั้นๆ

 

คลื่นที่เหลือทั้งหกสิบคลื่นถูกทำลายสิ้น

 

แค่อึดใจเดียว คลื่นทั้งหมดก็ถูกทำลาย!

 

หอชมจันทร์เงียบกริบ

 

ทุกคนจ้องซือหยูด้วยความหวาดกลัว

 

การโจมตีจากอำมฤตระดับสี่ถูกต่อต้านเอาไว้ได้!

 

เจ้าตำหนักหยินหยูแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่?

 

หลิวลี่สีหน้าหม่นหมอง เขาจ้องธนูสีเงินของซือหยูและมิอาจละสายตาไปได้

 

ซือหยูรับมือกับพลังของโจวเนี่ยนเฉินได้!

 

โจวเนี่ยนเฉินเบิกตากว้าง เขามิอาจเชื่อว่าการโจมตีที่เขาใช้ทุกอย่างที่มีจะเอาชนะเด็กในขอบเขตอำมฤตระดับสามไม่ได้!

 

ซือหยูยืนอยู่ที่เดิม เขาไม่ได้ขยับไปไหนเลย

 

สายลมพัดผ่านเสื้อผ้าและเส้นผมจนยุ่งเหยิง แต่ก็มิอาจทำให้ความใจเย็นของเขาลดลงไป

 

“ข้าต่อให้เจ้าสองกระบวนท่าแล้ว คราวนี้คงถึงทีของข้า ใช่หรือไม่?”

 

เสียงของซือหยูเบื่อหน่าย บอกไม่ได้ว่าเขาสุขหรือเศร้า และก็ไม่รู้ว่าเขาสบายใจหรือโกรธแค้น

 

ทุกคนต่างนึกขึ้นได้ว่าซือหยูไม่เคยเป็นคนเริ่มโจมตีก่อนเลย เขาเป็นฝ่ายป้องกันมาโดยตลอด

 

เป็นเช่นนั้นจนผ่านมาสองกระบวนท่า

 

แต่มันคือการต่อให้อีกฝ่ายสองกระบวนท่าโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว!

 

โจวเนี่ยนเฉินหยุดประมาทซือหยู เขาจ้องธนูของซือหยูและหวาดกลัวอย่างมาก

 

ธนูนั่นน่ากลัวเกินไป!

 

“ถึงเจ้าจะป้องกันได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะมีพลังสู้กับข้าได้!”

 

โจวเนี่ยนเฉินตะคอกอย่างเย็นชา พลังวิญญาณได้ก่อตัวรวมกับในร่างกลายเป็นคลื่นพลังป้องกันตัว

 

คลื่นกลืนกินกลับมาเป็นภาวะป้องกัน

 

“อย่างนั้นรึ?”

 

ซือหยูไม่สนใจ เขาดึงสายธนูและเล็งไปที่อกของโจวเนี่ยนเฉิน

 

ฟึ่บ–

 

เขายิงธนู!

 

ฟึ่บ–

 

เขายิงอีกครั้ง!

 

ฟึ่บ–

 

 

ซือหยูแสดงทักษะธนูอันน่าตกตะลึง

 

เขายิงสิบดอกในคราเดียว ปลายศรวิญญาณทุกดอกล้วนต่อกันท้ายศรก่อนหน้า ศรวิญญาณสิบดอกราวกับสายโซ่ไข่มุก! มันน่าประทับใจอย่างมาก!

 

ศรวิญญาณทั้งสิบเชื่อมต่อกันและตรงไปยังอกของโจวเนี่ยนเฉินอย่างสมบูรณ์แบบ

 

ฟึ่บ–

 

ศรวิญญาณดอกแรงถูกกลืนกินไปด้วยคลื่นกลืนกิน

 

แต่ชั้นพลังที่ป้องกันถูกก่อก่วน

 

แต่ก่อนที่คลื่นพลังจะสร้างขึ้นใหม่ ศรวิญญาณดอกที่สองก็พุ่งเข้ามาแทนที่

 

ฟึ่บ–

 

ศรวิญญาณทะลวงผ่านคลื่นกลืนกินไปหนึ่งนิ้ว

 

แต่ก่อนที่คลื่นจะเข้ามาปิดบังกาย ศรวิญญาณดอกที่สามก็พุ่งเข้ามา

 

ฟึ่บ–

 

ในครั้งนี้ คลื่นกลืนกินถูกทะลวงไปสามนิ้ว!

 

ฟึ่บ–

 

ห้านิ้ว!

 

ฟึ่บ–

 

 

ศรวิญญาณต่อเนื่องสิบดอกที่ตามตำแหน่งเดียวกันได้ทำลายการป้องกันขั้นสูงสุดของคลื่นกลืนกิน!

 

จนถึงดอกสุดท้าย…

 

ครืน—

 

ปั้ง—

 

พลังวิญญาณทะลวงการป้่องกันและซัดเข้าใส่อกของโจวเนี่ยนเฉิน

 

พลังอันแข็งแกร่งฉีกกระชากร่างของเขา

 

โจวเนี่ยนเฉินถอยไปเก้าครั้งและกระแทกเข้ากับรั้ว

 

โลหิตไหลรินจากมุมปาก

 

ทุกคนที่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่รู้จะเอาคำใดมาอธิบายในสิ่งที่พวกเขารู้สึก

 

ซือหยูได้รับชัยชนะ!

 

อำมฤตระดับสามต่อสู้กับอำมฤตระดับสี่และชนะได้จริงๆ!

 

ถ้าทุกคนไม่เห็นกับตาก็คงยากที่จะเชื่อว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาได้

 

ศรวิญญาณไม่ได้ทะลวงผ่านร่างของโจวเนี่ยนเฉิน แต่ทำให้เขาบาดเจ็บเล็กน้อย แต่นี่คือการประลอง…นั่นหมายถึงชัยชนะของซือหยู

 

เอี๊ยด—

 

แต่ซือหยูก็ไม่คิดจะหยุด เขาดึงสายธนูอีกครั้ง

 

โจวเนี่ยนเฉินใบหน้าเคร่งเครียด เขาทั้งอับอายและโกรธแค้น

 

“เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้างั้นรึ?”

 

พรึ่บ–

 

ในตอนนั้น มู่เทียนฟางบินเข้ามาขวางทั้งสอง

 

“งานเลี้ยงจันทร์กระจ่างมิใช่ที่ที่พวกเจ้าจะฆ่าแกงกัน”

 

ใบหน้ามู่เทียนฟางแสดงความเคารพ

 

ซือหยูลังเลก่อนจะเก็บธนูกลับไป

 

เพราะอย่างไรที่นี่ก็คือดินแดนของปราการวิหคเพลิง เขาต้องแสดงความเคารพอยู่บ้าง

 

โจวเนี่ยนเฉินรู้สึกอับอายกว่าที่จะอยู่ต่อ

 

“ฮื่ม หยินหยู อีกสามวันเราจะต้องประลองกันอีกครั้ง!”

 

ฟึ่บ–

 

โจวเนี่ยนเฉินหายลับขอบนภา

 

“มีใครอยากจะประลองอีกหรือไม่?”

 

มู่เทียนฟางยกผ้าเช็ดหน้าของเฟิงเซี่ยนขึ้นสูง

 

ทุกคนเงียบกริบ

 

เมื่อได้เห็นพลังของซือหยู ใครกันกล้าจะสร้างภัยพิบัติให้กับตัวเอง?

 

ซือหยูยืนมือไพล่หลังและจับจ้องไปที่หลิวลี่

 

“ข้าทำเจ้าผิดหวัง ข้าสร้างโอกาสให้เจ้าแสดงพลังไม่ได้ ถ้าเจ้าคิดว่ามันยังไม่พอเจ้าก็ออกมาประลองกับข้า เจ้าอาจจะมีโอกาสได้แสดงพลังอยู่บ้าง”

 

ก่อนจะสู้ หลิวลี่นั้นได้ถากถางและเชื่อว่าซือหยูจะต้องพ่ายแพ้ ดังนั้นเขาจึงขอให้ซือหยูต่อสู้จนถึงที่สุดเขาจะได้เอาเกียรติยศของอาณาจักรทมิฬกลับมาในภายหลัง

 

แต่ก็น่าเสียดายทีซือหยูมิได้พ่ายแพ้ เขากลับชนะ

 

หลิวลี่ไม่แยแส

 

“ข้าไม่สนใจในผ้าเช็ดหน้า และพลังของเจ้าก็แค่อยู่ในระดับมาตรฐาน ไม่คู่ควรที่เจ้าจะมาสู้กับข้า”

 

“ชนะโจวเนี่ยนเฉินไม่ใช่เรื่องใหญ่ เขาแพ้ข้าหลายต่อหลายครั้ง เจ้ายังไม่เหมาะที่จะสู้กับข้า”

 

หลิวลี่มั่นใจอย่างมาก แต่เขาก็พูดถูก โจวเนี่ยนเฉินนั้นพ่ายแพ้เขาหลายต่อหลายครั้ง!

 

ซือหยูหัวเราะ

 

“ถึงเรื่องจะมาถึงขั้นนี้เจ้าก็ยังอิ่มเอมใจอยู่ได้รึ? สำหรับเจ้า การเอาชนะโจวเนี่ยนเฉินนั่นหมายถึงเจ้าอยู่เหนือทุกคน แต่ข้าที่เอาชนะเขาได้กลับไม่ใช่ปัญหา โจวเนี่ยนเฉินที่เจ้าชนะกับโจวเนี่ยนเฉินที่ข้าชนะมันต่างกันยังไงรึ?”

 

หลิวลี่ยืนขึ้นช้าๆ

 

“เจ้าไม่เข้าใจขอบเขตของข้า”

 

“ไม่ใช่ปัญหา ถ้าประลองที่นี่ นั่นจะไม่ทำให้ตัดสินได้หรอกรึ? หรือว่าเจ้ากลัวจนไม่กล้าจะประลองกับข้า?”

 

ซือหยูพูดตอบ

 

หลิวลี่กลับไม่สนใจซือหยูจนทุกคนต้องประหลาดใจ เขาเรียกวิหคครามและกระโดดขึ้นหลังของมันบินเหนือนภา

 

เขาบินขึ้นสูงและส่ายหน้าเหยียดหยาม

 

“เจ้าไม่คู่ควรพอที่ข้าจะต่อสู้ด้วย!

 

ฟึ่บ–

 

เขาพูดจบและออกจากหอวิหคเพลิงอย่างรวดเร็ว

 

แม้เหล่าคนรอบข้างจะไม่พอใจในความหยาบคายของหลิวลี่ แต่ก็ไม่มีใครรู้สึกว่าเขากำลังหนี นั่นก็เพราะว่าหลิวลี่แข็งแกร่งจนเกินธรรมดา

 

ตามคำร่ำลือ โจวเนี่ยนเฉินนั้นยากที่จะทนได้แม้สามกระบวนท่าของหลิวลี่

 

ทั้งสองไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย

 

ซือหยูเข้าใจหลิวลี่ดี

 

มันไม่ใช่เพราะหลิวลี่ไม่อยากประลองเพราะซือหยูไม่คู่ควร เขาแค่ไม่คิดจะประลอง

 

ถ้าซือหยูยังคงเป็นคนที่มีพลังต่ำต้อยในจิตใจ เขาก็คงจะตำหนิซือหยูไปนานแล้ว เพราะเขาจะได้แสดงพลังอันล้นเหลือและน่าภูมิใจยิ่งกว่า

 

แต่เขาก็พบว่าซือหยูมีความชำนาญในวิชาธนูอย่างยิ่งและเป็นปัญหา เขาจึงไม่คิดจะเสียแรงและเสี่ยงที่จะบาดเจ็บก่อนงานชุมนุมวิหคเพลิง

 

เขาจึงจากไปอย่างหยิ่งผยอง

 

“ถ้าไม่มีใครอยากจะประลอง ผ้าเช็ดหน้านี้จะถูกมอบให้กับเจ้าตำหนักหยินหยู”

 

มู่เทียนฟางยิ้มและมอบผ้าเช็ดหน้าให้กับซือหยู นางพูดอย่างลึกลับ

 

“เจ้าควรจะเก็บผ้าเช็ดหน้านี้ไว้อย่างดี มันมีความหมายอื่นอยู่อีก”

 

เมื่อผ้าเช็ดหน้าถูกวางลงบนมือ เขาก็รู้สึกถึงความบริสุทธิ์ที่เกิดจากสตรีอันละเอียดอ่อน

 

ซือหยูราวกับได้เจอเซี่ยนเอ๋อที่โบกมือยิ้มให้เขาอีกครั้ง

 

พวกเขาแยกจากกันมาหนึ่งปี เซี่ยนเอ๋ออาจจะเติบโตขึ้น

 

ซือหยูเก็บผ้าเช็ดหน้าไว้อย่างระวัง เขากลับไปนั่งและพูดคุยแลกเปลี่ยนกับซงหลวนและคนอื่นๆ

 

“หยินหยู ระดับปัญญาของเจ้าสูงส่งจนน่าตกใจ!”

 

ซงหลวนกล่าวชมเชยซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

“ในความทรงจำของข้า ในยุคนี้ มีแค่เฟิงเซี่ยนเท่านั้นที่บรรลุฎีกาสวรรค์ระดับเทพ!”

 

“แต่ก็ดูเหมือนว่าฎีกาสวรรค์ของเจ้ามันขาดอะไรไป”

 

ซงหลวนครุ่นคิด

 

ซอืหยูตกใจ ฎีกาสวรรค์ของเขากำลังพบเจอกับสิ่งกีดขวาง

 

และแม้ว่าเขาจะบรรลุระดับเทพ เขาก็ยังรู้สึกว่ามันขาดอะไรบางอย่าง