ตอนที่ 366

The Divine Nine Dragon Cauldron

แต่ซงหลวนกลับรู้ได้ว่ามันคืออะไร!

 

“ได้โปรดชี้แนะข้าด้วยเถอะพี่ซงหลวน”

 

ซือหยูขอร้องอย่างจริงใจ

 

ซงหลวนโบกมือยิ้ม

 

“ข้าเลิกบ่มเพาะฎีกาสวรรค์ไปที่ระดับต่ำกว่าเจ้า ข้าคู่ควรที่จะชี้แนะเจ้ารึ? แต่ข้าเคยเห็นคนที่มีพลังขอบเขตอำมฤตระดับห้าใช้ฎีกาสวรรค์จึงเข้าใจในสิ่งนี้”

 

อำมฤตระดับห้าที่บ่มเพาะฎีกาสวรรค์จนถึงระดับเทพรึ? ซือหยูแอบประหลาดใจ หรือว่ายอดฝีมือผู้นั้นจะรู้ว่าฎีกาสวรรค์คือหนทางในการเป็นพระเจ้าเหมือนกับเขา?

 

“ฎีกาสวรรค์ของเจ้ามีภาพแบบธรรมชาติ แต่มันก็เจ้านั้น เจ้ามิได้เป็นสิ่งเดียวกับในสิ่งที่เจ้าเป็น”

 

ซือหยูตกอยู่ในภวังค์ สิ่งที่เป็นของตนงั้นรึ? เขานึกถึงการบ่มเพาะพลังและตระหนักได้ว่าฎีกาสวรรค์ของเขาคือการปรับตัวเองให้เข้ากับสิ่งรอบข้างและพลังจากธรรมชาติของน้ำแข็งและอัสนี เขาไม่เคยคิดถึงสิ่งที่เป็นของตัวเองเลย แต่เข้าต้องรวมมันเข้าด้วยกันหรอกรึ?

 

“ถ้าเจ้าอยากจะบรรลุพลัง เจ้าต้องไปยังคณะวิหคเพลิง”

 

ซงหลวนพูดต่อ

 

“ที่นั่นมีกระโจมลึกลับที่ชื่อว่ากระโจมหลงลืม เจ้าจะลืมทุกสิ่งที่เคยเรียนรู้มาได้จากการทำสมาธิที่นั่น ทำให้เจ้าเป็นหนึ่งเดียวกับสวรรค์ เจ้าจะใช้โอกาสนั้นเรียนรู้ได้ว่าฎีกาสวรรค์ของเจ้าบกพร่องในสิ่งใด”

 

กระโจมหลงลืมรึ? ซือหยูพยักหน้าตอบ

 

“ขอบคุณที่ซงหลวนที่ชี้แนะ”

 

ดวงจันทร์กระจ่างชัดในยามวิกาล เหล่ายอดฝีมือเริ่มเดินทางกลับ

 

“หยินหยู เจ้าอยู่ก่อน”

 

มู่เทียนฟางหยุดซือหยู

 

ซือหยูสับสนแต่ก็เห็นซงหลวนที่ยิ้มให้กับเขา

 

แม้แต่เจียงมู่เฟยก็หน้าแดง

 

ต่อมา เหลือแค่ซือหยูเท่านั้น

 

“ข้าจะพาเจ้าไปในที่แห่งหนึ่ง”

 

มู่เทียนฟางพูดเบาๆ

 

ซือหยูตกใจ

 

“ที่ใดกันรึ?”

 

มู่เทียนฟางยิ้ม

 

“คณะวิหคเพลิง!”

 

ซือหยูไม่เข้าใจ

 

“ข้าจะไปที่นั่นทำไมกัน?”

 

มู่เทียนฟางหน้าแดงระเรื่อ

 

“นั่นคือรางวัลของเจ้า! ผู้ชนะในงานเลี้ยงจันทร์กระจ่างคนก่อนๆก็ถูกปฏิบัติเช่นนี้ เจ้าไม่ต้องถามมาก เดี๋ยวเจ้าก็รู้เองเมื่อไปถึงที่นั่น ข้ารับประกันว่ามันจะต้องเป็นเรื่องดีแน่นอน”

 

ซือหยูลูบจมูก เรื่องดีงั้นรึ? เขาคิดถึงท่าทางประหลาดของซงหลวนกับเจียงมู่เฟยก่อนที่จะจากไป เขารู้สึกไม่สบายใจ

 

ครึ่งชั่วยามต่อมา พวกเขาผ่านทหารหลายระดับก่อนจะไปถึงส่วนลึกของคณะวิหคเพลิง พวกเขาหยุดอยู่ตรงตำหนักอันหรูหรา สตรีงดงามสิบสองคนที่อายุประมาณสิบหกปีนั่งอยู่อย่างเงียบเชียบในกระโจม บางคนน่ารักและดูขี้เล่น บางคนสง่างาม บางคนบอบบางและงดงาม นางคนดูสูงส่งและเงียบสงบ…

 

ทั้งสิบสองคนนั้นงดงามเป็นอย่างมาก ความน่ารักของพวกนางอยู่ที่ระดับหนึ่งในล้าน และพวกนางยังอายุพอๆกับซอืหยู พวกนางมิได้มีแต่ความงามเท่านั้น ทุกคนยังมีพลังมหาศาล

 

ทั้งสิบสองนางมองซือหยู ใบหน้าพวกนางแดงเล็กน้อยด้วยความอาย พวกนางกระซิบต่อกันและตาเป็นประกายความตื่นเต้น

 

“สิบสองคนนี้คือนคนที่น่าจะได้เป็นเฟิงเซี่ยนในยุคถัดไป”

 

มู่เทียนฟางอธิบาย

 

“รูปลักษณ์ของพวกนางอยู่จุดสูงสุด เจ้าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในงานเลี้ยงจันทร์กระจ่าง เจ้ามีสิทธิ์จะเลือกหนึ่งคนก่อนงานชุมนุมวิหคเพลิง เจ้าสนใจผู้ใดกัน?”

 

ซือหยูตกใจ พวกวิหคเพลิงคิดจะจับคู่เขาล่วงหน้ารึ?

 

“เจ้าไม่ต้องกังวลกับตัวพวกนาง”

 

มู่เทียนฟางพูดต่อ

 

“พวกนางอายุแค่สิบหกและมิได้ต้องชะตาในงานจับคู่ รุ่นต่อไปคืออีกสิบปีให้หลัง ตอนนั้นพวกนางก็คงจะอายุยี่สิบหกปีไปแล้ว พวกนางยิ่งกว่าเต็มใจที่จะหาสามีที่ยอดเยี่ยมในอายุสิบหก! และเจ้าก็ยังเป็นข้อยกเว้นโดยแท้จริง! เจ้าเป็นตำนานยอดฝีมือแห่งทวีปที่อายุสิบเจ็ดปี แล้วรูปลักษณ์ของเจ้ายังไม่ธรรมดา คุณสมบัติของเจ้านับว่าอยู่เหนือชายใด พวกนางเต็มใจมากที่จะมีเจ้าเป็นสามี เจ้าจะเลือกใครก็ได้”

 

ทั้งสิบสองคนที่ได้ยินเขินอายยิ่งกว่าเดิม นอกเหนือจากสองคนที่มีความกล้ามากกว่า ไม่มีใครเลยที่เงยหน้ามองตาซือหยู

 

แต่ซือหยูก็ถอนหายใจเบาๆ

 

“หัวหน้ามู่กำลังทดสอบข้างั้นรึ? เจ้าก็รู้ดีว่าข้าหมั้นแล้ว”

 

ไม่แปลกใจที่ซงหลวนกับคนอื่นมองเขาอย่างอบอุ่นเช่นนั้น

 

หัวหน้ามู่ถอนหายใจ

 

“นี่เป็นผลดีกับเจ้า ไม่มีทางที่เจ้าจะได้เจอกับเฟิงเซี่ยนหรอก เจ้าควรจะถอยโดยการมองหาจากที่นี่”

 

“ขอบคุณสำหรับความหวังดี แต่ข้าไม่ใช่คนที่จะมอบคู่หมั้นของตัวเองให้คนอื่นได้”

 

หัวหน้ามู่ถอนหายใจ นางอยากจะโต้แย้งแต่ก็หยุดตัวเองไว้

 

“หยินหยู ข้าไม่อยากจะปิดบังอะไรเจ้า เจ้าเข้าใจคู่หมั้นของตัวเองจริงๆหรือไม่?”

 

“ท่านจะพูดอะไรกัน?”

 

ซือหยูเลิกคิ้ว

 

หัวหน้ามู่ลังเลก่อนจะพูด

 

“ข้าได้ยินว่าเจ้าตำหนักเฉินคงสนใจในเฟิงเซี่ยน และเฟิงเซี่ยน…ดูเหมือนนางจะชอบเจ้าตำหนักเฉินคงเหมือนกัน ทั้งสองเริ่มชอบพอกันและเป็นคู่ครองที่ดี ยังมีศิษย์สตรีที่เห็นทั้งสองคน…สวมกอดกันด้วย!”

 

หัวหน้ามู่รู้สึกว่าความจริงนั้นโหดร้ายเกินไปสำหรับซือหยู เขาได้เดินทางไกลมาที่นี่แต่ก็ถูกทรยศโดยคู่หมั้น

 

ครืน—

 

เสียงแผ่นดินสะเทือนดังขึ้น ซือหยูมิอาจแยกแยะได้ว่าเป็นอัสนีจากโลกจริงหรือโลกภายในจิตใจของเขา

 

เขาตัวแข็งทื่อ ดวงตาไร้แววราวกับตุ๊กตา ความจริงนั้นน่าตกใจจนเกินไป เขาไม่เคยคิดถึงโอกาสที่เซี่ยนเอ๋อจะหักหลังเขาเลย เซี่ยนเอ๋อผู้ซุกซน น่ารัก น่าทะนุถนอม และเดียวดาย…คนที่จะไม่แต่งงานกับชายใดยกเว้นเขา…ได้เข้าสู่อ้อมกอดของอีกคนรึ?

 

เขาต้องพบเจอกับความยากลำบากมากมาย เขาเดินทางจากเกาะเฉินยี่มายังทวีปเฉินหลงเพื่อพบเซี่ยนเอ๋ออีกครั้ง แต่เขากลับได้รู้ข่าวว่านางกำลังรักกับคนอื่นอยู่งั้นรึ? เรื่องครั้งนี้ทำให้จิตใจซือหยูได้รับผลกระทบอย่างหนัก เขามิอาจสงบใจได้เลย

 

ถ้าพูดตามหลักเหตุผล เขารู้ดีว่าเซี่ยนเอ๋อมิใช่สตรีเช่นนั้น แต่ความจริงอันโหดร้ายกำลังบอกว่านางรักกับคนอื่น หรือว่าการที่ซือหยูไม่ได้อยู่ข้างนางทำให้นางหมดความรู้สึกไป ทำให้การหมั้นไม่เคยเกิด ทำให้คำสาบานหายไป? หรือว่าเซี่ยนเอ๋อจะเติบโตและถูกความมั่งคั่งในโลกอันกว้างใหญ่และอนาคตอันไร้ขอบเขตเร้าใจจนทำให้นางทิ้งอดีต? นางจะต่างอะไรกับเจียงซื่อฉิงในอดีต? กี่ครั้งกันที่เขาต้องถูกบังคับให้ถูกทรยศจากนางอันเป็นที่รัก?

 

แล้วเฟิงเซี่ยนคือเซี่ยนเอ๋อจริงๆรึ? รูปลักษณ์อาจจะเปลี่ยนไปได้ แต่นิสัยใจคอจะเปลี่ยนไปได้รึ?

 

“ข้าอยากเจอเซี่ยนเอ๋อ!”

 

ซือหยูพูดเบาๆ

 

มู่เทียนฟางถอนหายใจ

 

“ถ้ามาถึงขึ้นนี้ ทำไมเจ้าจะต้องสนใจว่าจะเจอนางหรือไม่อีกเล่า?”

 

ซือหยูไม่สนใจนาง

 

“ข้าอยากรู้เพียงเท่านั้นว่าข้ามีโอกาสจะได้พบนางในตอนนี้หรือไม่”

 

มู่เทียนฟางคิดและพูดอย่างไม่พอใจ

 

“เฟิงเซี่ยนไม่พร้อมพบคนนอก แต่เจ้าเป็นข้อยกเว้น”

 

ฟึ่บ–

 

มู่เทียนฟางหยิบผ้าเช็ดหน้าจากซือหยูออกมา

 

“นี่คือสิทธิพิเศษของเจ้า ผ้าเช็ดหน้านี้คือตัวแทนของสิทธิ์ที่เจ้าจะได้เจอเฟิงเซี่ยน! นี่คือสิทธิพิเศษเฉพาะผู้ชนะงานเลี้ยงจันทร์กระจ่าง เขียนสิ่งที่เจ้าต้องการลงไป จะมีคนนำไปส่งให้นาง แต่อย่างไรก็ขึ้นอยู่กับนางว่าอยากจะเจอเจ้าหรือไม่ ถ้านางไม่เต็มใจจะเจอเจ้า เจ้าก็มิอาจขัดความปรารถนาของนางได้”

 

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ–

 

ซือหยูเขียนสั้นๆ

 

“ข้ารอเจ้าอยู่ เซี่ยนเอ๋อ —คู่หมั้นของเจ้า”

 

มู่เทียนฟางพยักหน้าและส่งผ้าเช็ดหน้าออกไป

 

“เอาล่ะ”

 

มู่เทียนฟางบอกเหล่าศิษย์สตรีทั้งสิบสองคน

 

“พวกเจ้ากลับไปให้หมด ทิ้งที่นี่ให้กับเฟิงเซี่ยนและหยินหยู”

 

มู่เทียนฟางพานางทั้งสิบสองออกไป เหลือแค่ซือหยูอยู่ในกระโจม ซือหยูเป็นกังวล เขาไม่เคยรู้สึกหวาดกลัวว่าจะเสียเซี่ยนเอ๋อไปเหมือนตอนนี้เลย

 

ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงฝีเท้าดังเข้ามา ซือหยูหันกลับไปเห็นบุรุษรูปงาม เขามีใบหน้าหล่อเหลาเป็นอย่างมาก เขางดงามจนดูเหมือนสตรี! แววตาเขาเป็นประกาย ชุดของเขาพัดปลิวไปตามลมราวกับจันทร์กระจ่าง แม้แต่ซือหยูก็มิอาจเทียบได้

 

ฐานพลังของเขาเหนือกว่าซือหยูอย่างมาก มันสูงเกินกว่าที่เขาจะบ่งบอกได้! เขาน่ากลัวยิ่งกว่าผู้ตรวจการไป่ฮีที่ใช้พลังสูงสุด! เขาเป็นรองแค่หลิงเสี่ยวเทียน! ซือหยูไม่มีแม้แต่โอกาสจะลงมือต่อหน้าเขา

 

“เจ้าใช่หรือไม่ที่อยากพบเซี่ยนเอ๋อ?”

 

ชายหนุ่มดูอ่อนโยน ใจเย็น และไม่รีบร้อน

 

ซือหยูถามอย่างหม่นหมอง

 

“ใช่ แล้วเจ้าเป็นใคร?”

 

“เฉินคง คู่หมั้นของเซี่ยนเอ๋อ”

 

เขาคือเจ้าตำหนักเฉินคง! รองเจ้าตำหนักคนเดียวที่ซือหยูไม่เคยพบ! รองเจ้าตำหนักที่แข็งแกร่งที่สุดตามคำร่ำลือแห่งทวีป เขาเป็นรองแค่หลิงเสี่ยวเทียน!

 

ซือหยูเบิกตากว้าง นี่รึคนที่เซี่ยนเอ๋อสนใจ?

 

เขามิอาจปฏิเสธได้ว่าเฉินคงนั้นมีคุณสมบัติทุกอย่างอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่มีใครในทวีปนี้ที่จะเหนือไปกว่าเขาได้!

 

“เจ้าคือคู่หมั้นของเซี่ยนเอ๋อรึ?”

 

เฉินคงถาม

 

“ข้าไม่รู้ว่าทำไมเจ้าถึงเรียกตัวเองว่าอย่างนั้น แต่เสียใจด้วย นางไม่คิดจะพบเจ้า”

 

เฉินคงเพียงมาบอกคำพูดของเซี่ยนเอ๋อ ซือหยูตัวแข็งทื่อ แม้แต่เซี่ยนเอ๋อก็ไม่อยากจะเจอเขารึ? มิเช่นนั้นนางก็คงจะไม่ให้คนที่นางรักมาพูดแทนนางใช่หรือไม่? นางหวังจะให้ซือหยูยอมแพ้หรือ?

 

“แล้วก็…”

 

ก่อนที่เฉินคงกำลังจะกลับ เขาหันมามอง

 

“อย่ามารบกวนเซี่ยนเอ๋ออีก มิเช่นนั้น…จะไม่มีใครช่วยเจ้าได้”

 

เขาสะบัดมือเบาๆ กระโจมที่ซือหยูอยู่ได้กลายเป็นฝุ่นผงในทันที

 

ซือหยูตัวแข็งทื่อ เขากำหมัดแน่น บุรุษผู้นี้ขโมยผู้หญิงของเขาไปแล้วยังมีหน้ามาเตือนเขาอีกรึ?

 

ความโกรธแค้น ความริษยา ความไม่เป็นธรรม เติมเต็มจิตใจ ซือหยูรู้สึกว่าจิตวิญญาณของตัวเองว่างเปล่า เสาค้ำจิตวิญญาณของเขาพังทลายลง

 

เขาโกรธแค้น เขารู้สึกราวกับเป็นเรือที่ไร้มหาสมุทร ไร้บ้านให้กลับ เขามองจันทร์กระจ่าง สายลมพัดผ่านเบาๆแต่ซือหยูราวกับหุ่นเชิดไม้ที่ยืนจนถึงเช้า ดวงตาแห้งผากเปื้อนโลหิต มันเสียความงดงามที่เคยมี

 

ซือหยูหันไปมองนอกสวน

 

“หัวหน้ามู่ ข้าจะเจอเซี่ยนเอ๋อได้ยังไง?”

 

เขาถาม

 

ฟึ่บ–

 

นางบินออกมาจากมุมกำแพง เป็นมู่เทียนฟางที่อยู่กับซือหยูมาตลอดคืน

 

“ถึงเรื่องจะเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ยังไม่ยอมแพ้อีกรึ?”

 

มู่เทียนฟางถอนหายใจ

 

ซือหยูส่ายหน้า แววตาแห้งผากปักประดับความรู้สึกสูญเสีย

 

“เซี่ยนเอ๋อที่ข้ารู้จัก แม้นางจะเปลี่ยนใจแบบพลิกฝ่ามือ นางก็มิอาจใช้จิตใจเช่นนี้ เฟิงเซี่ยนคือเซี่ยนเอ๋อที่ข้าตามหาจริงๆรึ?”

 

ซือหยูครุ่นคิดมาตลอดคืน หลังจากที่เขาใจเย็นลงก็ตระหนักว่าเรื่องนี้มีสิ่งประหลาดมากมาย และซือหยูยังมิอาจคลายข้อสงสัยในตัวตนของเฟิงเซี่ยน เซี่ยนเอ๋อนั้นบริสุทธิ์และจิตใจดี ไม่ว่านางจะเปลี่ยนไปรักใครอื่นหรือไม่ นางจะเยือกเย็นไร้เยื่อใยได้เช่นนี้รึ?

 

นี่เหมือนไม่ใช่นาง นอกจากเฟิงเซี่ยนแล้วยังมีเซี่ยนเอ๋ออีกคนในคณะวิหคเพลิงรึ? เกิดอะไรขึ้นกัน? ทางเดียวที่เขาจะพิสูจน์ได้ก็คือการเจอเฟิงเซี่ยนด้วยตาตัวเอง!

 

มู่เทียนฟางถอนหายใจอย่างไม่พอใจ

 

“เจ้าจะต้องได้ที่หนึ่งในงานชุมนุมวิหคเพลิง ถ้าเจ้าทำได้ เจ้าจะได้เจอกับเฟิงเซี่ยนอย่างแน่นอน นางมิอาจปฏิเสธเจ้าได้ นอกนั้นก็ไม่มีทางอื่นแล้ว”

 

ซือหยูออกจากที่นี่ แววตาเต็มไปด้วยเพลิงแค้น

 

“เช่นนั้นข้าก็จะได้ที่หนึ่ง! ข้าจะฆ่าทุกคนที่คิดจะหยุดข้า ถึงข้าจะต้องฆ่ายอดฝีมือทุกคนในทวีปก็ตาม!”